บทที่ 1341 ความจริง 4
ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “นั่นเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาคิดเองเออเองทั้งนั้น ร่างกายของเจ้าเหตุใดข้าต้องยกให้ผู้อื่น? ดินแดนเผ่าเงือกมีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพชั้นดี ไม่เพียงแต่ทำให้ซากศพไม่เน่าเปื่อย ยังทำให้มันมีพลังชีวิตไม่แตกดับ แม้ในห้วงนิทราก็ยังพัฒนาพลังวิญญาณได้ ร่างเดิมของเจ้าเอาไปเก็บไว้ที่นั่นจะดีกว่า”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
เธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ในเมื่อท่านไม่ได้ยกร่างนั้นให้อดีตประมุข เช่นนั้น เหตุใดไม่ให้ข้าสลับร่างกลับไปเล่า? ท่านก็รู้ว่าที่ข้าชื่นชอบคือร่างมนุษย์ที่แท้จริง…”
ตี้ฝูอีหลับตาลง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลิขิตสวรรค์ ข้าไม่อาจพูดได้ แต่ข้ารับรองได้ว่าร่างนั้นอย่างไรก็เป็นของเจ้า ไม่มีทางเป็นของผู้อื่น ไม่ช้าเร็วเจ้าจะได้กลับไปร่างนั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้…”
กู้ซีจิ่วกล่าวอันใดไม่ออก เธอนึกไม่ถึงว่าเขาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง!
เธอสูดลมหายใจเข้า “ท่านบอกว่าอดีตประมุขเงือกไม่ใช่คู่หมั้นของท่าน แต่น้องสาวของนางกลับเรียกท่านว่าพี่เขยไม่ขาดปาก และท่านก็ไม่เคยปฏิเสธ…”
ตี้ฝูอีทอดถอนใจ “เรื่องนี้…ข้าละเลยไปเอง เป็นเพราะความเคยชินหลายพันปี หลงลืมแก้ไขให้นางเรียกขานใหม่แล้ว”
กู้ซีจิ่วมองเขา “ความหมายของท่านคือ ท่านเคยเป็นว่าที่พี่เขยของนาง? มิเช่นนั้น นางไม่มีทางเรียกท่านโดยไม่มีเหตุผลได้หรอกกระมัง?”
ตี้ฝูอีลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ทอดถอนใจเบาๆ “เดิมที เรื่องของข้ากับหลานจิ้งเคอกลายเป็นอดีตไปแล้ว และนางก็จากโลกนี้ไปแล้ว ควรจะให้เกียรติผู้ล่วงลับ ข้าไม่อยากอธิบายเรื่องของข้ากับนางให้ใครฟังมากมาย แต่ในเมื่อนี่เป็นประเด็นหลักที่ทำให้เจ้าเข้าใจผิด ดูเหมือนข้าต้องพูดเสียหน่อยแล้ว”
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย มองดูเขา “ข้าไม่ได้บังคับให้ท่านต้องเล่าเรื่องของท่านกับนางอย่างละเอียด เพียงแค่อยากมั่นใจความสัมพันธ์ที่แท้จริงของท่านกับนาง…”
“เช่นนั้นหากข้าบอกว่านางเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง คู่หมั้นอะไรนั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเข้าเบาๆ สบตาของเขา “หากนี่คือการอธิบายของท่าน ข้าเชื่อ!”
ตี้ฝูอีกกลับยิ้มออกมา “ไม่ เจ้าไม่เชื่อ หากข้าไม่เล่าเรื่องนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นปมที่ติดอยู่ในใจเจ้าตลอดไป ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าเข้าใจผิดข้าไปตลอด จะเล่าโดยสรุปก็แล้วกัน”
เขาเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิด จากนั้นจึงถามออกมาก่อนหนึ่งประโยค “ซีจิ่ว เจ้าคิดว่าฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ของข้ามาได้อย่างไร?”
กู้ซีจิ่วหยุดชะงัก “ตั้งแต่เกิดกระมัง? ท่านเป็นเทพนี่…”
ตี้ฝูอียิ้มเนือยๆ “ไม่มีใครเกิดมาเป็นเทพหรอก…กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ต่อให้มีความเป็นเทพ ลิขิตให้เป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ แต่กว่าจะเติบใหญ่ขึ้นมาก็ต้องผ่านการนองเลือดมามากมาย…”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “เรื่องนั้นข้ารู้ สวรรค์มอบหมายภาระอันใหญ่ยิ่งให้คนผู้หนึ่ง ต้องลำบากกายาเคี่ยวเข็ญถึงเอ็นกระดูก อดอยากไปถึงเนื้อหนัง…ต้องข้ามผ่านความสูญเสียอันหนักหน่วงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ท่านถามเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสิ่งใด?”
นิ้วมือตี้ฝูอีหมุนถ้วยชา กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ความหมายของข้าก็คือ ต่อให้เป็นข้า ในตอนนั้นก็เติบโตขึ้นมาจากชายหนุ่มผู้อ่อนแอ เคยถูกคนไล่ล่าเฉกเช่นเจ้า มีช่วงเวลาที่พลังวิญญาณเทียบเท่าผู้อื่นไม่ได้”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง เธอยังคิดว่าเขาเกิดมาก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์เลย อย่างมากก็พบเจอความยากลำบากเป็นครั้งคราว ที่แท้เขาก็มีช่วงเวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่อยู่เหมือนกัน เธอไม่ปริปากพูดจาอะไรอีก ฟังตี้ฝูอีเล่าต่อ
ความจริงแล้ว เรื่องของตี้ฝูอีกับคนที่ชื่อหลานจิ้งเคอผู้นั้นไม่ซับซ้อนเลย ห้าพันปีก่อนหน้านี้ ตี้ฝูอีกำลังอยู่ในช่วงเติบใหญ่ เคยถูกศัตรูเล่นงานจนบาดเจ็บ ร่วงหล่นลงไปในมหาสมุทร และได้รับความช่วยเหลือจากหลานจิ้งเคอที่ออกมาเดินเล่นบนผืนสมุทร
ตอนนั้นบิดาของหลานจิ้งเคอเพิ่งล่วงลับไป เผ่าเงือกกำลังเกิดการแย่งชิงตำแหน่งประมุข
———————————————————
บทที่ 1342 ความจริง 5
เผ่าเงือกก็มีจักรพรรดิเหมือนโลกมนุษย์ สืบทอดตำแหน่งโดยองค์รัชทายาท แต่ตอนนั้นหลานเหยากวงน้องชายของหลานจิ้งเคอยังเล็กอยู่ ไม่หลานจิ้งเคอก็ท่านอาสายตระกูลหลานจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขเงือก
หลานจิ้งเคอย่อมไม่อยากให้ตำแหน่งประมุขบ้านตนเองตกไปอยู่ในมือผู้อื่น นางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดตำแหน่งประมุขนี้ ทว่าการสืบทอดตำแหน่งของนางมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง ก่อนนางจะสืบทอดตำแหน่งประมุขเผ่าเงือก ต้องมีคู่หมั้นที่มีความสามารถเป็นพิเศษคนหนึ่ง…
ถึงแม้หลานจิ้งเคองดงาม แต่มีนิสัยเยี่ยงบุรุษ อาจหาญสง่างาม แม้นางจะมีเพื่อนในเผ่าเงือกไม่น้อย ทว่าไม่อาจเฟ้นหาคู่หมั้นที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะได้สักคน
ในช่วงที่กำลังกระวนกระวายใจ ตี้ฝูอีที่บาดเจ็บสาหัสก็โผล่มาตรงหน้า
และเป็นเหตุบังเอิญที่ตี้ฝูอีสูญเสียความทรงจำ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ตี้ฝูอีเป็นคนมีความสามารถมากอย่างไม่ต้องสงสัย หลานจิ้งเคอกำลังคร่ำเครียดคิดไม่ตกเรื่องคู่หมั้น เมื่อเห็นตี้ฝูอีที่สูญเสียความทรงจำหลังจากหายดีแล้วก็มีแผนการอยู่ในใจ นางหลอกตี้ฝูอีว่าตนคือคู่หมั้นของเขา อีกไม่กี่วันจะแต่งงานกัน
หลานจิ้งเคอมีความสามารถยิ่งนัก พูดจาโป้ปดปั้นน้ำเป็นตัวชุดหนึ่ง ผู้อื่นต้องเชื่ออย่างห้ามไม่ได้
ถึงแม้ตี้ฝูอีไม่มีความทรงจำ แต่เขาไม่ได้โง่งม ยังมีท่าทีสงสัยกับคำพูดเช่นนี้ของหลานจิ้งเคอ
เคราะห์ดีที่หลานจิ้งเคอบอกว่าเห็นเขาเป็นเพียงสหาย เขาแค่ช่วยเหลือนางให้ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ ก็บอกเลิกการหมั้นหมายกับเขาได้แล้ว นางจะไม่ทำให้เขาเสียเวลานานเกินไป
อย่างไรเสีย นางก็มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาไว้ ตี้ฝูอีจึงยอมตกปากรับคำ แสดงละครฉากหนึ่งเป็นเพื่อนนาง
ในเมื่อแสดงละครแล้วก็ต้องทำให้สมบทบาท นับจากนั้นเป็นต้นมา หลานเหยากวงกับหลานจิ้งอี๋ในวัยเด็กจึงเริ่มเรียกขานเขาว่าพี่เขย เขาย่อมยินยอมไปโดยปริยาย
ท่านอาตระกูลหลานสาขาท่านนั้นย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว คอยเล่นลูกไม้สกปรกลับหลังไม่น้อย แต่ล้วนถูกตี้ฝูอีจัดการได้อย่างง่ายดาย เป็นเช่นนี้เรื่อยไปจนตี้ฝูอีค่อยๆ ได้รับการยอมรับจากเผ่าเงือกทั้งหมด ผ่านไปสามปี ในที่สุดหลานจิ้งเคอก็ได้รับตำแหน่งประมุขเงือก…
หลานจิ้งเคอเชี่ยวชาญการต่อสู้ การออกรบ ให้นางเป็นแม่ทัพหญิงยังพอไหว แต่เป็นประมุขเงือกค่อนข้างทำให้นางลำบากใจจริงๆ มักจะคิดไม่ตกเรื่องบริหารราชกิจแผ่นดิน
แต่ตี้ฝูอีเชี่ยวชาญการจัดการสิ่งเหล่านี้ เขาจัดการเพียงนิดเดียว ก็มักจะเห็นแสงจันทร์สว่างท่ามกลางเมฆหมอกที่ปกคลุมได้
หลานจิ้งเคอมองเขาเป็นกุนซือ คอยขอคำแนะนำจากเขาอยู่บ่อยครั้ง
เป็นเช่นนี้เรื่อยมา ตี้ฝูอีกับหลานจิ้งเคอกลายเป็นสหายที่เหมือนพี่น้องกัน ทั้งสองคนแทบจะไม่มีความลับต่อกัน
และในตอนนี้เอง ตี้ฝูอีฟื้นคืนความทรงจำ ย่อมเข้าใจดีว่าถูกหลานจิ้งเคอหลอกลวง
ยังดีที่หลานจิ้งเคอไม่ได้หลอกเขาเรื่องอื่น ดีต่อเขาอย่างยิ่งเสมอมา และมองเขาเป็นพี่น้องที่ตายแทนกันได้จริงๆ ของมีค่าบางชิ้นของนาง ขอเพียงตี้ฝูอีปรารถนา นางก็ยกให้เขาได้โดยไม่ลังเล นางขอโทษด้วยความจริงใจอีกครั้ง ถึงขนาดคุกเข่าขอโทษ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องนี้ เพียงแต่ขอร้องให้แก้ไขเรื่องเข้าใจผิด บอกกล่าวชาวเผ่าเงือกคนอื่นให้ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คู่หมั้นของนาง
แต่หลานจิ้งเคอกลับลำบากใจมาก จำต้องตัดสินใจบอกความลับที่แท้จริงของตนไปอย่างเสียไม่ได้ นางมีรสนิยมทางเพศที่ไม่ปกตินัก คนที่นางชอบคือเงือกสาว…
และการนิยมชมชอบเพศเดียวกันเป็นสิ่งต้องห้ามในเผ่าเงือก ดังนั้นนางกับเงือกสาวผู้นั้นจึงทำได้เพียงหลบๆ ซ่อนๆ ไปตลอดชีวิต ไม่สามารถเปิดเผยได้
ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างน้อยเป็นเวลาสิบปี มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในเผ่าเงือก ตำแหน่งประมุขของตระกูลหลานก็จะรักษาไว้ไม่ได้
นางอ้อนวอนตี้ฝูอีให้รับหน้าที่คู่หมั้นในนามของนาง ไม่ต้องจัดพิธีแต่งงานใดๆ ขอเพียงให้ประชาชนเผ่าเงือกคิดเช่นนี้ต่อไปก็พอแล้ว
แน่นอน นางบอกว่าการแต่งงานที่แท้จริงของตี้ฝูอีเป็นเรื่องอิสระ
——————————————————-