“เซียนหงส์ดำ พลังระดับผลึกขั้นกลาง ฉากหน้าเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้าย แต่ความจริงเป็นศิษย์ของตระกูลมู่หรงแห่งแปดตระกูลใหญ่ เคยร่วมมือกับพรรคพวกระดับผลึกอีกคนหนึ่งทำร้ายผู้อาวุโสระดับแก่นแท้คนหนึ่งของยอดเขาเร้นยอดจนบาดเจ็บหนัก ค่าหัวแปดแสนแต้มคุณูปการ”
“สตรีนางนี้เดิมทีอยู่อันดับสองบนรายชื่อความเป็นความตายของนิกายนอก แต่หลังจากนางเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลายเมื่อหลายสิบปีก่อนย่อมไม่เหมาะจะปล่อยไว้ที่สายนอกอีกต่อไป” บุรุษชุดเทาเหล่ตามองหลังจากนั้นอธิบายนิ่งๆ
หลิ่วหมิงพยักหน้า
เขาเคยประมือกับสตรีคนนี้ที่แดนลึกลับประตูสวรรค์ พลังของนางก้าวหน้าขึ้นมาก มีวิชามากมายอย่างที่สุด รับมือยากจริงๆ
สายตาเขาวนเวียนไปมาอยู่บนชื่อของสตรีนางนี้เนิ่นนาน แต่ในที่สุดก็ผละออกไป
แม้เขาตาวาวกับแต้มคุณูปการแปดแสนแต้ม แต่ก็รู้ว่าเซียนหงส์ดำไม่เพียงเป็นศิษย์ตระกูลมู่หรง แต่เหมือนจะเป็นศิษย์แกนนำด้วย ไม่ต้องพูดถึงสังหาร แค่ตามหาร่องรอยของนางก็ไม่ง่ายแล้ว อีกอย่างพี่ชายของนางก็ไม่ใช่ธรรมดา
“ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่ร้ายกาจของศาสตร์แห่งปีศาจและมาร ไม่เพียงพลังสูงส่งแข็งแกร่งแต่ยังอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หากเจ้าไปตามหาเพียงลำพัง เกรงว่าสิบปีก็คงตามหาไม่พบสักคน” บุรุษชุดเทาฉับพลันเอ่ยเปลี่ยนประเด็น
“ขอท่านโปรดชี้แนะ” หลิ่วหมิงได้ยินก็วางม้วนคัมภีร์ในมือลงแล้วประสานมือเอ่ยขึ้น
“คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เคยทำร้ายศิษย์นิกายเรา ดังนั้นนิกายจึงส่งคนไปสืบร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้อยู่ตลอด หากเจ้าอยากได้แต้มคุณูปการจากรายชื่อความเป็นความตายจริงๆ ข้าแนะนำผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่รู้ร่องรอยส่วนใหญ่อยู่แล้วให้เจ้าได้” บุรุษชุดเทาเสนอขึ้นมา
“หากได้เช่นนั้นย่อมดียิ่ง” หลิ่วหมิงได้ฟังก็ดีใจมาก
แม้เขาไปหอเป๋ยโต่วสอบถามร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านี้ได้เช่นกัน แต่หลวงจีนกระดูกแห้งก็เป็นตัวอย่างอยู่นั่น
หอเป๋ยโต่วซื้อขายให้ทั้งสองด้าน ด้านนี้เขาซื้อข่าวสาร ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าด้านนั้นจะขายข่าวของเขาแก่ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเหล่านั้นทันที
ตัวเขาตอนนี้ยังถูกนิกายปีศาจลี้ลับประกาศตามล่าอยู่ เกรงว่าเท้าแรกของตนเพิ่งออกจากหอเป๋ยโต่ว ด้านหลังก็คงมีผู้ฝึกฝนชั่วร้ายแห่เดินทางมาเอาชีวิตตนแล้ว
ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากติดต่ออะไรกับหอเป๋ยโต่วอีก
“นิกายให้ข้อมูลผู้ฝึกฝนชั่วร้ายได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ทั้งยังไม่อาจรับประกันความแม่นยำของข่าว ทุกสิ่งเจ้าต้องจัดการเอง” บุรุษชุดเทาพยักหน้านิดๆ เอ่ยขึ้น
“ขอบคุณที่ชี้แนะ ไม่ทราบเวลานี้นิกายหาร่องรอยของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนใดพบบ้าง?” หลังจากหลิ่วหมิงเอ่ยขอบคุณก็ถามทันที
บุรุษชุดเทายกหัวไหล่ขึ้นเล็กน้อย ก้อนขนสีเหลืองบนนั้นก็บิดตัวแล้วยกใบหน้าแบนๆ ขนาดใหญ่ขึ้นมา ที่แท้มันเป็นแมวดาวสีเหลืองตัวหนึ่ง
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ตอนที่ดวงตาของแมวมองมา เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดเล็กน้อยแต่พริบตาเดียวก็หายไป
บุรุษชุดเทายื่นมือไปตบหัวแมวดาวสีเหลืองเบาๆ ดวงตาแมวดาวหรี่ปรือ ส่งเสียงร้องดังม้าวทีหนึ่ง จากนั้นอ้าปากพ่นลูกบอลแสงสีเหลืองลูกหนึ่งออกมา
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง ลูกบอลแสงก็แตกกระจายกลายเป็นม่านแสง ด้านบนมีอักษรตัวเล็กมากมาย
“ตอนนี้มีแค่เจ็ดคนนี้” บุรุษชุดเทาแววตานิ่งสงบเอ่ยเสียงเรียบ
หลิ่วหมิงมองแมวดาวสีเหลืองอย่างประหลาดใจจากนั้นสายตาก็จับบนม่านแสง
บนนั้นมีข่าวของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายเจ็ดคน พลัง ชาติกำเนิด ร่องรอยเป็นต้น ล้วนบันทึกไว้ค่อนข้างละเอียด
เจ็ดคนนี้ล้วนเป็นคนที่อันดับค่อนไปทางด้านหลังของรายชื่อความเป็นความตาย สี่คนระดับผลึกขั้นปลาย คนหนึ่งระดับแก่นเสมือน สองคนที่เหลือพลังระดับแก่นแท้
“ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง ข้าน้อยจดจำไว้หมดแล้ว” หลิ่วหมิงจดจำข้อมูลบนม่านแสงไว้ในสมองแล้วพยักหน้าเอ่ยขึ้น
“อ้อ ขอเตือนเจ้าสักประโยค กฎของที่นี่เหมือนกับที่สำนักนอก จำไว้ว่าต้องนำศีรษะของผู้ฝึกฝนชั่วร้ายกลับมาด้วย” บุรุษชุดเทาเอ่ยคำพูดนี้จบก็ไม่สนใจหลิ่วหมิงอีก เขาหาวแล้วฟุบลงไปบนแท่นศิลานอนหลับกรนคร่อกๆ อีกครั้ง
“ผู้เยาว์ขอตัว” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ประสานมือให้แล้วหมุนตัวก้าวยาวออกจากห้องโถงใหญ่ไป หลังจากแสงสีดำใต้เท้าส่องสว่างก็ขี่เมฆบินไปทางนอกหุบเขา
ในห้องโถงใหญ่ แมวดาวตัวโตสีขมิ้นลงจากหัวไหล่บุรุษชุดเทามาบนแท่นศิลา เดินอยู่บนนั้นแผ่วเบา บุรุษชุดเทาฉับพลันลืมตาขึ้น เขายื่นมือลูบหลังแมวเบาๆ หลายครั้งแล้วถอนหายใจเสียงแผ่วเบา เอ่ยพึมพำกับตนเองว่า
“ไม่ได้แจกรางวัลมาสองสามปีแล้ว หวังว่าเจ้าหนูคนนี้จะมีความสามารถจริงๆ ไม่ได้ไปตายเปล่าอีกคน…อย่างน้อยเอากลับมาได้สักศีรษะก็ยังดี มิเช่นนั้นข้าคงไม่มีอะไรไปอธิบายกับนิกาย”
หนึ่งเดือนให้หลัง
ในเทือกเขาอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งห่างจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณสามหมื่นกว่าลี้ มีตลาดขนาดเล็กแห่งหนึ่งสร้างอยู่บนสันเขา
ตรงทางเข้าของตลาดเวลานี้มีเงาคนผอมสูงสีเทาขมุกขมัวทั้งร่างคนหนึ่งกำลังก้าวไวๆ อย่างรีบร้อนเดินออกมา
ศีรษะกับร่างกายของคนผู้นี้ล้วนถูกผ้าสีเทาพันไว้อย่างแน่นหนา มองเห็นหน้าตาไม่ชัด เผยออกมาเพียงดวงตาคมกริบคู่หนึ่ง หลังกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเร็วไว เงาร่างก็พุ่งวูบหนึ่งกลายเป็นแสงสีเทาสายหนึ่งบินออกไปไกลอย่างรวดเร็ว
หลังออกห่างจากตลาดสามสิบกว่าลี้ เหนือป่าหนาทึบบนเขาผืนหนึ่ง ทันใดนั้นลำแสงสีเทาก็หยุดจากนั้นส่องแสงรัศมีสว่างจ้า ส่งเสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่งแล้วระเบิดกลายเป็นแสงสีเทาสายแล้วสายเล่ากระจายไปรอบด้านหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
เนิ่นนานหลังจากนั้นสูงเหนือป่าที่ตีนเขาไปราวหมื่นจั้งก็เกิดลายกระเพื่อมวงหนึ่ง บุรุษชุดเทาปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า สายตากวาดมองรอบด้านอย่างสงสัย
ป่าบนภูเขาเงียบสงบ เสียงแมลงกับนกร้องดังขึ้นไม่ขาดหู ช่างสงบสุขอย่างแท้จริง
“รู้สึกไปเองหรอกหรือ” บุรุษชุดเทาพึมพำประโยคหนึ่ง ในใจโล่งอกเล็กน้อยกำลังจะหมุนตัวจากไป
ครู่ต่อมาสีหน้าของคนผู้นี้ก็เปลี่ยนไปในทันใด หัวไหล่ขยับทีหนึ่ง ร่างกายก็พลันพร่าเลือนพุ่งเร็วรี่ออกไปไกล
เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง แสงสีดำคมกริบสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งทะลุผ่านร่างคนชุดเทาอย่างรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า
หยาดโลหิตปรากฏทันที!
แสงสีเทาสว่างวาบ คนชุดเทาปรากฏร่างห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ตรงหน้าอกมีรอยแผลแคบยาวเส้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เลือดเนื้อพลิกเปิด เลือดทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง เพียงชั่วครู่ก็ซึมชุ่มผ้าสีเทาบนร่างเขา
ยังดีที่เขาปฏิกิริยาตอบสนองไวอย่างที่สุด มิเช่นนั้นหากการโจมตีครั้งนี้เบี่ยงไปอีกเพียงนิดก็คงเป็นตำแหน่งของหัวใจ
คนชุดเทาจ้องตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด
ตรงนั้นมีบุรุษชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าเขาซีดเหลือง ท่าทางเหมือนเจ็บป่วย ปราณดำสายแล้วสายเล่าล้อมรอบร่าง
“ท่านคือผู้ใด? เหตุใดต้องซุ่มจู่โจมข้าที่นี่?” คนชุดเทาเอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ ในเวลาเดียวกันนี้มือของเขาก็ลูบบาดแผลตรงหน้าอกแผ่วเบา ปราณสีเทาสายแล้วสายเล่าวนล้อมบนบาดแผล ชั่วพริบตาเลือดก็หยุด
“นักพรตจันทราอธรรม ศิษย์แกนนำของนิกายมารเงาสวรรค์ สิบห้าปีก่อนปล้นฆ่าศิษย์สายในของนิกายยอดบริสุทธิ์สามคนที่ช่องเขามังกรนอกตลาดทะเลสาบมังกรใต้ สิบเอ็ดปีก่อนก็ข่มขืนฆ่าศิษย์หญิงสายนอกคนหนึ่งของนิกายยอดบริสุทธิ์ ข้าพูดไม่ผิดสินะ?” บุรุษชุดสีน้ำเงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เหอะ ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของนิกายยอดบริสุทธิ์ คิดจะเอาหัวของข้าไปรับรางวัลของนิกายสายในใช่ไหม? ฮ่ะๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่!” แม้คนชุดเทาบาดเจ็บด้วยมือของบุรุษชุดสีน้ำเงินไปแล้ว แต่เขาเหมือนจะมั่นใจอย่างยิ่ง ไม่เผยความขลาดกลัวแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับหัวเราะหยัน
บุรุษชุดสีน้ำเงินย่อมคือหลิ่วหมิง เขาใช้เวลากว่าครึ่งเดือนติดตามข่าวที่นิกายมอบให้จนในที่สุดก็ตามหาร่องรอยของคนชุดเทาหรือนักพรตจันทราอธรรมพบแล้วสะกดรอยตามตลอดทางมาจนถึงที่แห่งนี้
หลิ่วหมิงได้ยินก็หัวเราะแผ่วเบา เขาหมุนตัวประหนึ่งสายฟ้าแลบแล้วยกมือสะบัดในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่สีทองสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกจากมือพุ่งเข้าใส่อากาศว่างเปล่าไม่มีคนจุดหนึ่ง
“ปัง!” เสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น!
เงาคนกลางท้องฟ้าพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง หลังจากนั้นเงาคนชุดสีเทาที่แต่งตัวเหมือนกันอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวเดินโซเซออกมา
ผ้าสีเทาที่หุ้มบนร่างเขาปลิวกระจุยไปรอบด้าน เผยให้เห็นร่างของนักพรตซูบผอมที่สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงร่างหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้คนชุดเทาที่ยืนอยู่ที่เดิมด้านหน้าไม่ขยับก็ส่งเสียงดัง “ฟู่” แล้วกลายเป็นปราณสีเทาสายหนึ่งลอยหายไป
“วิชากลายร่างเงาของนิกายมารเงาสวรรค์น่าสนใจอยู่บ้างจริงๆ แต่น่าเสียดายยิ่งนัก หากเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่งที่สร้างร่างแยกที่แท้จริงออกมาได้ บางทีอาจหลอกข้าได้ แต่เงามายาเช่นนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้า!” หลิ่วหมิงแสยะยิ้มแล้วหัวเราะหยัน มือทำท่าเคล็ดวิชาไม่หยุดแม้แต่น้อย ปราณดำบนร่างแยกออกไปส่วนหนึ่งแล้วก่อตัวกลายเป็นมังกรหมอกสีดำยาวหลายจั้งตัวหนึ่งราวกับมีจิตวิญญาณ มันพุ่งเข้าใส่นักพรตซูบผอมอย่างดุร้ายพร้อมเสียงมังกรกู่ร้อง
มังกรหมอกรวดเร็วอย่างที่สุด มันพุ่งวูบเดียวก็มาถึงด้านหลังของนักพรตจันทราอธรรม
นักพรตจันทราอธรรมตะโกนก้อง มือข้างหนึ่งจี้ดัชนีออกมา แสงสีดำจุดหนึ่งพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากหมุนติ้วเร็วรี่รอบหนึ่งก็ขยายจนมีขนาดเท่าลูกโม่ ขวางมังกรหมอกเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้น
มังกรหมอกโถมลงบนแสงสีดำ ทันใดนั้นปราณดำก็พลุ่งพล่านซัดออกไปสี่ด้านแปดทิศอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางดูเหมือนตัดสินแพ้ชนะไม่ได้
ใจกลางแสงสีดำ แผ่นฟันเฟืองชิ้นหนึ่งส่งเสียงดังลั่นออกมาระหว่างที่หมุนกรีด มันแผ่แสงรัศมีแสบตาประหนึ่งเข็ม แม้จะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นหนึ่งที่นักพรตจันทราอธรรมเรียกออกมาอย่างฉุกละหุก แต่ดูแล้วพลังก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้มังกรหมอกสีดำที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาจะก่อตัวขึ้นจากพลังเวทแต่มันดุจดั่งมีชีวิต ก่อตัวจนเหมือนของจริงอย่างยิ่ง ต่อให้ฟันเฟืองที่ส่องแสงสีดำดูเหมือนจะบีบมังกรหมอกให้ถอยหลังไม่หยุด แต่กลับสะบั้นมันขาดไม่ได้แม้แต่น้อย เมื่อโรมรันกันพักหนึ่งก็ถูกมันล้อมไว้อย่างแน่นหนา
หลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน พลังเวทของหลิ่วหมิงไม่เพียงเพิ่มขึ้นมาก ความล้ำลึกของพลังเวทก็เหนือกว่าก่อนหน้านี้อยู่ไกลโข วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬท่าเดียวกัน แต่พลังเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย
ในเวลานี้เอง เสียงพยัคฆ์คำรามก็ดังสนั่นจนแก้วหูแทบดับ!
หมัดยักษ์ที่มีหัวพยัคฆ์สีดำใหญ่โตหุ้มไว้หมัดหนึ่งพุ่งมาถึงใบหน้าของนักพรตจันทราอธรรมด้วยพลังดุดัน ส่งเสียงดังกึกก้อง!
นักพรตจันทราอธรรมเห็นเช่นนี้ ในที่สุดบนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย เขากัดฟัน สะบัดมือส่งยันต์สีฟ้าอ่อนสามแผ่นออกมาประจันหน้ากับหมัดหัวพยัคฆ์ขนาดยักษ์ทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็ตบยันต์สีเทาอีกแผ่นหนึ่งลงบนร่าง แสงจิตวิญญาณสีเทาส่องสว่างรอบร่างวูบหนึ่งก็กลายเป็นรุ้งน่าตะลึงสีเทาที่พร่ามัวไม่ชัดสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกไปไกลทันที กระทั่งฟันเฟืองที่ส่องแสงสีดำก็ไม่ทันได้เก็บกลับไป
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!
ยันต์สีฟ้าอ่อนสามแผ่นฉับพลันระเบิดออก สายลมเย็นยะเยือกสายหนึ่งพัดหวีดหวิวมาพร้อมเศษน้ำแข็งประหนึ่งพายุหมุน แช่แข็งเงาหมัดหัวพยัคฆ์สีดำไว้กับที่อย่างรวดเร็วแล้วขวางเบื้องหน้าหลิ่วหมิงไว้