ที่เทือกเขาแห่งหนึ่งใน แคว้นแห่งน้ำ
เมื่อมองจากภายนอกที่นี่เป็นเพียงแค่เทือกเขาร้าง แต่ภายในนั้นมีฐานลับขนาดใหญ่อยู่
ที่นี่…คือฐานของ แสงอุษา
ในขณะนั้นและในส่วนที่ลึกที่สุดของฐานมีรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่นั่นโดยมีคน 4 คนยืนอยู่ด้านหน้าของรูปปั้น
1 ในนั้นคือ นางาโตะ ซึ่งแตกต่างไปจากในการ์ตูน เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อตัวเองกับ เทวรูปมารนอกรีต เพื่อแก้แค้นให้กับ ยาฮิโกะ
อย่างไรก็ตาม การใช้ เนตรสังสาระ อย่างต่อเนื่องก็ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลง เขาดูบอบบางและผอมมาก
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางาโตะ คือ เซ็ตสึขาว ที่สวมเสื้อคลุมสีแดงของแสงอุษา ตอนนี้ เซ็ตสึดำ ยังไม่ได้รวมร่างกับ เซ็ตสึขาว
ทางด้านซ้ายของ นางาโตะ มีคนคนหนึ่งที่หน้าตาดุร้ายและแปลกประหลาดนั่งอยู่ที่พื้น เขาดูเหมือนคนหลังค่อมที่สวมเสื้อคลุมของแสงอุษา
และทางด้านขวาก็มีอีกคนหนึ่งที่หน้าตาดูชั่วร้ายยืนอยู่ที่นั่นและเขาก็สวมเสื้อคลุมของแสงอุษาอยู่เช่นกัน นอกจากนั้นแล้วเขาก็สะพายบางอย่างที่พันผ้าพันแผลขนาดใหญ่ไว้ที่ด้านหลัง
ทั้ง 2 คนก็คือ ซาโซริแห่งซึนะ และ โฮชิงาคิ คิซาเมะ
เดิมที ไนโตะ ได้สังหาร กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ ทั้งหมดไปแล้วและเขาก็ได้ทำลายดาบ 2 ใน 7 เล่มของพวกเขาไปด้วย อย่างไรก็ตามเพราะลักษณะพิเศษของ ดาบใหญ่สะบั่นเศียร มันจึงสามารถฟื้นฟูได้ ดังนั้นดาบในตำนานทั้ง 6 เล่มก็ยังคงอยู่ และตอนนี้ ดาบยักษ์หนังฉลาม ก็เป็นของ คิซาเมะ แล้ว
“ฉันเพิ่งได้ข่าวมาว่า ไนโตะ เพิ่งจะไปที่ หมู่บ้านคิริ และตอนนี้เขาก็ยังอยู่ใน แคว้นแห่งน้ำ เขาอาจจะตามหาเราอยู่”
นางาโตะ มองไปที่ ซาโซริ กับ คิซาเมะ แล้วเบิกตากว้าง
“ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะต้องย้ายฐาน เราต้องออกจาก แคว้นแห่งน้ำ”
คิซาเมะ แสยะยิ้มและมีแสงประหลาดวาบในดวงตาของเขา เขาพูดว่า “ไนโตะ? เทพเจ้าแห่งนินจา งั้นเหรอ?”
ซาโซริ ก็หัวเราะเยาะและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม ๆ “แสดงว่าเราจะย้ายฐานแค่เพราะ ไนโตะ คนนี้…”
“ฉันได้ยินมาว่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาในตำนานแห่งคิริ รุ่นแรกถูกเขาสังหารจนหมด ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าเจ้าคนคนนี้ต้องแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อแน่นอน” คิซาเมะ หยิบดาบขนาดใหญ่ออกมาและเผยให้เห็นท่าทางสนใจ
และอีกครั้งที่ ซาโซริ พูดด้วยน้ำเสียงที่ทื่อและหยาบกระด้าง “รู้แบบนี้แล้ว นายยังอยากจะเล่นกับเขาอีกงั้นเหรอ?”
คิซาเมะ ยิ้มเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมของเขาและพูดว่า “เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่ามนุษย์จะมีพลังแบบนั้นได้ยังไง”
“ยิ่งไปกว่านั้น…แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็คงจะหาที่ตั้งของฐานเราไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”
นางาโตะ มองไปที่ คิซาเมะ จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ นายไม่รู้หรอกว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน นายต้องไม่ต่อสู้กับเขา”
แม้ว่า คิซาเมะ จะดูสนใจในพลังของ ไนโตะ มาก แต่เขาก็รู้ว่าเขาไม่ควรลองเสี่ยงโชคกับ ไนโตะ
และเมื่อ คิซาเมะ ได้ยินคำพูดของ นางาโตะ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะ เราจะย้ายฐานตอนนี้เลยเหรอ?”
ซาโซริ ทำเสียงฟึดฟัดแล้วหันกลับไปที่ นางวาโตะ และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง เขาจะไม่พบที่นี่แน่นอน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก อ้า…”
ในตอนนี้ เซ็ตสึ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็แสดงสีหน้าตกใจจากนั้นก็พูดอย่างช่วยไม่ได้
“เพราะเขาอยู่ที่นี่แล้ว”
ตู้ม!!!!
ทันทีที่เขาแบบนั้นออกมา คลื่นกระแทกที่น่ากลัวก็พุ่งลงมาในฐานจากทางด้านบน!
ตั้งแต่วินาทีที่มันปรากฏจนถึงวินาทีที่มันพุ่งเข้ามา มีเพียง นางาโตะ คนเดียวเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงการโจมตีนี้ด้วย เนตรตสังสาระ ของเขาและเขาก็แทบจะหลบมันไม่ทัน
คลื่นกระแทก กระแทกลงที่พื้นตรงหน้า นางาโตะ จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ เซ็ตสึ ไม่ได้โชคดีเหมือนเขา เซ็ตสึขาว โดนการโจมตีเข้าไปจนหัวขาดทันที!
“อะไรกัน?!”
ใบหน้าของ ซาโซริ และ คิซาเมะ เปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวทันที จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปด้านบนทันที
เหนือหัวของพวกเขายังคงเป็นเพดานหินหนาและพวกเขาก็มองไม่เห็นใคร ราวกับว่าคลื่นกระแทกนี้ได้ปรากฏขึ้นมาเองจากอากาศ
“ศัตรูอยู่ไหน?!”
ซาโซริ พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด จากนั้นก็มองอย่างระมัดระวังไปทั่วทุกที่และเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป
ทันใดนั้นร่างที่ไร้หัวของ เซ็ตสึ ก็แข็งอยู่กับที่และเมื่อ นางาโตะ ต้องการที่จะพุ่งเข้าไปเพื่อช่วยเขา ทันใดนั้นก็มีเส้นแสงบางอย่างปรากฏขึ้นและตัดผ่านร่างของ เซ็ตสึขาว
ความเงียบ
ร่างของ เซ็ตสึขาว พร้อมกับเสื้อคลุมแสงอุษา ถูกตัดเป็น 2 ท่อน!
ซาโซริ และ คิซาเมะ ไม่สามารถแม้แต่จะตอบสนองได้ทัน ทั้ง 2 ทำได้แค่หยุดนิ่งด้วยสีหน้าตกใจ
แคว้ก!
เสียงเดียวที่พวกเขาได้ยินคือเสียงที่ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของ เซ็ตสึ ที่ขาดออก เหมือนกับมันเป็นเสียงของกระดาษที่ถูกฉีก
เส้นแสงกระจายไปด้านข้างและไปถึงกำแพงหินด้านหลังของ เซ็ตสึ ทำให้กำแพงแตกเป็นรอยลึก
ทันใดนั้นทั้งฐาน…ก็ถล่ม!
ตู้ม!!!
ไม่เพียงแต่ผนังด้านในแต่ยังรวมถึงหลังคาด้วย…อันที่จริงภูเขาที่อยู่ด้านบนฐานมันแบ่งออกเป็น 2 ซีก!
เมื่อมองขึ้นไปที่เพดาน เพดานก็เริ่มแตกแล้วรอยแตกก็กระจายไปทั่ว จนในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก
ดวงอาทิตย์สาดแสงลงมาตามรอยแตกราวกับว่ามันกำลังก่อตัวเป็นทิวทัศน์ที่เหมือนท้องฟ้า และไม่ว่าใครก็คงสงสัยว่าดาบต้องเล่มใหญ่ขนาดไหนถึงจะตัดฐานทั้งหมดได้ และใหญ่พอที่จะตัดภูเขาทั้งลูกได้