บทที่ 1524 ตัดรากถอนโคน 4
เธอเพียงยิ้มแวบหนึ่ง “ถึงอย่างไรก็ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว บางทีท่านแม่อาจไม่ได้รอท่านอยู่บนสะพานข้ามภพแล้วก็ได้ นางเริ่มชีวิตใหม่ของนางแล้ว ข้างกายนางก็มีบุรุษอื่นคอยอยู่เคียงข้างแล้ว ไยท่านพ่อต้องยึดติดอยู่อีกเล่า?”
สีหน้าของกู้เซี่ยเทียนแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นิ่งไปพักหนึ่ง ถอนหายใจออกมา “อาจจะจริงอย่างที่เจ้าว่า แต่ว่าข้าก็ยังอยากไปพบนางอย่างสะอาดหมดจด ชั่วชีวิตนี้จะไม่ใกล้ชิดสตรีอื่นอีกแล้ว”
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
หากรู้แต่แรกว่าจะมีวันนี้ ไหนเลยจะทำเช่นในอดีต?
พวกผู้ชายนี่นะ รู้ซึ้งถึงคุณค่าก็ต่อเมื่อสูญเสียไปแล้ว น่าเสียดายที่เรื่องราวใดๆ มิใช่ว่าสำนึกเสียใจแล้วก็สามารถย้อนคืนกลับมาได้…
คนบางคนเรื่องบางเรื่องเมื่อสูญเสียไปแล้วก็คือสูญเสียไปตลอดกาล
วันต่อมาหลังจากกลับจวนแล้วกู้ซีจิ่วก็ไปที่วังหลวง เข้าพบหรงเจียหลัว
ก่อนหน้านี้หรงเจียหลัวถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นั้นใช้ยาควบคุมไว้จริงๆ ทำให้เขากลายเป็นหุ่นเชิดไปเสีย
ตี้ฝูอีเคยพาหลงซือเย่เข้าวังมา ถอนพิษหุ่นเชิดบนร่างเขาแล้ว ถึงได้ทำให้เขากลับมาเป็นเช่นในอดีต
เดิมทีพลังยุท์ของหรงเจียหลัวก็ไม่สูงอยู่แล้ว ซ้ำยังถูกควบคุมไว้นานถึงเพียงนี้ ตอนนี้ถึงแม้จะฟื้นฟูเป็นปกติแล้ว แต่ยามที่กู้ซีจิ่วไปหาเขา ก็พบว่าสีหน้าของเขายังคงขาวเผือดยิ่งนัก ท่าทางเหมือนเพิ่งหายจากอาการป่วยหนักมา ดูซูบเซียวเหนือธรรมดา กู้ซีจิ่วจับชีพจรให้เขา พบว่าชีพจรของเขาอ่อนแรง เป็นอาการของโรคภัยเรื้อรัง แถมอาการนี้ดูเหมือนจะมีมานานแล้วด้วย
เธอฉงนอยู่บ้าง ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมวางยาเขาแค่สองปีเท่านั้น แต่อาการป่วยนี้ของหรงเจียหลัวกลับคล้ายว่าเป็นมาห้าหกปีแล้ว!
เธอซักถามบางอย่างดูอีก หรงเจียหลัวก็ตอบมาทีละข้อ ไม่มีอะไรผิดปกติ และเขาก็ถูกควบคุมเป็นเวลาสองปีจริงๆ
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าแล้ว หรงเจียหลัวช่างอาภัพโดยแท้ เป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งชัดๆ เมื่อก่อนกลับถูกน้องชายของเขาวางยาพิษ พลังยุทธ์ถดถอย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ยังมาถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นี้ควบคุมอีก…
ร่างกายเขาจะเสื่อมทรุดจนเป็นเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
กู้ซีจิ่วสนทนากับเขาอยู่พักหนึ่ง พบว่าความจำของเขาแย่กว่าเมื่อก่อนมาก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอยู่ในช่วงวัยรุ่งโรจน์วัยสามสิบต้นๆ ทว่าอาการนี้กลับคล้ายว่าอายุย่างหกสิบปีแล้ว ทำให้กู้ซีจิ่วเกือบคิดไปว่าสังขารนี้ของเขาถูกสับเปลี่ยนดวงวิญญาณเสียแล้ว!
หลอกถามอยู่พักใหญ่ ก็พบว่าเรื่องราวของเธอเขาล้วนจดจำได้ทั้งสิ้น และเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีบุคคลที่สามทราบด้วย ดังนั้นหรงเจียหลัวผู้นี้ยังคงเป็นหรงเจียหลัวคนเดิม ไม่ได้ถูกผู้อื่นสลับสับเปลี่ยน
กู้ซีจิ่วจึงวางใจ ยามจะจากไปเธอได้มอบโอสถบางส่วนไว้ให้เขา ล้วนเป็นโอสถวิญญาณล้ำค่าที่สามารถบำรุงร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วได้ ขอเพียงเขากินยาเหล่านี้ตรงตามเวลาที่เธอบอก เชื่อว่าไม่ถึงครึ่งปีเขาจะฟื้นฟูกลับสู่ระดับเดียวกับเมื่อก่อนได้…
ยามที่กู้ซีจิ่วจะจากไป หรงเจียหลัวได้ออกมาส่งเธอด้วยตัวเอง นี่เป็นเกียรติที่ไม่มีผู้ใดเคยได้รับมาก่อน
หรงเจียหลัวจับจ้องแผ่นหลังของนางที่ห่างออกไป ไม่ยอมละสายตาอยู่เนิ่นนาน
ขันทีข้างกายขาค้อมกายเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท พระวรกายมังกรสูงค่า เสด็จกลับตำหนักเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หรงเจียหลัวเหลือบมองขันทีคนนั้นแวบหนึ่ง นี่เป็นขันทีใหญ่ผู้ติดตามของเขา แสดงความซื่อสัตย์ภักดีต่อหน้าเขามาโดยตลอด แต่ในระยะเวลาสองปีนั้นที่เขาถูกควบคุมไว้ เขาเคยเห็นขันทีคนนี้ไปมาหาสู่กับคนในจวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมากกว่าหนึ่งครั้ง…
หรงเจียหลัวยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง เรียกเขาเข้ามาใกล้ๆ “ห่วงใยสุขภาพเรามากหรือ?”
ขันทีคนนั้นตอบด้วยสีหน้าภักดี “สุขภาพของฝ่าบาทสำคัญเป็นที่สุดพ่ะ…” วาจาท่อนหลังของเขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา เนื่องจากหรงเจียหลัววางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่เขา…
ด้วยเหตุนี้ขันทีผู้ติดตามคนอื่นๆ จึงได้เห็นฉากต่อไปนี้ ผู้ดูแลวังที่แข็งแกร่งทรงพลังความสามารถสูงส่งถูกฝ่าบาทกดให้จมลงไปในพื้นดินแข็งๆ ทีละชุ่นๆ ดิ้นรนขัดขืนไม่ได้เลยสักนิด! จนกระทั่งมิดศีรษะ…
ฝูงชนตกตะลึง
ไม่มีผู้ใดกล้าพูดออกมาสักประโยค ในที่สุดทุกคนก็กระจ่างแล้ว ถึงแม้ว่ายามนี้ฝ่าบาทจะผอมซูบไปบ้าง แต่อำนาจบารมียังคงอยู่ วรยุท์ยังคงอยู่ มิได้ปล่อยให้ผู้ใดเข้าไกล้ได้ง่ายๆ
….
กู้ซีจิ่วออกจากวังหลวงแล้ว ขณะที่เตรียมจะไปเยี่ยมเยือนหลัวจั่นอวี่ ข้างกายมีลมโชยมาวูบหนึ่ง ตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้นข้างกายเธอ โอบไหล่เธอไว้ทันที “ซีจิ่ว!”
————————————————————————————-
บทที่ 1525 คลุมถุงชน
โอ้ เขายอมปรากฏกายแล้วรึ?
กู้ซีจิ่วหันหน้ามองเขาหัวจรดเท้า ยิ้มมิเชิงยิ้ม “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไม่เจอกันเสียนานนะ”
ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง
กู้ซีจิ่วหันหลังแล้วเดินจากไป
พักนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับซับซ้อนเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ติดต่อไม่ได้สิบกว่าเพราะยันต์ถ่ายทอดเสียงเสียก็ช่างเถิด ระยะหลังนี้เขามีแผนการอันใดเอาแต่หายตัวไป?
หลังจากศึกใหญ่ครั้งนั้นก็ไร้เงาของเขา กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขาคงไปสอบสวนเซียนหญิงลี่หวางผู้นั้น ดังนั้นจึงตั้งตารอเขาตอบกลับ ทว่าเขาไม่ได้ติดต่อเธอมาหลายวันติดกัน ไม่มาเจอเธอก็ช่างเถิด แม้แต่ส่งกระแสเสียงหาเธอก็ไม่มี
ถึงแม้หากเธอมีเรื่องอันใดก็ติดต่อเขาได้ ทว่า…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขาไม่สนใจไยดีเธอ ถึงแม้จะไม่นับว่าเห็นได้ชัดสักเท่าใด ทว่าชายหญิงที่กำลังมีความรักอันร้อนแรงมักจะอ่อนไหว เธอมีสัญชาตญาณเช่นนี้ เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ ครั้งนี้เธอจงใจไม่ติดต่อเขาไปก่อน อยากรู้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนได้หรือไม่ ผลลัพธ์กลับทำให้เธอต้องผิดหวัง…
บัดนี้เมื่อเห็นเขาอยู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นอย่างคนไม่มีอันใดผิดปกติ เธอรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอย่างมิอาจบรรยายได้ ไม่อยากพูดคุยกับเขา ดังนั้นจึงหันกายเดินจากไป
ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้น มองดูเงาร่างของนางค่อยๆ ห่างไกลออกไป ทว่าก็ไม่ได้ไล่ตาม
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไล่ตามมาเลย เธอเดินจากไปอย่างธรรมดาตอนเธอหันกาย มิได้ใช้วิชาตัวเบาอะไรพวกนั้น ขอเพียงแค่เขากระโดดเข้ามาก็ไล่ตามทันแล้ว
หลังจากที่เธอเดินจากไปสักระยะหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองดู บนถนนทอดยาวกลับไม่มีแม้แต่เงาที่ยืนรั้งรอของเขาเลย
กู้ซีจิ่วพูดจาอันใดไม่ออก
เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ เป็นเพราะนิสัยเด็กเกินไปหรือ? หรือว่าอ่อนไหวเกินไป?
เธอส่ายหน้า ไม่อยากคิดถึงปัญหานี้ รีบตรงไปหาหลัวจั่นอวี่
หลัวจั่นอวี่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ตอนที่กู้ซีจิ่วมาเขากำลังฝึกฝน เมื่อรอให้เขาฝึกฝนเสร็จกู้ซีจิ่วเอ่ยถามเขาซึ่งหน้า “เจ้าไม่คิดจะยอมรับเขาจริงๆ หรือ?”
หลัวจั่นอวี่ส่ายหน้า “ไม่ยอมรับ!”
กู้ซีจิ่วไม่พูดจาอันใดแล้ว นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
หลัวจั่นอวี่มองดูนาง คล้ายจะมองเห็นบางอย่าง “ซีจิ่ว เจ้าเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใด?”
เขารู้สึกท่าทางนางเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธอันใดเอาไว้
กู้ซีจิ่วไม่พูดไม่จา หลัวจั่นอวี่ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ ซีจิ่ว ตี้ฝูอีเคยบอกว่าหลังจากออกมาจะจัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ชดเชยให้เจ้า เขาไปขอแต่งงานที่จวนท่านแม่ทัพแล้วหรือยัง?”
กู้ซีจิ่วไม่ค่อยสบอารมณ์ คนผู้นั้นอย่าว่าแต่ขอแต่งงาน แม้แต่หน้าก็ยังไม่มาให้เห็นเลย!
หลัวจั่นอวี่ยังคงความรู้สึกไว “เขายังไม่ได้มาขอแต่งงานหรอกหรือ?!” เดิมทีเขานั่งอยู่ ยามนี้อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน “ตี้ฝูอีคิดอย่างไรกันแน่? นี่มันเจ็ดแปดวันแล้ว ถึงแม้เตรียมงานแต่งงานต้องใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่ง แต่ว่าขอแต่งงานไม่ต้องเตรียมการอันใดกระมัง? ธุระเพียงไม่กี่คำ ข้าเชื่อว่ากู้เซี่ยเทียนแทบอยากจะรีบจัดงานแต่งงานนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว! ไม่มีทางไม่ยอมรับ”
กู้ซีจิ่วไม่อยากให้ใครพูดถึงตี้ฝูอีในทางที่ไม่ดี จึงส่ายหน้า “หลายวันมานี้มีธุระมากมายรอให้เขาไปสะสาง เรื่องราวสับสนวุ่นวาย เขาไม่มีเวลาไปชั่วขณะก็ปกติยิ่งนัก อย่างไรข้ากับเขาก็แต่งงานกันแล้ว ยามนี้เป็นเพียงแค่การจัดงานชดเชยเท่านั้น ไม่รีบร้อนอันใด”
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว “ขอแต่งงานใช้เวลาไม่มาก…เขาจะยุ่งขนาดไหนเชียวหรือ?” อยู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ เขาแอบเตรียมจัดงานไว้แล้วใช่หรือไม่ เพียงแต่ไม่ได้บอกเจ้า อยากจะทำให้เจ้าประหลาดใจหลังจากเกิดเรื่องขึ้น?”
หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหว ดวงตาวาบไหวเล็กน้อย อาจจะเป็นไปได้! ด้วยลักษณะนิสัยของตี้ฝูอีแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ! มิเช่นนั้นเขาไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ขอแต่งงานนี่!
ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน!
————————————————————————————