บทที่1644 คลอเคลีย
“อื้ม ใช่ๆ” ถางหยวนหยวนรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่มีเหตุผล กลัวว่าเขาจะปฏิเสธตัวเอง
“ฉันรู้แล้ว”
เมิ่งเข่อเฟยตอบเสียงเย็นชาเหมือนเดิม ถางหยวนหยวนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเลือดจะไหลออกหมดตัว เม้มปากเข้าหากัน แล้วถามอย่างระมัดระวัง
“เฟยเฟย เธอจะมาใช่ไหม?”
เดิมทีเธอนึกว่าจะได้รับคำตอบที่เธอไม่อยากได้ยิน แต่คาดไม่ถึงว่าเมิ่งเข่อเฟยกลับตอบว่า “อื้ม ฉันไปแน่นอน เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
คำตอบนี้ทำให้ถางหยวนหยวนรู้สึกประหลาดใจ รีบดีดตัวลุกขึ้นยืนจากเตียงนอน
“จริงหรอ? เธอจะมาจริงๆหรอ?”
“ไปแน่นอนสิ งานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของเพื่อนสนิท ฉันต้องไปแน่นอน เมื่อไหร่หรอ?”
“สองวันนี้ได้ไหม? ฉันอยากให้ดีไซเนอร์ออกแบบชุดราตรีให้เธอด้วยหนึ่งชุด”
ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา “ไม่น่าจะได้ ช่วงนี้ฉันค่อนข้างงานยุ่ง รอวันงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของเธอ ฉันค่อยไปนะ”
“หา งั้นก็ได้!”
แม้ว่าเธอจะไม่สามารถจัดงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยพร้อมกับเธอ ทำให้ถางหยวนหยวนผิดหวังเล็กน้อย แต่เขายอมมางาน ถางหยวนหยวนก็ดีใจแล้ว
หลังจากวางสาย ถางหยวนหยวนก็โทรหาดีไซเนอร์ แล้วบอกข้อมูลส่วนสูงและน้ำหนักของเมิ่งเข่อเฟย ขอให้ดีไซเนอร์ช่วยออกแบบไซส์ที่พอดีให้เมิ่งเข่อเฟย หลังจากที่ดีไซเนอร์ทำความเข้าใจ ก็บอกว่าไม่มีปัญหา
ถางหยวนหยวนกดวางสายอย่างมีความสุข
คืนนั้น จางเสี่ยวลู่และหยวนเย่าหันส่งข้อความวีแชทหาเธอ ถามว่าขอไปร่วมงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยของเธอได้หรือเปล่า
ถางหยวนหยวนไม่ค่อยอยากจะชวนพวกเขามาสักเท่าไหร่ เธอมักจะรู้สึกว่าพวกเขามีเจตนาที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ หลังจากที่เธอเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณนายถาง
คุณนายถางลูบหัวของเธอ “ชวนเถอะ เดี๋ยวก็เอาลูกไปนินทาไม่ดีให้เพื่อนๆ ยังไงวันงานคนเยอะแยะ พวกเขาไม่ได้อะไรหรอก”
อีกอย่างคุณนายถางรู้สึกว่า เป้าหมายเพื่อนสองคนนี้ของเธอนั้นน่าจะมีแค่อย่างเดียว
นั่นก็คือทรัพย์สมบัติตระกูลถางของพวกเธอ
ถ้ามาร่วมงาน ก็จะได้รู้จักคนเพิ่มไม่ใช่หรือไง?
ถึงแม้สถานะของตระกูลถางในเมืองเป่ยจะไม่สูงเท่าบริษัทตระกูลเย่บริษัทตระกูลหานแต่ก็ยังสูงมาก บวกกับความสัมพันธ์ของหยวนหยวนไม่กี่ปีมานี้ ตระกูลถางและเย่หานสองตระกูลค่อยๆเคลื่อนย้าย ร่วมมือกัน ตระกูลถางก็ไม่ได้เป็นตระกูลถางเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้าจะพูดถึงสามตระกูลใหญ่ในเมืองเป่ย ถึงแม้ว่าตระกูลถางจะอยู่อันดับหลังเย่หานสองตระกูล แต่คนอื่นๆต่างก็อิจฉาอยู่ดี
คนอื่นๆไม่กล้าที่จะขึ้นมายืนเทียบกับเย่หานสองตระกูล ดังนั้นโอกาสทองนี้จึงตกเป็นของตระกูลถาง
“ค่ะแม่”
ถางหยวนหยวนถึงเพิ่งจะตอบตกลงหยวนเย่าหันและจางเสี่ยวลู่
เป้าหมายของทั้งสองสำเร็จ แล้วคุยกับถางหยวนหยวนอีกเยอะแยะ สุดท้ายยังบอกว่าวันงานจะซื้อเค้กวันเกิดให้อะไรทำนองนั้น
ถางหยวนหยวนไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขาต่อ
เธอวางโทรศัพท์ลง เอามือจับแก้มแล้วมองไปยังคืนที่สงบด้านนอก
มีแค่เหตุผลเดียวที่เธอรอคอยงานเลี้ยงก้าวผ่านวัน
พี่ชายบอกว่า รอเธอบรรลุนิติภาวะ ก็จะมีสิทธิ์เจรจาเรื่องที่ทั้งสองจะคบกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่ให้เธอพูด บอกว่าเธอยังไม่โต ควรจะเอาเรื่องเรียนเป็นเรื่องหลัก
แต่ตอนนี้ เธอโตแล้ว เขาคงไม่มีข้ออ้างปฏิเสธแล้วมั้ง?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดีไซเนอร์ได้ออกแบบชุดราตรีทั้งสองชุดเสร็จแล้ว จากนั้นก็เอามาให้ถางหยวนหยวนลองใส่
หลังจากที่ใส่ชุดราตรี ดีไซเนอร์มองสาวร่างบางตรงหน้า พูดอย่างโล่งใจว่า “สวยจริงๆ อีกอย่างคุณควบคุมน้ำหนักได้ดีด้วย ชุดนี้กำลังเหมาะเลย อีกสองวันก็วันงานแล้ว ฉะนั้นช่วงสองวันนี้ต้องควบคุมน้ำหนักให้ดีนะคะ”
“ค่ะๆ”
ถางหยวนหยวนพยักหน้า “หนูจะพยายามค่ะ”
เธออยากจะใช้ด้านที่ดีที่สุดไปต้อนรับตัวเองที่แตกต่าง ฉะนั้นเธอจึงยับยั้งชั่งใจต่อตัวเองมาก
“จริงด้วย ชุดราตรีตัวนี้เพื่อนคุณไม่มาลองด้วยกันหรอ?”
“คือ เขาน่าจะมาไม่ได้ เขาจะมาตอนวันงานค่ะ”
ดีไซเนอร์พยักหน้า “งั้นก็ได้ ฉันนึกว่าจะได้ลองใส่ดู หากตรงไหนไม่พอดีจะได้แก้ โชคดีที่ฉันออกแบบเพิ่มสายรัด ถ้าวันงานเพื่อนคุณผอมเกินไป ใส่แล้วหลวม ก็ให้เก็บเอวข้างหลังตรงนี้นะ”
ถางหยวนหยวนดูอย่างตั้งใจสายรัดที่ดีไซเนอร์บอก รอยยิ้มหวานแหวว
“สวยมาก ขอบคุณค่ะ”
หลังจากเช็คว่าชุดไม่มีปัญหา ถางหยวนหยวนเก็บชุดราตรีทั้งสองเข้าตู้เสื้อผ้าของตัวเอง เก็บไว้ด้วยกัน คิดไปคิดมาก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองชอบที่สุดมาฉีดใส่ชุดราตรี จากนั้นค่อยปิดประตูตู้เสื้อผ้าลง
เธอส่งข้อความหาเมิ่งเข่อเฟย
“เฟยเฟย วันนี้ฉันได้รับชุดที่ดีไซเนอร์ออกแบบให้เธอแล้ว เพราะว่าเธอไม่ได้มาลองเอง ดีไซเนอร์ก็เลยออกแบบสายรัดไว้ให้ สีกับแบบสวยมาก ถ้าเธอใส่คงจะสวยมาก”
รอนานพอสมควร เมิ่งเข่อเฟยก็ไม่ตอบ
ถางหยวนหยวนดูการห้องแชทในวีแชท ข้อความหนักขวาฝั่งเธออย่างเดียว เธอกดมือลงแล้วเลื่อนขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้การพูดคุยของเธอสองคนไม่ได้สนิทสนมเท่าเมื่อก่อน เหมือนเธอจะคุยอยู่คนเดียวมากกว่า ส่วนเมิ่งเข่อเฟยตอบเธอบ้างบางครั้ง ไม่ก็ตอบประโยคสั้นๆ
เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเดาอะไรถูก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ
ยังไงทั้งสองก็สนิทกันมาตั้งหลายปี จะแตกคอกันแบบนี้ง่ายๆไม่ได้หรอกมั้ง
สุดท้ายถางหยวนหยวนได้แต่ปลอบใจตัวเอง เฟยเฟยก็แค่งานยุ่ง รอเธอยุ่งเสร็จ ก็จะดีขึ้น
ถึงแม้ถางหยวนหยวนจะไม่รู้ว่าจะปลอบใจตัวเองแบบนี้ได้ถึงเมื่อไหร่ แต่ ณ ตอนนี้เธอยังคงเชื่อมั่นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคนอยู่ คบมาตั้งกี่ปีจะบอกให้เลิกคบง่ายๆงั้นหรอ
จากนั้นวันงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยที่เธอรอคอยนักหนาก็มาถึง
รอวันงานวันนั้น เสี่ยวโต้วหยามาถึงบ้านถางหยวนหยวนล่วงหน้าก่อนหนึ่งคืน เพื่อมานอนกับเธอ เอาแต่พูดว่าจะใส่ชุดราตรีกับเธอ จะเข้าร่วมงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยพร้อมกับเธอ
ถางหยวนหยวนพูดขัด “อายุเธอยังไม่ถึงเลยเสี่ยวโต้วหยา”
“หนูไม่สน หนูอยากลองล่วงหน้า ยังไงหนูก็ใกล้แล้วเหมือนกัน!”
จากนั้นก็เขย่าแขนของถางหยวนหยวน “ดีไหมคะพี่หยวนหยวน พี่หยวนหยวน”
ถางหยวนหยวนโดนเขย่าจนมึนหัว ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
“เสี่ยวโต้วหยาฉันคิดว่าเธอไปถามความคิดเห็นของคุณน้ามู่จื่อกับคุณอาเย่น่าจะดีกว่า เพราะยังไงงานเลี้ยงก้าวผ่านวัยเป็นเรื่องที่จริงจัง เธออย่า……”
“พี่สะใภ้คะ ให้หนูร่วมงานด้วยนะคะ หนูก็เคยลอง ไม่ได้เข้าร่วมในพิธี”
คำว่าพี่สะใภ้นั้น ทำให้ถางหยวนหยวนหน้าแดงได้สำเร็จ เธอมองเขาอย่างเขินอาย “เธอ เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“พี่สะใภ้ไง~”เสี่ยวโต้วหยาหัวเราะชอบใจแล้วกอดเอวของถางหยวนหยวนเอาไว้ ความสัมพันธ์ทั้งสองดีมากคลอเคลียอยู่ด้วยกัน “เมื่อก่อนที่หนูไม่เรียกพี่แบบนั้นเพราะพี่ยังอายุไม่ถึง ตอนนี้ขอเรียกล่วงหน้านะคะ พี่ชอบพี่ชายหนูไหม?”
ถางหยวนหยวน “ใคร ใครบอกว่าฉันชอบพี่เธอ?”
“ห๊ะ? พี่หยวนหยวนไม่ชอบพี่ชายหนู?”
ถางหยวนหยวน:“……”
เสี่ยวโต้วหยาแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา “พี่ชายหนูเป็นคนดีขนาดนี้ ถ้าพี่หยวนหยวนไม่ชอบพี่ชายหนู แล้วพี่หยวนหยวนชอบใครอ่ะ?”
“ฟังนะเสี่ยวโต้วหยานี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรถาม ฉันชอบพี่ชายเธอแล้วยังไง? เธออย่าคิดว่าเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ แล้วฉันจะตอบตกลง”