ตอนที่ 1909
ฉินเสี่ยวมั่ว
แต่กระนั้น เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง คืนนั้นบ้านตระกูลป๋อยังคงมืดสนิท ฉินมั่วมองดูกล่องขนมที่หมดอายุไปแล้ว ก่อนจะวางไว้ด้านหนึ่ง คุณพ่อบ้านหนุ่มยืนข้างเขา เพราะเอาแต่ตามหาคน ทำให้ไม่ได้เอาหนังสือพิมพ์ออกจากกล่องไปรษณีย์
บรรยากาศบ้านตระกูลอานไม่เคยหดหู่ขนาดนี้มาก่อน คุณชายของเขาไม่กินอะไรมาสองวัน คุณพ่อบ้านผมทองทนไม่ไหว รีบโทรแจ้งคุณท่านอานทันที
ทางด้านท่านประธานอานได้ทราบข่าวก็ทิ้งงานในมือเพื่อเตรียมจะเดินทางทันที แต่ท่านเลื่อนงานประชุมใหญ่ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อผ่านไปอีกห้าวัน ท่านถึงได้บินมาหา ช่วงระหว่างนี้ท่านก็วิดีโอคอลหาหลาน หลานท่านก็เข้าใจดีว่าท่านมีธุระจริงๆ จึงบินไปหาไม่ได้
ฉินมั่วยังคงเหมือนเดิม มองสีหน้าไม่ออก หากเทียบกับการไม่พูดอะไรเลย ไม่สู้จะบอกว่าเขาไม่อยากยอมรับความเป็นจริง ทั้งที่พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ากลับไม่กล้ายอมรับ
เด็กน้อยก็เป็นแบบนี้ หวังว่าจะสมความปรารถนาในบางอย่างเสมอ เมื่อก่อนคุณท่านอานไม่คิดว่าหลานคงไม่เป็นแบบนั้น ทว่าเมื่อเห็นเด็กน้อยตรงหน้าในเวลานี้ ท่านถึงรู้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ หลานชายจะไม่ต่างอะไรจากเด็กคนอื่นๆ
ห้าวันผ่านไป อาหารที่ฉินมั่วขนมาฝากยัยเสือน้อยก็กินไม่ได้อีกแล้ว เขายังจำได้ดีว่าตอนที่จะกลับจีน ยัยเสือน้อยยังขดตัวนอนในกระเป๋าเดินทาง มองเขาตาโตพลางถามว่า เอาเธอไว้ใต้เครื่องแล้วพากลับไปด้วยได้ไหม ทำไมตอนนั้นเขาไม่ยอมสู้เพื่อเธอให้มากอีกสักหน่อย ฉินมั่วถามตัวเองในสภาพเรียวปากซีดขาว
หลังจากที่เห็นสภาพหลานรัก ท่านก็ให้ห้องครัวเตรียมอาหาร ก่อนจะถอนใจยาว “ตาจะลองหาทางติดต่อคุณอาป๋อเอง”
การกลับมาของคุณตาทำให้ฉินมั่วมีความหวังขึ้นมา วันนั้นทั้งวัน คุณตาโทรไม่ติดเลย ได้แต่จ้างให้คนตรวจสอบให้ กลับหาไม่เจอ แต่ได้ความอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่าบ้านเดี่ยวข้างๆ ทิ้งทะเบียนบ้านให้ท่านตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่รู้เรื่องนี้ คุณตาก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตระกูลป๋อจากไปแล้ว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ถึงคุณป๋อจะเป็นเพื่อนต่างวัยที่สนิทของคุณตา แต่คุณตากลับไม่มีที่อยู่ของปราสาทเขา ดังนั้นท่านจึงหาตระกูลนี้ไม่เจอ การจะอธิบายเรื่องนี้ต่อหลานท่านอย่างไร ถือเป็นปัญหาหนึ่ง
คุณท่านอานไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ นับตั้งแต่หลานท่านรู้จักจิ่วก็เปลี่ยนแปลงไปมาก คงเพราะเปลี่ยนแปลงมากไป ทำให้เขาหยิบเกมมาเล่นเมื่อไม่อ่านหนังสือ ส่งผลให้คุณท่านอานถึงกับอึ้ง หลานชายนั่งหันหลังไว้อยู่บนพื้น จากนั้นก็วางคอนโซลเกมลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คุณตา ผมผิดไปแล้ว”
“ผมไม่ควรหยิ่งอย่างนั้น”
“ทั้งที่รู้ว่าเขาแค่เล่นคีย์บอร์ดของตัวเอง เล่นเกม เขียนโปรแกรม ไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ ผมยังรอเขามาขอโทษอีก”
“คุณตาครับ คุณตาช่วยไปบอกคุณอาป๋อว่า ผมรู้ตัวว่าผมผิดไปแล้ว ให้เขาเอาพาตัวเสือน้อยกลับมา คราวนี้ผมจะดูแลเขาดีๆ ต่อให้เขาอยากไปเล่นกับวิลเลี่ยมจูเนียร์อีก ผมก็จะไม่ห้ามเขา อย่างมากก็แค่ไปตีวิลเลี่ยมให้ขาหักเท่านั้น”
“คุณตาครับ ผมผิดไปแล้ว”
…………………………………………
ตอนที่ 1910
เล่นเกมที่เธอเคยเล่น ปีนกำแพงที่เธอเคยปีน
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าคุณท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินหลานชายกล่าวว่า ‘ผมผิดไปแล้ว’ หลานท่านเป็นอย่างไร ท่านย่อมรู้จักดี คงเพราะเหตุจากสถานะทางครอบครัว ต่อให้ทางบ้านสั่งสอนให้ถ่อมตัว แต่เรื่องความหยิ่งทระนงที่หลานมี ดูเหมือนจะแก้ไม่ได้ นอกจากจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้ว ต่อให้หลานท่านทำความผิดแบบหน้ายิ้ม โดนส่งเข้าไปอยู่ในกองทัพ ก็ไม่มีวันพูดออกมาว่า ‘ผมผิดไปแล้ว’
คุณตาที่รักหลานเสมอมาถึงกับเจ็บปวดในอก แต่จะทำอย่างไรได้ บ้านตระกูลป๋อสาบสูญไปเลย ไม่น่าจะมีใครหาเจอ เพราะนี่คือกฎในวงการพวกเขา
เวลานี้คุณท่านอานนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ อันเป็นเรื่องที่มีคนทุ่มเงินซื้อข่าวแฮกเกอร์ จะเกี่ยวกับตระกูลป๋อหรือเปล่า? แต่ต่อให้เกี่ยว ท่านก็ติดต่อพวกเขาไม่ได้อยู่ดี
บ้านตระกูลอานตกอยู่ในความเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงมันถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากยัยเสือน้อยไม่เคยปรากฏตัวที่นี่ สภาพดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นปกติของตระกูลอาน เพราะฉินมั่วชอบอ่านหนังสือ เล่นหมากล้อม ไม่ชอบเล่นกับใคร การที่บ้านหลังนี้เงียบเชียบ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อยัยเสือน้อยปรากฏตัว ลิ้นชักในห้องเขาก็เต็มไปด้วยขนม และด้วยเหตุที่ยัยเสือน้อยชอบปีนกำแพง ปีนป่ายไม่หยุดนิ่ง ทำให้ตัวเธอสกปรกเป็นประจำ ต้องล้างมือให้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้นในตู้เสื้อผ้าประจำห้องฉินมั่วยังต้องเตรียมชุดเสื้อน้อยให้เธอถึงสามชุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถุงมือเสือน้อยที่เขาซื้อให้เธอสวม
ผู้คนต่างพูดกันว่า เวลาที่เห็นของที่เราคุ้นเคย แต่กลับไม่เห็นคนที่เราคุ้นเคยอยู่ด้วย หัวใจจะวูบโหวง ฉินมั่วไม่ได้รู้สึกวูบโหวง เขาเล่นเกมที่เธอเคยเล่น ปีนกำแพงที่เธอเคยปีน กระทั่งทำเรื่องแบบเดียวกันซ้ำๆ กันเป็นสิบวัน ทำหน้าต่างแตกบ้าง บางครั้งสิ่งที่อยู่ในหนังภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องจริง เขาสามารถนอนในที่ของเธอได้จนถึงฟ้าสว่างเลย
ถ้ายัยเสือน้อยอยู่ด้วยล่ะก็ ต้องคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ นัยน์ตาอ้างว้างของฉินมั่วเหม่อมองนอกหน้าต่าง นิ้วมือลูบหมอนที่เธอชอบหนุน
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินมานานถึงครึ่งเดือน คุณท่านอานรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องแย่แน่นอน ตอนแรกที่ท่านพาหลานมาอยู่เมืองนอก ก็เพื่อให้หลานสดชื่นขึ้นบ้าง แต่สภาพของหลานในเวลานี้กลับทำให้ท่านกลัวว่าเจ้าตัวจะเกิดเรื่องขึ้น แต่ก็พูดไม่ออก
จนเมื่อล่วงเลยมาถึงวันที่ยี่สิบ คุณท่านอานเอ่ยขึ้นในระหว่างที่กินอาหารกลางวัน “มั่วเอ๋อร์ พ่อแม่ของหลานกลับบ้านแล้วนะ พ่อหลานบอกว่าจะพาหลานเข้ากองทัพในรอบนี้ด้วย ตาก็คิดว่าถ้าหลานได้อยู่ที่นั่น ก็น่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนหลานเยอะแยะเชียวล่ะ”
คุณท่านอานอยากให้หลานเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จะอย่างไรก็ยังเด็กอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ลืมบางเรื่องได้ เขาจะได้ไม่จับเจ่าเศร้าซึมอีก คุณท่านอานเกรงว่าหลานท่านจะล้มเสียก่อนที่ยัยเสือน้อยจะปรากฏตัวอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าหลานตัวน้อยของท่านจะวางมีดและส้อมในมือลง เอ่ยด้วยใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ “ครับ”
แค่ ‘ครับ’ คำเดียว ก็ทำให้ท่านตะลึงงัน ท่านไม่คิดว่าหลานจะตอบตกลงเร็วเช่นนี้ “แต่คุณตาต้องสัญญากับผมก่อน” ฉินมั่วกดเสียงต่ำลง “อย่าขายที่นี่ทิ้งนะครับ เดี๋ยวเขากลับมา แล้วจะหาไม่เจอ”
……………………………………..