บทที่ 35 ยาพิษ[รีไรท์]
ในระหว่างที่ต่อสู้กับนักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตทั้งสาม ไร้เงารู้สึกได้เสมอว่ายังมีนักฆ่าอีกคนซ่อนตัวอยู่ซึ่งไม่ยอมโผล่ออกมาร่วมวง
เขาได้ลองใช้วิชาประสาทสัมผัสนักฆ่าของเขาเพื่อค้นหานักฆ่าอีกคนที่เหลือ แต่ก็ยังไม่พบตำแหน่งที่แน่ชัด
หลังจากที่เขาทราบจุดซ่อนตัวจากโม่หยูถัง แม้ว่าเขาจะพบกับนักฆ่าแต่มันก็สายเกินไป นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่รู้ถึงการมาของเขาก่อนแล้วและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งไว้แม้แต่เงาให้เขาเห็นด้วยซ้ำว่าเป็นใคร ซึ่งทำให้เขารู้สึกหดหู่
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับอารมณ์ของเขาตอนนี้
มี่ไลถามขึ้นว่า “นายท่าน ต้องการให้ข้าส่งคนไปตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นคนกลุ่มไหนที่ว่าจ้างนักฆ่าเหล่านี้มา”
หลิงตู้ฉิงยิ้มเยาะ “ไม่จำเป็น เรื่องนี้เดาไม่ยาก พวกเรามีศัตรูแค่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น”
“แล้วเราจะทำอย่างไรดีตอนนี้?” มี่ไลถาม
ที่จริงแล้วนางก็พอเดาได้ว่าต้องเป็นคนจากตระกูลเจิ้นแน่นอนที่อยู่เบื้องหลังนักฆ่าเหล่านี้ นางเพียงแค่ต้องการที่จะส่งคนออกไปหาหลักฐานการจ้างวานก่อนเพื่อที่จะใช้หลักฐานเหล่านั้นเป็นข้ออ้างในการเล่นงานตระกูลเจิ้น
แต่ก่อนที่นางจะส่งคนออกไปนางยังต้องถามความเห็นของหลิงตู้ฉิงผู้ซึ่งเป็นนายของนางก่อน
“แล้วเราจะทำอะไรต่อไปนายท่าน?”
“ตอนนี้เราไปกินมื้อค่ำกันก่อน” หลิงจากพูดเสร็จหลิงตู้ฉิงผู้ซึ่งกำลังอุ้มหลิงไช่หยุนได้ออกเดินหน้าต่อไปยังร้านอาหาร
ผู้คุ้มกันที่เหลือก็ไล่ตามหลิงตู้ฉิงไป นอกเหนือจากสายตาที่พวกเขามองไปยังหลิงตู้ฉิงอย่างแปลก ๆ แล้วพวกผู้คุ้มกันก็เริ่มมองดูโม่หยูถังอย่างพิศวงเช่นกัน
พ่อบ้านชราธรรมดาที่ไม่มีแม้กระทั่งพลังวิญญาณกลับสามารถชี้แนะพวกเขาได้?
การชี้แนะของชายชราผู้นี้ช่างทรงพลัง แม้เขาไม่มีพลังวิญญาณใด ๆ แต่ชายชราผู้นี้สามารถชี้แนะให้พวกเขาฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ชายชราคนนี้เป็นตัวตนที่น่าหวาดเกรงยิ่งกว่านักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตทั้งสามนั้นเสียอีก
หลังจากจ้องมองแปลก ๆ ซักพัก จู้กว่างเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “นายท่าน พวกเสื้อคลุมโลหิตจะต้องไม่ยอมปล่อยท่านไปอย่างง่ายดายแน่ ชื่อเสียงของเสื้อคลุมโลหิตคือนักฆ่าที่ไม่มีวันยอมแพ้ หลังจากนี้พวกเขาจะส่งนักฆ่ามาเพิ่มอีกอย่างแน่นอน”
ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะพูดอะไร โม่หยูถังพูดอย่างเหยียดหยามว่า “มันไม่สำคัญหรอกว่านักฆ่าพวกนี้มันจะเคยมีชื่อเสียงอะไรมา ตราบใดที่พวกมันกล้ามาอีก พวกเราจะกำจัดมันให้หมด! เมื่อกลับเรือน ข้าจะให้คำชี้แนะแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าฝึกซ้อมได้ดี บางทีนายท่านอาจจะให้คำชี้แนะแก่พวกเจ้าบ้างเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกผู้คุ้มกันก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
พวกเขาหวังเป็นอย่างมากที่จะได้รับการชี้แนะจากหลิงตู้ฉิง
หลังจากที่จัดการกับพวกนักฆ่าเสร็จแล้ว การเดินทางที่เหลือก็ราบรื่นไร้อุปสรรค
เมื่อมาถึงภัตตาคารหงส์บิน เด็ก ๆ ต่างสั่งอาหารจานโปรดของตนอย่างไม่หยุดปาก ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้ห้ามพวกเขา
นี่เป็นเพราะครอบครัวของเขาอยู่ในสภาพยากจนมาเป็นเวลานาน ในเมื่อตอนนี้พวกเขาพอมีเงินบ้างแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงไม่ต้องการที่จะขัดใจพวกเด็ก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กชายและหญิงเหล่านี้ยังอยู่ในวัยเติบโตพวกเขาควรได้กินอาหารดี ๆ อย่างเต็มที่
ในระหว่างที่บรรดเด็ก ๆ กำลังง่วนกับการสั่งอาหารกันที่ภัตตาคารหงส์บิน
เจิ้นสีชวงและเจิ้นป่าเจ่า ซึ่งกำลังมองไปยังนักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตที่รอดกลับมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว เจิ้นสีชวงพูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้าไม่ได้พูดหรือว่าจะเอาหัวของคนแซ่หลิงกลับมาได้อย่างแน่นอน”
เสื้อคลุมโลหิตคนนี้เป็นคนที่หนีรอดไปได้หลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักโดยจู้กว่างเต๋อ และคนอื่น ๆ
“ท่านไม่ได้บอกเราว่าเขามีผู้คุ้มกันและผู้ติดตามอยู่อีกหลายคน!” เสื้อคลุมโลหิต มองเจิ้นป่าเจาอย่างเยือกเย็นและพูดว่า “เพราะข้อมูลที่ผิดพลาดของพวกท่านทำให้คนของเราถูกฆ่าตายไป 2 คน เงินของท่านที่จ่ายมารอบนี้ข้าจะคืนไปให้ท่านก่อน และหลังจากนี้ทางเราจะส่งผู้เชี่ยวชาญคนอื่นมาจบงานนี้แทนข้า”
“เสื้อคลุมโลหิตของเราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ ในเมื่อเรายอมรับสัญญาจ้างวานของท่านแล้ว เราจะต้องทำภารกิจของเราให้สำเร็จแน่นอน พวกท่านไม่ต้องกังวล ชื่อของคนตระกูลหลิงจะถูกนำไปขึ้นบัญชีมรณะแน่นอน หลังจากข้ากลับไป ทางองค์กรจะส่งผู้เชี่ยวชาญที่ระดับสูงกว่าข้ามาที่นี่ทันที แต่อย่างไรก็ตามพวกท่านจะต้องจ่ายค่าจ้างให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อเป็นการชดเชยให้กับทางองค์กรของเรา”
หลังจากนักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตที่ได้รับบาดเจ็บพูดจบเขาก็รีบเดินออกไปโดยไม่ได้กล่าวถึงเรื่องเงินที่ทางตระกูลเจิ้นจะต้องจ่ายเพิ่มว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
เจิ้นสีชวงพูดอย่างเกลียดชัง “ไอ้พวกเวรขยะนี้มันไม่แม้แต่จะทำงานให้สำเร็จแต่กลับจะขอเรียกค่าจ้างเพิ่มอีก!”
เจิ้นป่าเจายังพูดอย่างดุเดือดว่า “หลิงตู้ฉิงคนเดียวจะหาผู้คุมกันระดับสูงได้อย่างไรในช่วงเวลาสั้น ๆ มันต้องเป็นตระกูลมี่ที่จัดหาให้กับหลิงตู้ฉิงแน่ ๆ ตระกูลมี่นี่มันระยำจริง ๆ รอก่อนเถอะ ข้าจะต้องคิดบัญชีกับพวกมันไม่ช้าก็เร็ว”
หลังจากที่สองพี่น้องสาปส่งพวกตระกูลมี่เสร็จ พวกเขาก็นั่งลงเพื่อหารือกันต่อ
“พี่ใหญ่เราจะเอายังไงดีกับพวกเสื้อคลุมโลหิต ราคาที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกก็ปาเข้าไป 500,000 เหรียญทองแล้ว และตอนนี้พวกมันยังจะให้เราจ่ายเพิ่มอีก” เจิ้นสีชวงถาม
เจิ้นป่าเจ่าคิดสักพักแล้วก็พูดอย่างใจเย็นว่า “เราก็ยังมีกลุ่มนักฆ่าของเราเองอยู่ ตราบใดที่นักฆ่าของเราสามารถจัดการกับหลิงตู้ฉิงได้ก่อน เราก็ไม่ต้องจ่ายเงินให้กับพวกเสื้อคลุมโลหิตอีกต่อไป อย่างมากเราก็แค่จ่ายค่าชดเชยสำหรับการสูญเสียของพวกเขา”
เจิ้นสีชวงพูด “ข้าหวังว่านักฆ่าของเราจะทำงานสำเร็จและกำจัดหลิงตู้ฉิงได้โดยเร็วที่สุด”
“ถ้าเราเตรียมนักฆ่าของเราให้ดี เราก็ควรที่จะฆ่าหลิงตู้ฉิงได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ต่อให้นักฆ่าของเรายังฆ่ามันไม่ได้ ตราบใดที่เรามีเงินเราก็สามารถกำจัดหลิงตู้ฉิงได้ในเวลาไม่ช้าก็เร็ว”
เจิ้นสีชวงหัวเราะ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันก็เยี่ยมมาก! แต่ท่านพี่ หากว่าเราสามารถจับเป็นหลิงตู้ฉิงและลูก ๆ ของมันได้ ข้าอยากที่จะนำพวกมันมาเล่นอะไรสนุก ๆ ก่อนฆ่าพวกมันสักหน่อย”
เจิ้นป่าเจาทำหน้ามุ่ย “พวกตระกูลหลิงส่วนใหญ่มีแต่เด็กตัวเล็ก ๆ จับมาได้ก็มีแต่เสียงร้องไห้กระจองงองแงมันน่าสนุกตรงไหน?”
เจิ้นสีชวงหัวเราะ “ท่านไม่เข้าใจ ข้าชอบเห็นพวกเขาร้องไห้และขอความเมตตาจากข้า! พี่ใหญ่ข้าจะไปเที่ยวที่หอมรกตแดงก่อน ถ้าท่านมีข่าวดีข้าอยากให้ท่านส่งคนมาแจ้งข้าด้วย”
เจิ้นป่าเจ่ามองไปยังเจิ้นสีชวงที่กำลังเดินจากไป เขาส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร
เขาไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับความคิดนอกลู่นอกทางของน้องชาย
กลับมาที่ฝั่งของหลิงตู้ฉิง ตอนนี้อาหารที่สั่งกำลังเริ่มทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
เด็ก ๆ ต่างตื่นเต้นกันมาก พวกเขาจับตะเกียบ แสดงท่าทางพร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่จานอาหารที่กำลังนำมาวางบนโต๊ะ
เมื่ออาหารที่เรียกว่า “ถุงทอง” มาเสิร์ฟ หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วมองไปยังอาหารในจานนั้น เมนูนี้ทำมาจากเนื้อสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อสูรไหมทองคำ เนื้อของอสูรไหมทองคำนั้นอร่อยและเป็นอาหารชั้นสูงของภัตตาคารมากมาย
เมื่อได้กลิ่นหอม เด็ก ๆ ก็เริ่มน้ำลายไหล พร้อมกับจับตะเกียบอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากนั้นอาหารอีก 2-3 จานก็เริ่มนำมาวาง จนจานสุดท้ายที่นำมาวางคือปลาค็อดสีเงินย่าง
แต่พอเห็นจานสุดท้ายวางลงบนโต๊ะ สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญพิษ เจี้ยนหนีฉาง เปลี่ยนไปทันทีนางรีบพูดกับทุกคนว่า “อย่าพึ่งกิน ในอาหารมียาพิษ!”