บทที่ 16 แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ![รีไรท์]
เมื่อเห็นกลุ่มควันลอยออกจากด้านในเรือน
ทุกคนที่อยู่ด้านนอกรู้ได้ทันทีว่าหลิงไช่หยุนสร้างเรื่องเข้าให้แล้ว
หลิงตู้ฉิงและทุกคนต่างรีบวิ่งไปที่ห้องของหลิงไช่หยุน แม้แต่หลิงยู่ชานที่กำลังฝึกออกหมัดก็ยุติการฝึกและรีบวิ่งเข้าไปดูด้านใน
แต่กว่าที่พวกเด็ก ๆ จะวิ่งไปถึงห้องของหลิงไช่หยุน ไฟก็ถูกดับไปแล้วโดยหลิงตู้ฉิง
การไปถึงทันเวลาของหลิงตู้ฉิง ส่งผลให้ไฟยังไม่ได้ลุกลามใหญ่โตไปถึงห้องอื่น ๆ
ความเสียหายมีแค่เพียงเตียงของหลิงไช่หยุนเท่านั้นที่ถูกไฟไหม้ไปเกือบครึ่ง
หลิงไช่หยุนที่รู้ว่านางก่อปัญหา นางมองหลิงตู้ฉิงอย่างสำนึกผิด และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านพ่อข้า…”
หลิงตู้ฉิงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าบอกเจ้าว่าไม่ให้ใช้ดัชนีเพลิงดาวตกตามอำเภอใจใช่ไหม? แล้วนี่ทำไมเจ้าถึงเผาเตียงของตัวเองแบบนี้?”
เมื่อได้ยินคำติเตียนจากพ่อของนาง หลิงไช่หยุ่นจึงรีบกล่าว “ก็ท่านพ่อบอกว่าข้าสามารถโจมตีศัตรูด้วยดัชนีเพลิงดาวตกได้ และเมื่อกี้ ยุงนั่นมันบินตอมข้าไม่หยุดอยู่ในห้อง ดังนั้นข้าจึง…ข้าจึง…คิดว่ามันเป็นศัตรูของข้า ข้าเลยใช้ดัชนีเพลิงดาวตกยิงใส่มัน แต่มันบินเร็วมากข้าเลยเล็งพลาดไปโดนเตียงแทน…”
“เจ้าพยายามจะฆ่ายุงด้วยดัชนีเพลิงดาวตก?” หลิงตู้ฉิงตกใจ
หลิงยู่ชานและทุกคนมองไปยังน้องเล็กของพวกเขาด้วยสายตาตกตะลึง
“ท่านพ่อข้าผิดไปแล้ว…” หลิงไช่หยุนก้มหัวลงมองพื้น
หลิงรู้ตู้ฉิงรู้สึกปวดหัวเมื่อเขาเห็นความไร้เดียงสาของหลิงไช่หยุน
หลิงตู้ฉิงที่ทำอะไรไม่ได้ เขาได้แต่โทษตัวเองในใจ ที่ให้เด็กอายุ 3 ขวบฝึกฝนวิชาที่อันตรายขนาดนี้ แม้ว่าหลิงไช่หยุนจะฉลาดแต่ความคิดอ่านของนางบางอย่างก็ยังคงเป็นเด็ก ความคิดในหลักเหตุผลบางอย่างของนางยังคงไม่มากพอ ถ้านางโตมากกว่านี้สักหน่อยคงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
หลิงตู้ฉิงคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงเรียกหลิงไช่หยุนให้มายืนตรงหน้า จากนั้นเขาจึงวาดอักขระเวทย์ลงไปที่ร่างของนางอยู่พักใหญ่
“ตอนนี้เจ้าสามารถฝึกโคจรพลังเพลิงของเจ้าได้แต่เพียงภายในกายของเจ้าเท่านั้น แต่เจ้าจะไม่สามารถนำพลังเพลิงที่โคจรอยู่ในร่างออกมาใช้ภายนอกได้ ยกเว้นก็แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าฝึกฝนตัวเองจนเก่งกาจมากพอจนสามารถทำลายผนึกที่พ่อประทับลงบนร่างเจ้าได้ พ่อถึงจะอนุญาตให้เจ้ากลับมาใช้พลังเพลิงของเจ้าได้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องเตียงของเจ้าก็ปล่อยไว้แบบนี้ก่อน พรุ่งนี้พ่อจะออกไปซื้อให้เจ้าใหม่ คืนนี้เจ้าก็มานอนกับพ่อตามเดิมที่พ่อให้สัญญากับเจ้าก็แล้วกัน”
หลิงตู้ฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากผนึกความสามารถของหลิงไช่หยุนเอาไว้ ไม่อย่างนั้นในอนาคตหากนางเจอยุงเจอแมลงวันอีก นางอาจจะใช้ดัชนีเพลิงดาวตกอีกรอบ ซึ่งหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ตัวนางเองนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เนื่องจากสายเลือดฟินิกซ์เพลิงสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในกายนางทำให้นางทนต่อไฟได้ทุกชนิด แต่กับคนอื่น ๆ นั้นไม่ใช่ รอบหน้าคนในเรือนอาจจะไม่โชคดีเช่นวันนี้ที่ไม่มีใครเป็นอะไรจากความประมาทของนาง
หลิงว่านถิงที่ยังไม่แน่ใจกับคำพูดของหลิงตู้ฉิงนางจึงถามย้ำไปยังหลิงตู้ฉิงอีกครั้งว่า “ท่านพ่อ ท่านแน่ใจใช่ไหมว่าผนึกของท่านจะทำให้ไช่หยุนใช้พลังของนางไม่ได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นข้าคิดว่ารอบหน้าเราอาจจะไม่มีเรือนให้นอนอีกต่อไปก็ได้นะท่านพ่อ…”
หลิงไช่หยุนผู้ซึ่งยืนก้มหน้าเศร้าอยู่ข้างหลิงตู้ฉิง เงยหน้าขึ้นไปมองยังหลิงว่านถิงแล้วกรอกตา
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าไม่ต้องกังวล ผนึกของพ่อไม่ใช่อะไรที่จะถูกทำลายได้ง่าย ๆ ตอนนี้น้องสาวของเจ้าทำได้เพียงฝึกโคจรเพลิงภายในร่างได้เพียงเท่านั้น แต่นางไม่อาจปลดปล่อยเปลวเพลิงใด ๆ ออกมาได้แน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยโล่งใจหน่อย!” หลิงฟ่างหัวเอามือทาบหน้าอกของตนเองด้วยความโล่งใจ
หลิงตู้ฉิงหยิบเสื้อผ้าให้หลิงไช่หยุนสวมใส่ เขาไม่ได้ใส่ใจเตียงที่ดำเป็นตอตะโก เขาตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้เขาจะออกไปทำธุระอยู่แล้วฉะนั้นเขาจะแวะซื้อเตียงใหม่มาให้ลูกสาวเขาในตอนขากลับ
เมื่อจบเรื่อง หลิงตู้ฉิงจึงอุ้มหลิงไช่หยุนขึ้นบนบ่าเตรียมพานางไปเข้านอนพร้อมกับสั่งให้เด็กคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องของตัวเอง
ขณะที่หลิงยู่ชานกำลังจะเดินแยกกลับห้อง หลิงตู้ฉิงเหล่มองมายังเขาและพูดว่า “ยู่ชานเจ้าฝึกออกหมัดครบร้อยครั้งแล้วหรือยัง?”
“ท่านพ่อ ข้า…” หลิงยู่ชานเกาหัวและยิ้มด้วยอย่างกระอักกระอ่วน
“การฝึกตนนั้นเปรียบเสมือนการล่องเรือทวนกระแสน้ำ หากเจ้าไม่ล่องไปข้างหน้าเจ้าก็มีแต่จะถดถอย! หากวันนี้เจ้ายังทำไม่สำเร็จ วันพรุ่งนี้เจ้าก็จะทำไม่สำเร็จ และมันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นในวันต่อ ๆ ไป ถ้าหากเจ้าขี้เกียจฝึกฝนเช่นนี้ ในอนาคตเจ้าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร!? ดำเนินการฝึกออกหมัดต่อให้ครบ หลังจากครบแล้วเจ้าค่อยไปอาบน้ำนอน!” หลิงตู้ฉิงสั่ง
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ข้าเข้าใจแล้ว” หลิงยู่ฉานหันหลังกลับและเดินไปยังลานกลางเรือนและเริ่มฝึกออกหมัดของเขาอีกครั้ง
จากนั้นในคืนที่เงียบสงัดเสียงเดียวที่ได้ยินได้คือเสียงออกหมัดที่มาจากลานกลางเรือน
วันต่อมาหลังจากที่หลิงตู้ฉิงลุกจากเตียงเขากล่าวสั่งโม่หยูถังให้ดูแลทุกอย่างในเรือนให้เรียบร้อยและจากนั้นเขาจึงออกไปจากเรือนเพื่อไปที่หอการค้า
ในตอนนี้ครอบครัวของเขามีเหรียญทองเหลืออยู่แค่ประมาณหมื่นเหรียญ เขาจึงต้องหาวิธีที่จะได้เงินมาเพิ่มจากช่องทางอื่น เขาไม่สามารถไปที่ป่าสัตว์เวทย์ได้บ่อย ๆ และเขาก็ไม่สามารถพึ่งพาจ้าวเหมิงลู่ได้ทุกครั้ง
นอกจากนี้เขายังมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากหลิงยู่ชานและหลิงไช่หยุนที่เริ่มบ่มเพาะได้ หลิงตู้ฉิงจำเป็นต้องซื้อทรัพยากรสำหรับให้ลูกของเขาทั้งสองคนนี้ใช้ในการฝึกฝน
หอการค้าแรกที่หลิงตู้ฉิงมาถึงคือหอการค้าหมอกเมฆา
แต่ทันทีที่เขากำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เขากลับถูกหยุดโดยยามเฝ้าประตู
“หอการค้าหมอกเมฆาของเราไม่ต้อนรับท่าน ได้โปรดหันหลังกลับไป!” ยามที่ปากทางเข้าหอการค้าหมอกเมฆาพูดใส่หน้าเขาอย่างเย็นชา
หลิงตู้ฉิงมองไปยังยามเฝ้าประตูด้วยสายตางุนงงและพูดว่า “หืม? ข้าเพิ่งมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง รอบที่แล้วข้ายังเข้าไปซื้อของตั้งมากมายแล้ว ทำไมตอนนี้พวกเจ้ากลับไม่ยินดีต้อนรับข้ากัน?”
“นั่นเป็นเพราะครั้งที่แล้วเราไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร มิฉะนั้นเราจะไม่ขายสิ่งใดให้ท่าน! ผู้จัดการของเราได้สั่งไว้แล้วว่าถ้าหากท่านมาที่นี่อีกท่านจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่หอการค้าของเรา!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยอารมณ์โมโหและพูดว่า “ได้! ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยินดีให้ข้าเข้าไป ข้าก็จะไม่เข้า แต่ฝากบอกกับผู้จัดการของเจ้าไว้ด้วยก็แล้วกัน ในอนาคตหอการค้าของเจ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าเช่นนี้!”
เมื่อผิดหวังจากหอการค้าหมอกเมฆา หลิงตู้ฉิงจึงเดินไปยังหอการค้าถัดไป
อย่างไรก็ตามเมื่อหลิงตู้ฉิงมาที่หอการค้าอีกแห่ง เขาก็ได้รับการขับไล่เช่นเดียวกัน หอการค้านี้ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปและปฏิเสธที่จะทำการค้ากับเขา
หลังจากถูกปฏิเสธจากหอการค้าสามแห่งติดต่อกัน หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกตัวว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เขาจึงคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่ผ่านมาว่าเคยขัดแย้งกับใครหรือไม่
เมื่อคิดย้อนไปได้สักพักเขาก็สงสัยว่าตระกูลเจิ้นน่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ มิฉะนั้นทำไมหอการค้าเหล่านี้ถึงเอาแต่ปฏิเสธเขาท่าเดียว
คราวนี้เขาไม่ได้เลือกเดินเข้าหอการค้าแบบสุ่ม ๆ อีก หลิงตู้ฉิงหันเลือกที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังหอการค้ามี่ตั้วตั้วแทน
หอการค้ามี่ตั้วตั้วนี้เป็นหอการค้าอันดับต้น ๆ ของเมืองฟีนิกซ์เช่นเดียวกับหอการค้าหมอกเมฆาและเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองฟีนิกซ์
ในครั้งที่แล้วที่เขาทำการซื้อของจากหอการค้าต่าง ๆ เขาจำได้ว่าหอการค้ามี่ตั้วตั้วนั้นมีอัธยาศัยที่ดีกับเขาเป็นพิเศษ เขาจึงคิดจะลองเสี่ยงกับหอการค้านี้เป็นอันดับต่อไป
แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว หลิงตู้ฉิงก็หยุดลงและครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นเขาหันกลับและเริ่มเดินมุ่งหน้าตรงไปคฤหาสน์ตระกูลตระกูลมี่แทน
เมื่อเดินมาได้สักพัก หลิงตู้ฉิงจึงได้มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์อันใหญ่โตโอ่อ่า บนบานประตูมีอักษรสลักสีทองอ่านว่า ‘มี่’ จารึกไว้บนบานประตูทั้งสองบาน
หลิงตู้ฉิงมองไปยังความหรูหราของคฤหาสน์นี้ด้วยสายตาเฉยเมย สำหรับเขาแล้วคฤหาสน์ที่หรูหราระดับนี้ หากเทียบกับตัวเขาในชาติที่แล้ว สถานที่นี้ยังไม่เหมาะที่จะเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์วิเศษของเขาด้วยซ้ำ
“ข้าคือ หลิงตู้ฉิง เจ้าจงไปแจ้งกับนายของเจ้าว่าข้าต้องการร่วมมือทำการค้าสำคัญกับเขา และจงบอกกับกับนายเจ้าด้วยว่า หากเขาปฏิเสธทำการค้ากับข้าครั้งนี้เขาจะต้องเสียใจไปจนวันที่วิญญาณของเขาดับสูญ เอาล่ะข้าจะรอคำตอบจากนายเจ้าตรงนี้เป็นเวลาแค่ 10 นาที!” หลิงตู้ฉิงตะโกนบอกกับยามเฝ้าหน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลมี่