บทที่ 1505 ผู้ใดจะตบหน้าผู้ใด (1)
อาภรณ์ปลิวไสวตามแรงลม พลิ้วไหวปานระลอกคลื่นร่ายรำ
เขาไม่ได้เหาะทะยานลงมา แต่เดินลงมาจากอากาศทีละก้าวๆ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าใต้เท้าคืออากาศ ทว่าเสมือนเขาเหยียบย่างอยู่พื้นจริงๆ ประหนึ่งเดินลงบันไดอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน
บุคลิกเช่นนี้ วรยุทธ์เช่นนี้ ทำให้ทุกคนที่แหงนคอมองอยู่ด้านล่างล้วนกลั้นหายใจกันทั้งสิ้น เบิกตากว้าง
หากกล่าวว่าความรู้สึกแรกที่ผู้คนมีต่อการปรากฏขึ้นอย่างทันท่วงทีของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ ยังคงเคลือบแคลงในตัวตนของเขาอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าบางทีเขาอาจเป็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ปลอมตัวมา แต่บัดนี้เมื่อได้เห็นเขาสำแดงวรยุทธ์เช่นนี้ออกมา ความสงสัยนั้นก็หายไปจนสิ้นแล้ว!
มีเพียงผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสำแดงวรยุทธ์เช่นนี้ได้! และยอดฝีมือที่เลิศล้ำที่สุดของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ยังไม่มีผู้ที่บรรลุถึงขั้นนี้!
เขาร่อนลงบนแท่นสูงอย่างผ่าเผย
คนเหล่านั้นที่มาพร้อมกับเขาก็กระโจนติดตามลงมาด้วย ร่อนลงข้างกายเขา
หลังจากคนเหล่านั้นกระโจนลงมาแล้วนาวาใหญ่ที่แสนโดดเด่นลำนั้นก็อันตรธานหายไปในอากาศ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
บรรยากาศในลานกว้างค่อนข้างพิลึกอยู่บ้าง ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสองคนยืนประจันหน้ากัน มองจากรูปลักษณ์แล้วเหมือนกันทุกประการ หากมิใช่ว่าคนหนึ่งสวมหน้ากาก คนหนึ่งไม่สวมหน้ากาก เกรงว่าหลังจากพวกเขาที่อยู่บนแท่นต่อสู้กับไปยกหนึ่งแล้ว ก็คงไม่มีใครแยกแยะออกว่าผู้ใดมาก่อน ผู้ใดมาทีหลัง
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยในรอบพันปี เหล่าชาวบ้านมองคนนั้นที มองคนนี้ที
“น้อมคารวะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!” ท่ามกลางฝูงชนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนขึ้นมา มีคนคุกเข่าลงไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นคนชี้นำสาธิตตัวอย่าง เหล่าชาวบ้านตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็พากันคุกเข่าลง “น้อมคารวะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
เสียงดังกึกก้องปานสะท้อนอยู่ในหุบเขา
สภาพการณ์เช่นนี้สำหรับตี้ฝูอีแล้วไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประชาชนที่นี่เช่นกัน
แปดปีก่อนเมื่อประชาชนในแผ่นดินนี้พบเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายปรากฏตัวขึ้น ล้วนจะคุกเข่าเอ่ยต้อนรับกันเช่นนี้ และทำด้วยความเต็มใจ!
ตี้ฝูอีกวาดตามมองด้านล่างแท่นแวบหนึ่ง พยักหน้าน้อยๆ “ทุกท่าน ได้รับความลำบากเสียแล้ว ข้ากลับมาคราวนี้ จะต้องทวงความเป็นธรรมให้ทุกท่านแน่นอน คืนโลกอันสงบสุขร่มเย็นให้แก่ทุกท่าน!”
น้ำเสียงไม่ดัง ทว่ากลับทำให้ประชาชนที่อยู่ด้านล่างแท่นแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา!
พวกเขาทนทุกข์ทรมานมาเนิ่นนานเหลือเกิน คับข้องหมองใจมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว โหยหาความสงบสุขโหยหาความร่มเย็นมาเนิ่นนานเหลือเกิน!
เมื่อปวงชนเป็นเช่นนี้ กองทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นรวมถึงเหล่าขุนนางข้าราชสำนักที่ถูกบังคับให้มาชมการตัดสินคดีก็ต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นกัน หลังจากตะลึงงันกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวส่วนใหญ่แล้ว ดวงตาฉายแววตื่นเต้นยินดี พากันทำความเคารพตี้ฝูอี
สี่ทูตก้าวเข้ามาทำความเคารพเขา “นายท่าน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
พวกเขาแสร้งทำเป็นนอบน้อมรับใช้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมมานานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็สามารถยืดอกเหยียดเอวอย่างภาคภูมิได้แล้ว
บนแท่นสูงแบ่งออกเป็นสองฝักฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายหนึ่งคือตี้ฝูอี อีกฝ่ายคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมและเซียนหญิงลี่หวาง
เมื่อตัวจริงปรากฏขึ้น ตัวปลอมย่อมต้องเผยตัว
ฝ่ายของตี้ฝูอีรวบรวมยอดฝีมือเอาไว้นับไม่ถ้วน ส่วนฝ่ายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนอกจากหน่วยกล้าตายพิเศษที่เขาบ่มเพาะขึ้นด้วยตัวเอง คนอื่นๆ ต่างวิ่งไปอยู่ฝ่ายของตี้ฝูอีแล้ว!
ในที่สุดสายตาของตี้ฝูอีก็ร่อนลงบนใบหน้าของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม “สรุปแล้วท่านผู้สูงศักดิ์เป็นใครกันแน่?! แอบอ้างเป็นข้าก่อกรรมทำชั่วเจ้ารู้ไหมว่ามีโทษสถานใด?”
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมซีดขาวอย่างยิ่ง เพียงแต่เขาก็นับเป็นบุคคลมีความสามารถผู้หนึ่ง ถึงยามนี้ก็มิได้หวาดหวั่นลนลานเช่นกัน ยิ้มเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ตี้ฝูอี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย กลับเลือกปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้ ใครบอกว่าข้าแอบอ้างเป็นเจ้าเล่า? ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเดิมทีก็เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งขึ้น เจ้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้ แน่นอนว่าข้าก็เป็นได้เช่นกัน! เจ้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาเนิ่นนานปานนี้ก็ยังรวบรวมแผ่นดินนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้แล้ว ย่อมสมควรเปลี่ยนให้ผู้อื่นมาทำ! ข้าคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แต่งตั้งด้วยตัวเอง ไม่ได้แอบอ้างสวมรอยเป็นเจ้า!”
วาจานี้ของเขาช่างเป็นการเถียงเอาข้างๆ คูๆ โดยแท้ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาพูดผิดไปเสียทั้งหมด
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเดิมท็เป็นตำแหน่งอย่างหนึ่ง เพียงแต่ตี้ฝูอีนั่งประจำตำแหน่งนี้มาเนิ่นนานแล้ว เมื่อทุกคนนึกถึงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา ย่อมต้องนึกถึงเขา…
เพียงคนรอบข้างเหล่านั้นกลับไม่ได้คิดเช่นนี้!
เดิมทียังมีคนส่วนหนึ่งที่ในใจมีความเคลือบแคลงอยู่ ยังมีบางส่วนที่ไม่เชื่อว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคนก่อนหน้าผู้นี้เป็นตัวปลอม แต่พอเขากล่าววาจานี้ออกมา ย่อมเป็นการยอมรับฐานะตัวปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฝูงชนพิโรธขึ้นมาทันที!
ที่แท้หลายปีมานี้ล้วนป็นไอ้ตัวปลอมที่เอาพวกเขาไปเล่นอยู่ในกำมือ หลอกลวงปั่นหัวพวกเขา!
ด้วยเหตุนี้ เหล่าคนที่เดิมทียืนอยู่ตรงกลาง ไม่ทราบว่าควรหันเหไปทางฝ่ายใดก็พากันแห่ไปอยู่ด้านหลังของตี้ฝูอีหมดแล้ว…
ฝ่ายนั้นของตี้ฝูอีจึงใหญ่ขึ้น มีคนเยอะขึ้น!
แน่นอนว่าไม่นับรวมกองทหารเดนตายเหล่านั้น
พวกเขาราวกับหล่อมาจากเหล็ก ยังคงรายล้อมอยู่รอบกายไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด! จ้องมองคนบนแท่นเหล่านั้นอย่างหิวกระหาย
เซียนหญิงลี่หวางมุ่นคิ้วงามนิดๆ สบถสาปแช่งอยู่ในใจ
ตัวปลอมผู้นี้คือโคลนเหลวที่ไม่อาจก่อตัวเป็นกำแพงได้โดยแท้!
ตี้ฝูอีเหลือบมองเครื่องแต่งกายชุดนั้นของเขาแวบหนึ่ง หยักยิ้มมุมปากบางๆ “วาจาที่กล่าวคล้ายว่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง เพียงแต่ในเมื่อเจ้าไม่ได้สวมรอยเป็นข้า แล้วเหตุใดต้องแต่งกายแบบเดียวกับข้าด้วยเล่า? ซ้ำยังใช้วิชากู่ควบคุมสี่ผู้คุ้มกันคนสนิทของข้าให้ถวายชีวิตแก่เจ้า อาศัยฐานะตัวตนของข้ากระทำเรื่องที่สวรรค์ขุ่นมนุษย์เคือง เรื่องนี้เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมร้องเฮอะคราหนึ่ง “ข้าอยากสวมสิ่งใดก็สวมสิ่งนั้น หรือการแต่งตัวเช่นนี้เจ้าแต่งได้ทว่าผู้อื่นไม่อาจแต่งได้งั้นหรือ?! ส่วนสี่ผู้คุ้มกันคนสนิทของเจ้า เป็นพวกเขายินยอมพร้อมใจติดตามข้าเอง! ข้าไปใช้วิชากู่คบคุมพวกเขาตอนไหนกัน?”
พวกมู่เฟิงทั้งสี่พูดไม่ออกเลย บัดซบ เช่นนี้ก็ได้หรือ?!
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “แม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงเจ้าก็ยังไม่กล้าเผย ทำได้เพียงแก้ตัวน้ำขุ่นๆ สินะ? มู่เฟิง พูดเรื่องที่พวกเจ้าถูกวางกู่ในสองปีนี้ออกมา!”
มู่เฟิงก้าวออกมาทันที เปิดปากเอื้อนเอ่ย เล่าเรื่องราวที่พวกเขาประสบเมื่อสองปีก่อนออกมา
ฝูงชนถึงได้ทราบว่าความจริงที่สี่ผู้คุ้มกันติดตามรับใช้ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอย่างสุดจิตสุดใจ ผู้คนกำหมัดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
แน่นอนว่าพวกมู่เฟิงได้เล่าเรื่องที่กู้ซีจิ่วหลอมโอสถขจัดพิษกู่ให้พวกเขาด้วย…
คนอื่นยังไม่เท่าไหร่ ทว่าดวงตากู้เซี่ยเทียนส่องประกายขึ้นมาทันที!
เขามองไปที่มู่เฟิง “ที่เจ้าพูดคือ…ซีจิ่ว…ซีจิ่วออกมาแล้วหรือ?!” ผ่านมาแปดปีเขาเพิ่งได้ยินข่าวของบุตรสาวเป็นครั้งแรก อารมณ์ย่อมปั่นป่วนยิ่งนักเป็นธรรมดา พูดจาก็ติดๆ ขัดๆ ไปแล้ว
มู่เฟิงพยักหน้านิดๆ “พิษกู่ของพวกเราเป็นนางลงมือหลอมโอสถช่วยแก้ให้พวกเราด้วยตัวเอง แปดปีมานี้นางอยู่กับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายฝึกฝนด้วยกันมาโดยตลอด เมื่อท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกมา นางย่อมติดตามออกมาแล้วเช่นกัน”
สายตาของกู้เซี่ยเทียนหันเหไปที่ตี้ฝูอีทันที “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นี่…นี่เป็นความจริงหรือ? นางยังอยู่ดีใช่ไหม? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
ดวงตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย “แม่ทัพกู้วางใจเถิด ยามนี้นางปลอดภัยยิ่งนัก ท่านกับนางจะได้พบกันในไม่ช้า”
กู้เซี่ยเทียนถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก บุตรสาวยังมีชีวิตอยู่ ซ้ำยังมีชีวิตที่ดีด้วย และดูเหมือนจะได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายด้วย!
เขาตายก็ไม่เสียใจแล้ว!
ถึงแม้เขาจะถูกมัดไว้ ใบหน้าและร่างกายยังมีไข่เน่าผักเน่าอะไรพวกนั้นติดอยู่ น่าอนาถจนไม่สามารถอนาถไปกว่านี้ได้แล้ว ทว่าดวงตากลับส่องประกายออกมา
————————————————————-