**ในบทนี้การจัดบรรทัดจะแปลกไป เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิค หากทางเราสามารถแก้ไขได้แล้วจะกลับมาแก้ไขให้นะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ**
บทที่ 40 หอมรกตแดง[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงไม่รู้ว่าโม่หยูถังจะพาเขาไปที่ไหน ฉะนั้นเขาจึงต้องจัดการเรื่องความปลอดภัยของลูก ๆ เขาก่อน
เมื่อเสร็จแล้วเขาจึงพร้อมที่จะออกไปข้างนอกกับพ่อบ้าน
โม่หยูถังส่งแหวนมิติที่ภายในมีเหรียญทองอยู่จำนวนมากให้กับหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “นายท่าน ในแหวนวงนี้มีเหรียญทองอยู่ 200,000 เหรียญ ท่านเก็บไว้กับตัวก่อนเผื่อกรณีฉุกเฉิน สถานที่ที่เราจะไปนั้นเราไม่สามารถอยู่ได้นานหากไม่มีเหรียญทอง”
หลิงตู้ฉิงรู้สึกแปลกใจ สถานที่ใดกันที่ต้องใช้เงินมากขนาดนี้?
โม่หยูถังพูดต่อ “นายท่าน พอท่านเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้วจะมีผู้หญิงเข้ามาทำสิ่งแปลก ๆ กับท่านเพื่อให้ท่านเข้าใจอารมณ์ของชายและหญิง แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนไม่ว่า
จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ท่านห้ามฆ่าพวกนางเด็ดขาด หากท่านไม่ชอบจริง ๆ ท่านก็เดินออกมาหาข้า แล้วเราค่อยหาวิธีการอื่นมาแก้ปัญหาให้ท่านแทน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่พวกนางสามารถช่วยแก้ปัญหาของข้าได้ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ฆ่าใครเท่านั้น ข้าจะสมมนาคุณรางวัลให้พวกนางอีกด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่หยูถังจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ แต่เขาก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าหลิงตู้ฉิงอาจจะสังหารผู้หญิงทั้งหมดเช่นเดิมเหมือนที่หลิงตู้ฉิงเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับชีวิตชาติก่อน
เนื่องจากคำถามของหลิงตู้ฉิงนั้นลึกซึ้งเกินไปจนโม่หยูถังไม่รู้จะอธิบายยังไงเป็นคำพูด มันจึงเป็นการดีกว่าที่จะพาหลิงตู้ฉิงไปที่หอนางโลมเพื่อได้รับประสบการณ์
โดยตรงด้วยตัวเอง
โม่หยูถังได้เลือกหอนางโลมอันดับหนึ่งที่โด่งดังที่สุดในเมืองฟินิกซ์ สถานที่แห่งนั้นชื่อ หอมรกตแดง
ระหว่างทางโม่หยูถังได้ย้ำถึงเรื่องการปฏิบัติตัวเมื่อเข้าไปยังหอมรกตแดงกับ หลิงตู้ฉิงอยู่อีกหลายรอบ เขากังวลใจเป็นอย่างมากกลัวว่าเรื่องนี้อาจจะจบไม่สวย
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าหอมรกตแดง ความกังวลที่อยู่ในใจโม่หยูถังก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เพราะเขาเดาได้ว่าหลังจากเข้าหอมรกตแดงไปแล้ว แน่นอนเหล่าสตรีมากมายจะต้องเข้ามารุมล้อมหลิงตู้ฉิงทันทีที่เดินเข้าไป ซึ่งอาจจะทำให้หลิงตู้ฉิงสับสนเข้าใจผิดคิดว่าผู้หญิงเหล่านั้นประสงค์ร้าย และหลิงตู้ฉิงอาจมีปฏิกิริยาตอบโต้สังหารผู้หญิงทั้งหมดก็เป็นได้
เขารู้สึกว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้จริงเพราะหลิงตู้ฉิงคนนี้เป็นคนที่แปลกที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิตของเขา
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในอาคาร กลุ่มสตรีก็มาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขา
เมื่อเจอสถาณะการณ์แบบนี้ หลิงตู้ฉิงเริ่มขมวดคิ้ว ถ้ามันเป็นชีวิตชาติที่แล้วของเขา ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เขาคงจะเหวี่ยงดาบใส่ไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากในชาตินี้เขาบำเพ็ญเต๋าตู้ฉิงและควบคู่ไปกับคำขอของโม่หยูถังที่ขอเขาไว้ แม้ว่าเขาจะขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
โม่หยูถังผู้ซึ่งเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีรีบหยิบเหรียญทองจำนวนหนึ่งจากวงแหวนมิติและโยนมันเข้าหากลุ่มผู้หญิงแล้วถามหญิงคณิกาเหล่านั้นว่า “ไปเรียกคนดูแลของพวกเจ้ามา นายข้าต้องการห้องที่ดีที่สุด”
หนึ่งในหญิงสาวที่มารุมล้อมพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าหนาเตอะเดินเข้ามาหาโม่หยูถัง “ข้าคือหงเหม่ย เป็นผู้จัดการของที่นี่ ท่านมีสตรีที่คุ้นเคยหรือยัง หรือถ้ายังท่านต้องการหญิงสาวประเภทไหน?”
โม่หยูถังกล่าวอย่างมีอำนาจ “บอกผู้หญิงพวกนี้ให้ถอยไปและจัดห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดให้กับนายท่านของข้า!”
เมื่อหงเหม่ยเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของโม่หยูถังและอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ข้างหลัง นางจึงรีบโบกมือให้กลุ่มหญิงสาวถอยออกไป
นางสังเกตเห็นว่าเจ้านายของตาเฒ่าผู้นี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังออกอาการไม่ค่อยพอใจกับบรรดาสาว ๆ ที่มาล้อมหน้าล้อมหลังสักเท่าไหร่ หญิงสาวคนอื่น ๆ ก็ฉลาด เมื่อพวกนางเห็นว่าลูกค้าไม่ชอบฉากแบบนี้พวกนางก็ถอยกลับทันที
หงเหม่ยสั่งให้คนจัดห้องส่วนตัวรับรองแขกระดับสูงแก่หลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็วและนำเขาไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม โม่หยูถังไม่ตามไปด้วย เขาพูดกับหลิงตู้ฉิง “นายท่านไปที่ห้องก่อน ข้าได้นัดพบสหายเก่าไว้ที่นี่”
หลังจากหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว โม่หยูถังก็มอบเหรียญทอง 1,000 เหรียญ ให้กับหงเหม่ยและกระซิบกับนางว่า “ข้าให้พันเหรียญทองนี้แก่เจ้าก่อน ถ้านายท่านของข้าพอใจข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีก”
เมื่อเห็นว่าโม่หยูถังเสนอราคา 1,000 เหรียญทอง รอยยิ้มของหงเหม่ยก็สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดดอกไม้ที่งามที่สุดของเราให้กับเจ้านายของท่าน!” หงเหม่ยยิ้ม
โม่หยูถังกล่าวเตือน “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ข้าต้องการให้เจ้าหาคนที่ดีสุดของเจ้ามาสองคนบริการนายของข้า ที่สำคัญคนแรกจะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์เท่านั้นและอย่าได้แม้แต่จะคิดตบตานายของข้าเป็นอันขาด เพราะหากนายของข้าไม่พอใจขึ้นมา เจ้าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหวและคนที่สอง ข้าขอแบบที่ฉลาด เอาอกเอาใจเก่งและเรียบร้อย ที่สำคัญต้องมีประสบการณ์เชี่ยวชาญในการปรนนิบัตรเป็นอย่างดีที่สุด”
หงเหม่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า หากต้องการหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ด้วยข้าเกรงว่า 1,000 เหรียญทองที่ท่านให้มาคงจะไม่พอ”
โม่หยูถังพูดอย่างมั่นใจว่า “ข้าสามารถจ่ายให้เจ้าได้ 100,000 เหรียญทอง แต่ถ้าคนที่เจ้าหามาให้นั้นไม่คุ้มค่าล่ะก็เจ้าก็เตรียมตัวรับผลกระทบที่ตามมาได้เลย”
หงเหม่ยยิ้มและพยักหน้า “ไม่มีปัญหาข้ารับรองว่าพวกท่านจะต้องพึงพอใจแน่นอน”
แม้ว่านางจะยิ้ม แต่ในใจนางก็รู้สึกสงสัย
สองคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงหยิ่งผยองแบบนี้?
“เอาล่ะไปเลือกคนได้แล้ว และพาผู้หญิงของเจ้ามาที่นี่ให้ข้าดูก่อน” โม่หยูถังสั่ง
หงเหม่ยยิ้มแล้วพูดว่า “ตกลง ข้าจะไปจัดการทันที!”
ผ่านไปสักพัก หงเหม่ยก็กลับมาพร้อมกับสตรีสองคน ทั้งสองคนไม่ได้แต่งหน้า คนหนึ่งดูเขินอายส่วนอีกคนดูสงบเงียบเรียบร้อย
“ถ้าเป็นสองคนนี้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
โม่หยูถังมองไปที่สตรีทั้งสองจากนั้นโบกมือให้กับหงเหม่ยและพูดว่า “พวกนางสองคนใช้ได้ เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ข้าต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างกับสาวน้อยสองคนนี้ตามลำพัง”
“ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีช่วงเวลาที่รื่นรมย์ ข้าขอตัว…” หงเหม่ยขมวดคิ้วและออกจากห้องไป
ด้วยความสงสัยหงเหม่ยได้เดินไปที่ห้องส่วนตัวที่อยู่ข้าง ๆ ห้องของหลิงตู้ฉิง เมื่อนางเดินไปถึงหน้าห้องนั้นมีคนเฝ้าประตูยืนขวางอยู่ นางจึงเอ่ยถามคนที่เฝ้าประตูว่า “ท่านเจิ้น อยู่ข้างในหรือไม่? สะดวกไหมที่จะให้ข้าเข้าไปในห้อง?”
ผู้คุ้มกันพยักหน้าและปล่อยให้หงเหม่ยเข้าไป
ให้อง เจิ้นสีชวงกำลังเล่นหยอกล้อกับสาวงามคนหนึ่ง เมื่อเห็นใครบางคนเข้ามาในห้อง เขาจึงหันไปมอง แต่เมื่อว่าเห็นเป็นหงเหม่ยที่เข้ามา เขาจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจและกลับไปหยอกล้อกับหญิงสาวต่อ
หงเหม่ยเมื่อเห็นเจิ้นสีชวงไม่สนใจนางนางจึงพูดขึ้นว่า “ท่านเจิ้น มีแขกแปลก ๆ สองคนอยู่ที่นี่ ข้าทราบว่าท่านเจิ้นเป็นผู้กว้างขวาง ข้าจึงมีความสงสัยอยากถามว่าท่านพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับคนเหล่านั้นหรือไม่?”
เพราะโม่หยูถังดูหยิ่งเกินไป นางจึงเดาว่าเขาคงเป็นผู้ติดตามของขุนนางชั้นสูง และเมื่อพูดถึงขุนนางมันก็เหมาะสมที่จะมาถามเจิ้นสีชวงเพราะตระกูลเขาก็เป็นตระกูลขุนนางเช่นกัน
เมื่อหงเหม่ยเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงและโม่หยูถังให้เจิ้นสีชวงฟังจนจบ นางจึง ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านเจิ้น เขาอาจจะเป็นขุนนางมาจากเมืองอื่นหรือเปล่า?”
เจิ้นสีชวงตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ขุนนางใหญ่อะไรกัน พวกมันเป็นแค่คนธรรม
ดา ๆ ในเมืองนี้แค่นั้น! คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกมันจะมาที่นี่โดยไม่มีผู้คุ้มกัน เดี๋ยวรอข้าตามคนมาก่อนเถอะ ข้าจะไปเอาชีวิตมันทันที!”
“ท่านเจิ้น…ข้าคิดว่าการต่อสู้ที่นี่คงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสักเท่าไหร่” หงเหม่ยรีบพูด
เจิ้นสีชวงตอบอย่างเย็นชาว่า “แล้วมันจะยังไงล่ะ!? ถ้ามีอะไรเสียหายเดี๋ยวข้าจะจ่ายชดใช้ให้กับพวกเจ้าเอง! แล้วเจ้าอย่าได้ลืมไปนะถ้าไม่มีการสนับสนุนจากข้า เจ้าจะ
สามารถพัฒนาหอนางโลมของพวกเจ้ามาได้ถึงขนาดนี้หรือเปล่า?”
หลังจากพูดจบเจิ้นสีชวงไม่สนใจหงเหม่ยอีกต่อไป เขาเริ่มติดต่อหากำลังเสริมมาเพิ่ม เขาไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงจะมาเที่ยวหอนางโลมโดยไร้ผู้คุ้มกัน ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าเขาจะไม่พลาดโอกาสนี้
หงเหม่ยเมื่อเห็นว่าเจิ้นสีชวงไม่สนใจกับคำขอร้องของนาง นางจึงกระทืบเท้าแล้วเดินจากไป
ในอีกด้านหนึ่ง โม่หยูถังที่กำลังอธิบายปัญหาให้หญิงสาวทั้งสองคนฟัง พวกนางรู้สึกอึดอัดและงุนงงเล็กน้อย แม้ว่าหนึ่งในพวกนางจะอยู่ในหอนางโลมนี้นานแล้วและรับใช้แขกด้วยเรือนร่างเป็นกิจวัตร แต่คำขอของโม่หยูถังมันทำให้พวกนางรู้สึกแปลก ๆ
“ถ้าพวกเจ้าทำได้ดี ข้ารับรองว่าจะตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม!” โม่หยูถังพูดต่อ “พวกเจ้าจงจำไว้นะในอนาคต เมื่อเจ้านายของข้ามีฐานะสูงส่ง หากเขานำเรื่อง
ประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่ในคืนนี้ไปเล่าให้กับบรรดาคนใหญ่คนโตฟัง ข้ารับ
ประกันว่าที่นี่จะต้องมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจนแน่นขนัดเชียวล่ะ ในตอนนี้ประโยชน์ที่พวกเจ้าจะได้รับ มันขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว เอาล่ะ ตามข้ามา!”
โม่หยูถังนำหญิงสองคนมาที่ห้องของหลิงตู้ฉิงและพูดทันทีที่เข้ามาว่า “นายท่าน พวกนางจะให้คำตอบที่สมบูรณ์สำหรับคำถามของท่าน!”
หลังจากพูดจบโม่หยูถังก็ออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก