บทที่ 1035 ท่านคงมิได้ใช้สิ่งนี้ชมละครอยู่บ่อยๆ กระมัง
ตี้ฝูอีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นตายชะตาลิขิต ข้าไม่อาจก้าวก่ายความเป็นความตายของมนุษย์ปุถุชนได้”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง “…ความหมายของท่านคือจะเบิกตามองหรงเช่อสังหารจักรพรรดิซวนงั้นหรือ?”
มือข้างหนึ่งของตี้ฝูอีวางลงบนไหล่เธอ เอ่ยสอนเธออย่างจริงจัง “เมื่อประสบเรื่องราวใหญ่หลวงอย่างการผลัดเปลี่ยนกษัตริย์ผู้ปกครองเช่นนี้พวกเราเหล่าผู้บำเพ็ญต้องเรียนรู้ที่จะไม่เข้าร่วม ต้องเรียนรู้ที่จะเฝ้าชมอยู่ด้านข้าง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจากหัวคนเป็นหัวหมูก็ไม่อาจสอดมือไปยุ่งเกี่ยวได้ ถึงแม้จักรพรรดิซวนผู้นี้เดิมทีก็มีวิตอยู่ไม่พ้นสิบวันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเขาถูกลิขิตให้ต้องตายด้วยน้ำมือของบุตรชายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
กู้ซีจิ่วดึงแขนเขาออก “ท่านอย่าขยับมือมือไม้วุ่นวาย หากติดเป็นนิสัยไปผู้ที่มีจิตคิดไม่ซื่อจะมองท่านออกทันที! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะโป้ปดให้ท่านก็ปดไว้ไม่อยู่แล้ว”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “วางใจเถอะ ยามอยู่ด้านนอกข้าจะพยายามควบคุมไว้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งที่นี่ก็ไม่มีคนอื่นด้วย”
“หากว่าหลงซือเย่หรือว่าผู้อื่นเข้ามากะทันหันเล่า? มองเห็นพวกเราเป็นเช่นนี้…”
“วางใจเถอะ ข้ามีแผนการของตัวเอง รับประกันได้ว่าไม่มีผู้ใดมายลยินได้ก็พอ มาๆ ชมละครต่อเถิด” ตี้ฝูอีจัดแจงใบหน้าเล็กๆ ของเธอ พลางยื่นเมล็ดแตงกำมือหนึ่งให้เธอ
กู้ซีจิ่วไร้วาจา สายตาจับจ้องบนป้ายหยกของเขา “ท่านคงมิได้ใช้สิ่งนี้ชมละครอยู่บ่อยๆ กระมัง?”
“เป็นบางครั้ง” ส่วนใหญ่เขาจะเข้าร่วมโดยตรงเลย จะให้ลูกน้องใช้ป้ายหยกนี้เวลาที่ต้องติดตามควบคุมตามสถานการณ์เท่านั้น
ป้ายหยกนี้เทียบได้กับกล้องวงจรปิดคุณภาพสูงเลย มองเห็นสถานการณ์ทั่วห้องโถงได้ชัดเจน ทุกทิศทุกทาง ไร้จุดอับสายตา ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำได้อย่างไร
“ท่านติดตั้งป้ายหยกนี้ไว้กี่ที่? คงมิใช่ว่าในห้องบรรทมของจักรพรรดิแต่ล่ะอาณาจักรล้วนติดตั้งเอาไว้ที่ละอันกระมัง?” กู้ซีจิ่วสงสัย สายตาที่มองตี้ฝูอีค่อนข้างลุ่มลึก
จักรพรรดิมักจะเรียกนางสนมมาปรนนิบัติเป็นประจำ ในห้องบรรทมของเขาก็ต้องมีหนังสดให้ดูอยู่ตลอดน่ะสิ!
ตี้ฝูอีเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ยื่นมือไปยีหัวเธอ “ลามก! ข้าไหนเลยจะเป็นคนต่ำช้าเช่นนั้น? มีเพียงสถานการณ์พิเศษเท่านั้นถึงจะใช้มันได้ ทางฝั่งของจักรพรรดิซวนก็เพิ่งถูกติดตั้งเมื่อคืนเหมือนกัน”
เขายื่นมือมาอย่างรวดเร็ว ยีหัวเธออย่างง่ายดาย กู้ซีจิ่วยกมือขึ้นกดมือน้อยๆ ที่วุ่นวายของเขาลงมองเขาด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “ท่านบอกมาสิ ท่านเคยติดตั้งป้ายหยกติดตามความเคลื่อนไหวนี้ไว้ข้างกายข้าใช่หรือไม่?” ด้วยนิสัยของคนผู้นี้ไม่แน่ว่าอาจทำจริงๆ ก็ได้!
ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง กระแอมไอ “เจ้าคิดมากไปแล้ว เอาล่ะ พวกเราดูละครกันเถอะ ดูละครกัน! รีบดูสิ หรงเช่อลงมือแล้ว!”
เป็นอย่างที่ตี้ฝูอีคาดการณ์ไว้ ชั่วระยะเวลาที่พวกเขาสนทนากัน หรงเช่อได้ปลุกจักรพรรดิซวนขึ้นมาแล้ว หลอกล่อให้เขาเขียนราชโองการ…
จักรพรรดิซวนเป็นกษัตริย์พ่อพันธุ์ผู้หนึ่ง มีสนมชายามากมาย โอรสธิดาก็มากเช่นกัน นอกจากหรงเช่อ หรงเจียหลัว หรงฉู่ที่โดดเด่นที่สุดแล้ว ยังมีโอรสอีกห้าคน ถึงแม้โอรสเหล่านั้นจะไม่มีจิตคิดครองราชย์ แต่ก็ไม่อานดูแคลนได้จริงๆ โดยเฉพาะองค์ชายลำดับที่เจ็ดนามว่าหรงฮ่วน ถึงแม้ชื่อเสียงจะเทียบหรงเช่อมิได้ แต่เขาอายุมากกว่าหรงเช่อ หากนับตามลำดับอายุ ต่อให้หรงเจียหลัวกับหรงฉู่สิ้นชีพไปหมดแล้ว ผู้ที่จะได้สืบทอดตำแหน่งก็คือหรงฮ่วนมิใช่หรงเช่อ ดังนั้นดีที่สุดคือต้องให้จักรพรรดิซวนกำหนดราชโองการแต่งตั้งหรงเช่อเป็นผู้สืบทอด เช่นนั้นเขาถึงจะมีสิทธิ์อย่างชอบธรรม
จักรพรรดิซวนได้รับความสะเทือนใจหนักหนาเกินไป ตัวคนค่อนข้างเหม่อลอย มือที่กุมพู่กันไว้สั่นเทา เขียนตัวหนึ่งก็สั่นอยู่เนิ่นนาน
กู้ซีจิ่วถามตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกาย “หรงเช่อวางยาจักรพรรดิซวนหรือ?” เมื่อกี้เธอมัวแต่คุยจึงไม่ได้มอง
ตี้ฝูอีจึงชี้ทางเธอ “นี่ เจ้าดูตรงขมับของจักรพรรดิซวนสิ ตรงนั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า?”
————————————————————————————-
บทที่ 1036 อย่าร้อนใจเลย ดูต่อไปเถอะ
กู้ซีจิ่วมองดู “ตรงขมับเขาสั่นไหวอยู่เล็กน้อย คล้ายกับมีอะไรมุดอยู่ด้านใน! หรงเช่อวางกู่เขา!”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างพอใจ “มิผิด! ตาแหลมนัก คนรุ่นใหม่ที่รับการสั่งสอนได้! เช่นนั้นเจ้าดูออกหรือไม่ว่าเขาวางกู่ชนิดใด? ว่ากันตามจริง ถึงแม้จักรพรรดิซวนจะไม่นับว่าเป็นอย่างไร แต่อันที่จริงก็เป็นจักรพรรดิที่ดีคนหนึ่ง และเฉลียวฉลาดมาก ซ้ำยังไม่ถึงขั้นสับสนเลอะเลือนด้วย โอรสผู้ประเสริฐทั้งสองคนของเขาประเหตุถึงแก่ความตายไล่เลี่ยกัน อันที่จริงเขาก็สงสัยหรงเช่อเช่นกัน เขาเขียนราชโองการนี้อย่างไม่เต็มใจ เขาน่าจะสัมผัสได้ว่าหรงเช่อมีใจคิดสังหารเขา แต่ข้างกายไม่มีผู้ใดถวายอารักขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดจะถ่วงเวลา ถูกหรงเช่อมองออก เขาจึงใช้กู่ควบคุมเขาโดยตรง ใช้กู่ในยามนี้จะต้องระวังแล้วระวังอีก ไม่อาจให้ผู้ใดมองออกได้ ภายหน้าก็ไม่อาจให้หมอหลวงตรวจพบได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกกู่ได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น กู่เรียวเข็ม กู่ชนิดนี้สามารถก่อกวนความคิดจิตใจของคนได้ ทำให้จิตใจสับสนว้าวุ่นอย่างน่าประหลาด ถูกผู้อื่นควบคุมได้ง่ายดายนัก…”
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า การติดตามอยู่ข้างกายยอดฝีมือผู้เลิศล้ำเช่นนี้ช่างเพิ่มพูนความรู้โดยแท้ ต่อให้ชมละครอยู่ก็หาความรู้เพิ่มได้ไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่ากู่ของหงเช่อที่อยู่ด้านในออกฤทธิ์แล้ว สายตาของจักรพรรดิซวนเริ่มเลื่อนลอยแล้ว มือที่จับพู่กันเขียนอักษรอยู่เริ่มปราดเปรียวขึ้นไม่น้อย
กู้ซีจิ่วค่อนข้างร้อนใจ “ท่านคงไม่ปล่อยให้เขาทำเช่นนี้สำเร็จกระมัง?! หากราชโองการนี้เขียนจนเสร็จ หรงเช่อก็จะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน!”
“อย่าร้อนใจเลย ดูต่อไปเถอะ”
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ ประตูตำหนักก็ถูกผลักเปิด หมอหลวงวิ่งเหยาะๆ เข้ามา ถวายบังคมต่อจักรพรรดิซวน
จักรพรรดิซวนยังคงเขียนราชโองการอยู่เช่นเดิม กล่าวประโยคหนึ่งออกมาโดยไม่เงยหน้า “ตามสบายเถอะ”
หมอหลวงคนนั้นก้าวเข้ามาจับชีพจรให้จักรพรรดิซวน หรงเช่อจึงถอยหลังไป ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
ยามที่หมอหลวงจีบชีพจรจักรพรรดิซวนไม่อาจเขียนอักษรได้ ทำได้เพียงวางราชโองการที่เขียนไปแล้วครึ่งหนึ่งไว้บนโต๊ะ หมอหลวงคนนั้นวางอุปกรณ์การแพทย์ไว้บนโต๊ะ มือไม้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่ทันระวังปัดโดยถ้วยชาใบหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะคว่ำ น้ำชาหกลงบนราชโองการ…
หมอหลวงสะดุ้งโหยง รีบร้อนช่วยเก็บ แต่ยังคงเบิกตามองอักษรบนราชโองการที่เลือนรางไปแล้วอยู่
เขารีบคุกเข่ากราบกรานขอรับโทษทันที หรงเช่อที่อยู่ด้านข้างมองเขาอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นนิดๆ
เขารู้จักหมอหลวงผู้นี้ เป็นคนฝ่ายหรงฉู่…
คนของฝ่ายหรงฉู่ย่อมไม่อยากให้ตัวเขาหรงเช่อได้เป็นจักรพรรดิ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าหมอหลวงคนนี้จงใจทำ!
เพียงแต่หรงเช่อกลับไม่ลนลานแล้วจักรพรรดิววนถูกเขาควบคุมแล้ว ราชโองการนี้ย่อมเขียนขึ้นได้ทุกเมื่อ
มีเสียงรายงานของขันทีแว่วมาจากด้านนอกตำหนักบรรทม “ฝ่าบาท ใต้เท้าจาง ใต้เท้าจ้าว…ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางเหล่านี้มีทั้งพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่ และพรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาท
พวกเขามาในยามนี้ย่อมเป็นเพราะได้ยินว่าหรงเช่อกลับมาแล้ว คิดจะมาสอบถามข่าวคราวของหรงเจียหลัว
หากเป็นเมื่อก่อน ร่างกายของจักรพรรดิซวนเป็นเช่นนี้ ซ้ำยังทราบจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ คงจะไม่ให้พบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาเป็นกังวล
แต่ยามนี้ถูกหรงเช่อควบคุมไว้ ย่อมประกาศให้พวกเขาเข้ามาได้
พรรคพวกฝ่ายหรงฉู่ที่เดือดดาลเรียกร้องขอคุมตัวหรงเจียหลัวไป เพื่อไต่สวนอย่างเข้มงวด จะต้องให้ความเป็นธรรมต่อองค์ชายหรงฉู่ให้จงได้
พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทยาทกล่าวว่าทุกอย่างยังไม่กระจ่าง เดิมทีองค์รัชทายาทอยู่ด้านนอก ต่อให้คนที่มาลอบสังหารองค์ชายหรงฉู่จะเป็นองครักษ์ขององค์รัชทายาท ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นองค์รัชทายาทที่ส่งมา…
ขุนนางเหล่านี้ถกเถียงกันเสียงดัง แต่ละคนน้ำเสีงฮึกเหิมห้าวหาญ จ้อกแจ้กจอแจยิ่งกว่านกกระจอกนับร้อยตัว
ทันใดนั้นจักรพรรดิซวนพลันตบขอบเตียง เอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้ขุนนางทั้งหลายหุบปากลง “พวกเจ้าโวยวายอะไรกันอีก?! เจียหลัวประสบเหตุไม่คาดฝันไปแล้ว!”
เหล่าขุนนางตกตะลึง
คราวนี้พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาทแตกฮือแล้ว มองหน้าพรรคพวกฝ่ายหรงฉู่อย่างเลิ่กลั่กในที่สุดก็บื้อใบ้ไป
หรงเช่อย่อมเล่าเรื่องที่หรงเจียหลัวสิ้นชีพระหว่างทางเช่นที่รายงานต่อจักรพรรดิซวนออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
————————————————————————————