บทที่ 29 ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์[รีไรท์]
คำพูดของมี่ตั้วตั้วทำให้มี่ไลตกตะลึงในทันที
นางเป็นถึงบุตรสาวคนโตของผู้นำตระกูลมี่ นางจะไปเป็นบ่าวรับใช้ให้ตระกูลอื่นได้ไง?
“ท่านพ่อ! ท่านเลอะเลือนไปแล้วรึไง?” มี่ไลพูดกับมี่ตั้วตั้วเสียงต่ำ
มี่ตั้วตั้วพูดอย่างมั่นใจ “ในชีวิตพ่อของเจ้า การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดนอกจากการตั้งชื่อเจ้าสองคนพี่น้อง มันอาจจะเป็นการตัดสินใจครั้งนี้! เชื่อพ่อสิ พ่อของเจ้าไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดในชีวิต มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะพัฒนาหอการค้ามี่ตั้วตั้วให้รุ่งเรืองได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ”
“แต่…ท่านจะให้ลูกสาวของท่านไปเป็นบ่าวรับใช้คนอื่น แล้วทุกคนจะมองข้ายังไง?” มี่ไลพูดอย่างว่องไว
มี่ตั้วตั้วพูดในทันที “พ่อรู้…แต่เชื่อพ่อ…คนที่หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่า ในอีกไม่กี่ปี เจ้าคอยดูได้เลยว่าใครจะหัวเราะเยาะเจ้าได้บ้าง”
มี่ไลส่ายหัวและพูดด้วยความไม่เชื่อว่า “ทะ ท่าน! ต้องไม่ใช่พ่อของข้าอย่างแน่นอน หรือไม่ท่านก็ต้องบ้าไปแล้ว!”
มี่ตั้วตั้วเหม่อมองไปไกลอย่างไม่มีจุดหมายและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้าได้สังเกตทุก ๆ อย่างของหลิงตู้ฉิงดีแล้วหรือยัง ทั้งอากัปกริยา ทั้งสีหน้า ทั้งความเยือกเย็นของหลิงตู้ฉิงหลังจากที่เราเข้าไปในเรือนของเขา รวมถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในเรือน”
มี่ไลขมวดคิ้วแน่นในขณะที่นางเริ่มนึกถึงสภาพแวดล้อมภายในลานกลางเรือน
มี่ตั้วตั้วไม่รอคำตอบจากมี่ไล เขาพูดต่อ “พ่อเห็นระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิง ซึ่งอยู่ในระดับจุดสูงสุดขอบเขตหลอมรวมลมปราณ แต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญในระดับขอบเขตประสานทะเลปราณอย่างข้าและคนตระกูลเจิ้นที่มาสร้างปัญหาให้ หลิงตู้ฉิงกลับไม่มีปฏิกิริยาตื่นกลัวใด ๆ เลย”
“ยิ่งกว่านั้นเจ้าสังเกตสายตาของพวกเด็ก ๆ หรือไม่ พวกเขาทั้งหมดมองหลิงตู้ฉิงอย่างตื่นเต้น ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลยสักนิด ซึ่งทั้งหมดนี้มันผิดปกติมาก! นอกจากนี้ถังชี่หยุนที่เจ้าเชิญมาให้ตระกูลหลิงก็ยังมองหลิงตู้ฉิงด้วยความชื่นชม”
“ปัจจุบันระดับบ่มเพาะของถังชี่หยุนอยู่ที่จุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณ แต่นางกลับมองหลิงตู้ฉิงด้วยความชื่นชม ทั้ง ๆ ที่นางเป็นผู้ฝึกตนในระดับที่สูงกว่าหลิงตู้ฉิงอยู่หนึ่งขอบเขตเต็ม ๆ และเจ้าเห็นเจิ้นสีชวงที่นั่งคุกเข่าในตระกูลหลิงโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ไหม? ตระกูลเจิ้นพาคนมาตั้งมากมายแต่ยังไม่สามารถทำให้เจิ้นสีชวงที่นั่งคุกเข่าอยู่เคลื่อนไหวได้เลย เจ้าคิดว่ามันไม่แปลกหรือยังไง? แม้ภายหลังจะสามารถลุกขึ้นได้ แต่ก็เป็นเพราะหลังจากที่หลิงตู้ฉิงอนุญาตให้ลุกขึ้นเท่านั้น จากที่พ่ออธิบายให้เจ้าฟังทั้งหมด เจ้ายังคิดว่าหลิงตู้ฉิงเป็นคนธรรมดาอยู่ไหม?”
มี่ไลพูดเสียงเบาว่า “ก็จริงที่มันแปลก แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทำำมท่านพ่อต้องให้ข้าวไปเป็นบ่าวของเขาอยู่ดี!”
มี่ตั้วตั้วหยุดเหม่อและหันมามองดูมี่ไลด้วยแววตาเป็นประกาย “นั่นก็เพราะ พ่อเคยเห็นวิธีการแบบนี้มาก่อน! ตอนที่สมัยพ่อยังเป็นเด็ก ปู่ของเจ้าพาพ่อไปที่สำนักจันทราเคลื่อนคล้อย ที่นั่นพ่อได้เห็นการต่อสู้อันยิ่งใหญ่”
คนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 ส่วนอีกคนเพิ่งบรรลุเข้าสู่ขอบเขตการประสานทะเลปราณ ในตอนนั้นทุกคนที่ชมการประลองต่างก็คิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราต้องเป็นเป็นฝ่ายชนะแน่นอน แต่แล้ว..เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นมันก็แทบจะจบลงทันที”
“เมื่อสัญญาณการประลองเริ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณได้โบกมือวาดลวดลายบางอย่างบนอากาศและจากนั้นร่างของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 ก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วนและดับสิ้นชีวิตลงทันที พ่อจำภาพการต่อสู้ในครั้งนั้นได้ดีและพ่อคงไม่มีวันลืมตลอดชีวิตของพ่อ ต่อมาพ่อก็ได้รู้ว่าผู้ที่ชนะการประลองในครั้งนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท หลังจากสอบถามคนรู้จักและค้นคว้าหาข้อมูลเป็นเวลานาน ในที่สุดพ่อก็เข้าใจตัวตนอันน่าสะพรึงของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทคืออะไร ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ คือ ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท เป็นกลุ่มคนที่ศึกษาวิชานอกรีต แต่มีความสามารถที่จะท้าทายศัตรูที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตของตนเองได้ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ศึกษาพลังแห่งกฎต่าง ๆ ในโลกใบนี้ ตราบใดที่พวกเขาบรรลุความเข้าใจกฎของโลกใบนี้มากพอ การสังหารศัตรูที่มีระดับขอบเขตเหนือกว่าก็ไม่ยากอีกต่อไป”
“หลังจากที่พ่อได้ฟังเจ้าพูดถึงวีรกรรมของหลิงตู้ฉิงที่สถาบันหงส์เพลิง และวันนี้พ่อเห็นวิธีที่หลิงตู้ฉิงใช้กับเจิ้นสีชวง ดังนั้นพ่อจึงค่อนข้างมั่นใจว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทแน่นอน”
“เจ้ายังรู้สึกอับอายที่ต้องเป็นคนรับใช้ของคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้อีกงั้นเหรอ? เมื่อใดที่ผู้คนรู้ว่าหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท เมื่อนั้นจะมีผู้คนมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า สถานะสูงกว่าเจ้า เข้าแถวเรียงกันขอยอมเป็นบ่าวรับใช้ให้เขา”
“แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขา นี่จึงเป็นโอกาสอันดีงามของเจ้า และเพื่อที่จะเข้าใกล้กับเขาเจ้าจำเป็นต้องเป็นบ่าวรับใช้ของเขาก่อน และในอนาคตเจ้าต้องทำให้เขาแต่งงานกับเจ้าให้ได้และยิ่งถ้าเจ้าสามารถให้กำเนิดทายาทสักคนสองคนให้กับเขาได้ด้วยยิ่งดี แต่ต่อให้เจ้าจะไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ เจ้าก็ยังมีโอกาสได้รับคำชี้แนะจากเขา”
“ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาถึงต่ำมาก บางทีอาจจะมีอะไรเกิดอะไรขึ้นกับเขามาก่อนหน้านี้ แต่เจ้าจงจำไว้ว่าถ้าเจ้าร่วมมือกับเขา เมื่อใดที่เขาแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ที่เจ้าไม่สามารถจะจินตนาการถึงได้เลย”
หลังจากพูดจบเขาก็ตบไหล่ของมี่ไลอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “ลูกรักของพ่อ อนาคตของเจ้าขึ้นอยู่กับตัวเจ้าแล้วตราบใดที่เจ้ายินยอมอยู่รับใช้เขา ชื่อเสียงตระกูลมี่ของเราจะต้องรุ่งเรืองมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน! เอาล่ะ เจ้ากลับไปที่ตระกูลหลิงก่อน ส่วนบ่าวรับใช้ที่เหลือพ่อจะส่งพวกเขามาที่นี่หลังจากกลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเรา”
หลังจากพูดจบมี่ตั้วตั้วก็รีบเดินกลับไปพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญที่เขานำมา เขาทิ้งความยุ่งเหยิงในใจให้มี่ไลที่ยังยืนอยู่ตรงทางเข้าของตระกูลหลิง
มี่ไลหันกลับไปมองในเรือนหลิงพลางคิดในใจ
ข้าจะต้องเป็นบ่าวรับใช้ของที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ?
ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงแต่นางต้องเป็นคนรับใช้เท่านั้น นางยังต้องคิดถึงวิธียั่วยวนหลิงตู้ฉิงอีกด้วย!?
นอกจากนี้ หลิงตู้ฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทจริง ๆ งั้นหรือ?
ทำไมนางถึงไม่เคยได้ยินว่ามีตัวตนที่เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทมาก่อน
นางไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน แต่พ่อของนางบอกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมาก
แล้วนางจะเป็นคนไร้ยางอายหรือไม่ที่จะไปยั่วยวนเขา?
ขณะที่นางอยู่ในภาวะสับสน โม่หยูถังที่พึ่งกลับมาหลังจากไปสั่งประตูเรือนใหม่เห็นมี่ไลยืนเหม่ออยู่แถวหน้าเรือน
“แม่นางมี่…ท่านมายืนทำอะไรอยู่แถวนี้? ทำไมท่านถึงมายืนเหม่ออยู่ที่หน้าเรือน?” โม่หยูถังถาม
หลังจากได้ยินคำพูดของโม่หยูถัง มี่ไลก็พูดอย่างจริงจังว่า “พ่อบ้านโม่ ข้าได้รับคำสั่งให้มาเป็นแม่บ้านของท่านหลิง ข้าขอฝากตัวด้วย”
นางคิดว่าเมื่อพ่อของนางบอกให้นางมาเป็นคนรับใช้ของหลิงตู้ฉิง นางก็จะลองมาเป็นดูสัก 2-3 วันก่อน
ส่วนเรื่องที่นางจะต้องพยายามล่อลวงหลิงตู้ฉิงหรือไม่นั้นนางยังไม่ได้ตัดสินใจ
โม่หยูถังมองมี่ไลและพูดด้วยรอยยิ้ม “พ่อของท่านบอกให้มาอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าพ่อของท่านจะมีสายตาที่ไม่เลวเลย ดูเหมือนว่าเขาจะมองอะไรบางอย่างในตัวของนายท่านออกสินะ…แต่ว่าแม่นางมี่ ในเรื่องที่ท่านจะมาเป็นแม่บ้านนั้นข้าไม่อาจตัดสินใจได้ รบกวนท่านเข้าไปพบกับนายท่านก่อนแล้วให้นายท่านตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาอย่างไร”
“ตกลง!” มี่ไลตอบทันที
นางยืดตัวตรงและตามโม่หยูถังกลับเข้าไปในเรือนตระกูลหลิง
เมื่อนางเข้าไปที่ลานกลางเรือนก็ได้ยินถังชี่หยุนถามหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านหลิงจากวิชาที่ท่านใช้ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทใช่หรือไม่?”
ถังชี่หยุนยังมีบางอย่างที่นางกังวล เนื่องจากนางเคยได้ยินเรื่องราวของคนกลุ่มนี้มาบ้าง นางกังวลว่าตัวตนของหลิงตู้ฉิงอาจมีปัญหา แต่เมื่อนางลองมาคิดอีกทีแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทแต่ดูจากท่าทางลักษณะนิสัยแล้วเขาน่าจะไม่ใช่พวกนอกรีตที่หลงผิด ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้องยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับเขา
“ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท?” ปากของหลิงตู้ฉิงกระตุกเล็กน้อย “ข้าคิดว่าคงเป็นงั้น”
อันที่จริงแล้วหลิงตู้ฉิงยังมีสิ่งอื่นที่เขาอยากจะกล่าวต่อ
ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวท…เทคนิคการใช้พลังของคนพวกนั้นคือการยืมพลังจากกฎของโลกมาใช้งาน แต่วิชาที่หลิงตู้ฉิงใช้ในการกักขังเจิ้นสีชวงนั้นเป็นการบิดเบือนพลังกฎของโลกแล้วประทับมันลงบนร่างของเจิ้นสีชวง ตราบใดที่เขาไม่ไปแทรกแซงกฎของโลกมากจนเกินไป แม้แต่เทพสวรรค์ลงมาด้วยตนเองก็ยังไม่สามารถเอาตัวเจิ้นสีชวงไปได้แน่นอน!
วิธีการแบบนี้เป็นวิธีที่เหนือกว่าความสามารถของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทราวฟ้ากับเหว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้อธิบายรายละเอียดนี้แก่ถังชี่หยุน
มี่ไลที่เพิ่งเดินเข้าไปในเรือนหลิงยิ่งประหม่ามากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง