“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพวกเขาถึงได้ดูจนมุมเช่นนี้!”
พอหลิ่วหมิงเห็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกจำนวนมาก กำลังหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ แม้เขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่ก็รู้สึกหวาดผวาอย่างอดไม่ได้
ขณะที่แสงเหล่านี้ปรากฏตัวตรงขอบฟ้าได้ไม่นาน ก็มีเสียงดังก้องมาจากด้านหลังของพวกเขา จากนั้นแสงสีฟ้าที่ปกคลุมเต็มฟ้าก็ม้วนตัวออกมา มันบุกรุดมาด้านหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ด้อยไปกว่าลำแสงตรงหน้าเลย ราวกับว่ากำลังไล่กวดกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้า
ในขณะนั้นเอง มีเสียงตื่นตระหนกตกใจดังมาจากคนสองสามคนที่อยู่ในลำแสงท้ายสุด
“อย่า……อย่าเพิ่งลงมือ ข้ายอมจำนน……”
พวกเขาพูดยังพูดไม่ทันจบ ลำแสงของกลุ่มคนที่อยู่ตรงท้ายก็ค่อยๆ ลดความเร็วลง ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการจะหยุด
แต่แสงสีฟ้าที่อยู่ด้านหลังกลับดูเหมือนไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย กลิ่นไอของมันยังคงพุ่งเข้ามาราวกับทะเลที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา พอมีเสียงดังราวกับเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วฟ้าสีคราม แสงสีฟ้าก็กลายเป็นคลื่นยักษ์โหมซัดสาดใส่พวกเขา
คนที่อยู่ในนั้นส่งเรียงร้องอย่างเวทนาในทันที ราวกับว่าได้พบเจอเรื่องอะไรบางอย่างที่น่ากลัวจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาอีกเลย
กลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้ากลับพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องราวกับไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ แต่สีหน้าของพวกเขาดูหวาดผวายิ่งกว่าเดิม
แม้หลิ่วหมิงจะมีสีหน้าสงบเมื่อเห็นเช่นนี้ แต่กลับใจเต้นโครมคราม และทำการคาดเดาได้อย่างลางๆ
เย่เทียนเหมยที่อยู่ด้านข้างกลับตาเป็นประกาย นางอ้าปากโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นลำแสงสีเงินก็เปล่งประกาย กระบี่บินสีเงินถูกปล่อยออกมา และขยายตัวกลางอากาศจนมีขนาดใหญ่หลายจั้ง
นางตะคอกเสียงออกมา ขณะเดียวกันมือทั้งสองก็ปล่อยวิชาออกมา หลังจากที่นางสะบัดแขนเสื้อ ร่างของทั้งสองก็ไปปรากฏบนกระบี่ยักษ์
กระบี่ยักษ์เปล่งประกายแสงสีขาวเงิน และมีอักขระวนเวียนอยู่ไม่หยุด หลังจากสั่นสะท้านเล็กน้อย มันก็กลายเป็นสายรุ้งยาวเข้าร่วมการหลบหนีในครั้งนี้อย่างบ้าคลั่ง
ในส่วนลึกของแสงสีฟ้าที่ปกคลุมเต็มท้องฟ้า ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีขาวใช้พลังจิตกวาดดูฉากนี้จากที่ไกลๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย และขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ บริเวณที่เขาอยู่ยังมีเงาร่างพร่ามัวอยู่สองสามเงา ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของเขา
เมื่อเขาละสายตาออกมาจากพวกหลิ่วหมิงทั้งสองแล้ว เท้าขวาก็แตะไปด้านหน้าเบาๆ แสงสีฟ้าบริเวณนั้นกระเพื่อมออกไปราวกับน้ำทะเล และม้วนตัวไปด้านหน้า
เดิมทีทะเลแสงสีฟ้ากลางอากาศที่มีอานุภาพอันน่าตกใจอยู่แล้ว กลับมีอานุภาพมากขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มที่เดินเล่นอยู่บนนั่นดูเหมือนจะเชื่องช้าเป็นอย่างมาก แต่กลับพุ่งออกไปไกลหลายสิบจั้งภายในเวลาไม่นาน
หลังจากที่เย่เทียนเหมยและหลิ่วหมิงเข้าร่วมการหลบหนีแล้ว กลุ่มคนที่หนีอยู่ด้านหน้า นอกจากผู้อาวุโสชุดดำตรงหน้าที่ตาเป็นประกายแล้ว ผู้อาวุโสระดับผลึกของวังเพลิงดำคนอื่นๆ ก็ยังกระตุ้นความเร็วพุ่งไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย
แต่พอหงซานกับเซียนเซิ่งจีเห็นเย่เทียนเหมย ก็ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แต่หลังยิ้มอย่างขมขื่นแล้ว ก็ส่ายหน้าแล้วไม่มองมาทางด้านนี้อีก
และเจียหลานที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในลำแสงเดียวกัน หลังจากมองเห็นหลิ่วหมิงที่อยู่ส่วนท้ายของกระบี่ ดวงตาที่มืดมนกลับเผยแววประหลาดใจออกมา
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนผ่านไปหลายชั่วยาม ด้วยเหตุที่กระตุ้นพลังเวทย์เป็นเวลานาน บวกกับระดับการฝึกฝนที่แตกต่างกัน ตอนนี้กลุ่มคนที่หลบหนีอยู่ ก็ทิ้งระยะห่างกันมาก และม่านแสงสีฟ้าที่อยู่ด้านหลัง ก็ตามมาอย่างไม่เลิกรา
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนด้านหลังที่ค่อนข้างอ่อนแอ เพียงแค่ไม่ระมัดระวังเล็กน้อยหรือปล่อยพลังเวทย์ไม่ต่อเนื่องทำให้ความเร็วลดลง ก็จะถูกแสงสีฟ้าครอบคลุม
คนที่ถูกแสงสีฟ้ากลืนกิน บ้างก็ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ บ้างก็ส่งเสียงออกมาอย่าเวทนาราวกับมีปีศาจมาก่อกวน พอเสียงนี้เข้าหูคนด้านหน้า พวกเขาต่างก็รับรู้ได้ถึงอันตราย แม้จะไม่แสดงอาการใดๆ บนใบหน้า แต่กลับรับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันน่ากลัวที่ค่อยๆ ลุกลามเข้ามา
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่อยู่ท่ามกลางแสงสีฟ้า ดูเหมือนจะหมดความอดทนในการไล่ตามอีกต่อไป
เขาหยุดชะงักกลางอากาศ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ทันใดนั้นก็อ้าปากพ่นหมอกควันสีฟ้าออกมา อากาศตรงหน้าถูกหมอกควันปกคลุมไว้ในพริบตา เพียงแค่เขายื่นแขนออกไปด้านหน้า หมอกควันสีฟ้าก็พวยพุ่งหดตัวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวหมอกควันก็หายไป ธงเล็กๆ งดงามละเอียดอ่อนที่เปล่งแสงสีฟ้าสลัวๆ ปรากฏออกมา ดูเหมือนว่าจะมีอะไรสีทองบางอย่างปักอยู่บนธง
และพอธงปรากฏออกมา มันก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้วตกลงบนมือของชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวจ้องมองด้านหน้าอย่างเย็นชา พอเขาดีดนิ้วไปบนธง ชั้นสีฟ้าก็ลอยออกจากผิวธง จากนั้นนิ้วมือของเขาก็เปลี่ยนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อส่งพลังออกไป
ธงเล็กปล่อยลำแสงสีฟ้าแสบตาออกมา มันขยายตัวตามแรงลมอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีขนาดสิบกว่าจั้ง อักขระสีฟ้าจางๆ หมุนวนอยู่บนธง
หลังจากธงขยายใหญ่ขึ้นมา แสงสีฟ้าบริเวณนี้ก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
“ทั้งหมดจงหยุด!”
คำพูดเฉยเมยดังมาจากท่ามกลางแสงสีฟ้า
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวสะบัดมือ ภายใต้การกระตุ้นของธงยักษ์ ม่านแสงสีฟ้าก็ม้วนตัวไปด้านหน้าด้วยเสียงที่ดังราวกับเสียงฟ้าร้อง
พอมันพร่ามัว แสงสีฟ้าก็โหมซัดสาดใส่คนด้านหน้าราวกับทะเลอันกว้างใหญ่
พอกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าเห็นแสงสีฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับ ก็ค้นพบว่าร่างของตนเองอยู่ในพื้นที่กว้างโล่งขนาดใหญ่ลี้กว่าๆ พื้นที่รอบด้านล้วนเป็นสีฟ้าเหมือนที่เห็นในตอนแรก ม่านแสงสีฟ้ารำไรกักขังพวกเขาไว้ในนั้น
พอคนทั้งหมดเห็นเช่นนี้ ต่างก็แสดงสีหน้าหวาดผวา และมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกที่สวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่ง แสดงสีหน้าเฉียบขาดออกมา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อในฉับพลัน แสงสีดำพุ่งออกมาจากในนั้น หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งแล้ว ก็ลอยอยู่เหนือศีรษะเขาอย่างเงียบๆ สามารถมองเห็นกระบินสีดำท่ามกลางลำแสงอยู่รำไร มันแผ่กลิ่นไออันแข็งแกร่งออกมา
“ตู๊ม!”
กระบี่สีดำกระพริบทีหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นแสงกระบี่อันน่าตกใจที่มีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง มันปะทะกับม่านแสงสีฟ้าอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับต้องการให้ม่านแสงบางๆ ตรงหน้าแตกกระจายออกมา
“ฮึ! ไม่เจียมกะลาหัว!”
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่อยู่ไม่ไกลเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าไร้ความรู้สึกออกมา แววตาของเขาเผยแววเย้ยหยัน และกล่าวพึมพำออกมาหนึ่งประโยค เงาร่างสองสามเงาที่อยู่ข้างๆ เขาต่างก็สบตากัน แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา
ม่านแสงสีฟ้าเปล่งลำแสงแสบตาออกมา พอแสงกระบี่สีดำสั่นสะท้าน ลำแสงบนพื้นผิวก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กระบี่บินสีดำที่ถูกหุ้มอยู่ในนั้นพุ่งยิงออกมา
ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกคนนั้นเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาลงในทันที สีหน้าดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก พอสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง กระบี่บินก็พุ่งกลับมา และเขาไม่กล้าลงมือง่ายๆ อีก
คนอื่นๆ เห็นฉากเช่นนี้ ต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป
มีเพียงแต่ผู้อาวุโสหน้าดำที่ขี่หุ่นวิหคสีทองในก่อนหน้า มีสีหน้าอึมครึมจนถึงขีดสุด หลังจากกวาดสายตามองรอบด้านทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
“ข้าน้อยประมุขวังเพลิงดำอู่เหยียน ขอเชิญราชาปีศาจสมุทรออกมาพบด้วย!”
แม้เสียงของอู่เหยียนจะไม่ดัง แต่มันดังกังวานมาก และเต็มไปด้วยอานุภาพน่าเกรงขาม
“คำพูดของสหายอู่ มีสิทธิ์ในการเรียกข้าออกมาพบแล้ว”
พออู่เหยียนกล่าวจบ ก็มีเสียงเบาๆ ดังมาจากนอกม่านแสง ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มแสงสีฟ้าปรากฏตรงขอบม่านแสง
พอลำแสงดับไป ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็ยืนอยู่หน้าม่านแสงทันที เขาแผ่กลิ่นไออันน่าหวาดกลัวออกมา มันกดดันจนทุกคนรู้สึกหายใจอึดอัด
พอทุกคนเห็นเห็นนี้ ก็มองออกไปด้วยความหวาดผวา
ชายหนุ่มชุดขาวมีใบหน้างดงามเป็นอย่างมาก ปากแดง ผิวขาวแวววาว และแผ่กลิ่นไออันนุ่มนวลออกมา ดวงตาทั้งคู่สดใส ผมดำราวปกคลุมบ่า ชุดคุลมยาวสีขาวหิมะโบกสะบัดตามลม รูปร่างสะโอดสะอง แต่กลับดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ตอนนี้หลิ่วหมิงยืนอยู่ด้านหลังเย่เทียนเหมย พริบตาที่เห็นชายหนุ่มผู้นี้ ในใจก็รู้สึกสั่นสะท้าน จะมีใครคาดคิดล่ะว่า ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียวในเขตทะเลชังไห่ จะยังหนุ่มแน่นเช่นนี้!
อู่เหยียนกับราชาปีศาจสมุยืนสบตากันกลางอากาศ พออู่เหยียนรับรู้ถึงกลิ่นไอบนร่างราชาปีศาจสมุทรที่ไม่อาจคาดเดาได้ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ขณะนี้ราชาปีศาจสมุทรกลับยังคงมีท่าทีเฉยๆ พอแสงสีฟ้าตรงด้านหลังเปล่งประกาย ก็มาร่างสี่เงาปรากฏออกมา นอกจากชิงฉินกับชื่อลี่แล้ว ผู้อาวุโสคิ้วดำก็ยืนอยู่ในนั้น ซึ่งเขาก็คือผู้อาวุโสหลิวที่ตามล่าเย่เทียนเหมยกับหลิ่วหมิงในก่อนหน้า
เพียงแต่ว่าร่างครึ่งหนึ่งที่ถูกฟันขาดไป ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้ว ดูไม่ออกว่าเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน เขาจ้องมองหลิ่วหมิงกับเย่เทียนเหมยด้วรอยยิ้มอันดุร้าย
เย่เทียนเหมยเห็นเช่นนี้ ดวงตาอันงดงามของนางก็เปล่งประกายเย็นยะเยือก หลิ่วหมิงกลับหดรูม่านตา และแสดงสีหน้าราวกับคิดอะไรอยู่
พออู่เหยียนประมุขวังเพลิงดำเห็นร่างของราชาปีศาจสมุทร และผู้อาวุโสผมขาวที่ใส่ชุดคลุมสีม่วง ก็หลุดปากออกมาด้วยความตกใจ
“เจ้าหุบเขาซุน! ท่านมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร!”
พอกล่าวจบ อู่เหยียนก็ละสายตาออกมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้อย่างถึงขีดสุด
‘เจ้าหุบเขาซุน’ ได้ยินกลับหัวเราะเบาๆ หลังจากมองดูราชาปีศาจสมุทรตรงหน้าแล้ว ก็กล่าวออกมา
“มีอะไรน่าแปลกใจเล่า ข้าสวามิภักดิ์ราชาปีศาจสมุทรมาหลายปีแล้ว เพียงแค่เจ้าไม่รู้เท่านั้น!”
“อะไรนะ! ท่านกล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้ ไม่กลัวว่าหากผู้อาวุโสท่านอื่นในหุบเขาผลึกรู้เข้า จะร่วมมือกันสังหารท่านหรอกหรือ!”
แม้อู่เหยียนจะคาดเดาได้แต่แรก แต่พอได้ยินเจ้าหุบเขาผลึกกล่าวอย่างไม่ปิดบัง ก็รู้สึกตกตะลึงมาก
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า เจ้าหุบเขาผลึกที่เป็นหนึ่งในสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ระดับเดียวกับเขา จะยอมอยู่ใต้บัญชาผู้อื่น
“ในหุบเขาผลึก ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อราชาปีศาจสมุทร ล้วนถูกสังหารไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ในหุบเขาจะมีใครกล้าฝ่าฝืนอีกเล่า?”
เจ้าหุบเขาผลึกจ้องมองอู่เหยียนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม ต่อมาก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ และไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
ประมุขวังเพลิงดำได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่พักหนึ่ง
ขณะนี้ ผู้อาวุโสหลิวที่อยู่ด้านข้างจ้องมองเย่เทียนเหมยด้วยแววตาดุร้าย จากนั้นก็กระพริบกับราชาปีศาจสมุทรเบาๆ
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวได้ยิน ก็ตาเป็นประกาย ขณะเดียวกันก็เงยหน้ามองเย่เทียนเหมยสองสามที และพยักหน้าเบาๆ ไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่
……………………………………