เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1492 คุณจงใจจริงๆด้วย

บทที่1492 คุณจงใจจริงๆด้วย

สามวันหลังจากนั้น เซียวซู่ก็พาเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่บ้านทางฝั่งเธอ หลังจากพักอยู่ที่นั่นหนึ่งคืน เซียวซู่ก็พาเจียงเสี่ยวไป๋ไปฮันนีมูนกันที่ต่างประเทศ

ไปฮันนีมูนในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้ไปกับกรุ๊ปทัวร์ แต่ไปกันเอง เพราะคำนึงถึงนิสัยที่ค่อนข้างทำตามอารมณ์ตัวเองของเจียงเสี่ยวไป๋ ดังนั้นจึงพิจารณาอย่าละเอียดอยู่หลายครั้งก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน โดยไม่ซื้อตั๋วเครื่องบินขากลับไว้ เพราะเขาคิดจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะเที่ยวจนพอใจ ถึงจะกลับ

ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการฮันนีมูน แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังเอาโน๊ตบุ๊คกับไอแพดไปด้วย ตอนที่กำลังจัดกระเป๋า เซียวซู่ที่ยืนมองอยู่ด้านข้างเห็นเธอนำสองสิ่งนี้มาด้วย จึงเอ่ยถาม “เอาพวกนี้มาด้วยทำไมกัน”

เจียงเสี่ยวไปส่งเสียงอืม ก่อนจะอธิบาย “ก็ของพวกนี้เป็นของสำคัญในชีวิตฉันนี่คะ ต้องเอาติดตัวไปด้วยอยู่แล้ว”

“เอาไปด้วยแล้วคุณมีเวลาใช้งานมันเหรอ”

พอพูดเสร็จแล้วยังเห็นเธอก้มหน้าก้มตาเก็บของ เซียวซู่จึงดึงแขนเสื้อของคนบางคนขึ้นมา แล้วดึงเธอเข้ามาข้างกาย

“อย่ามัวแต่เก็บของเลย พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ เราน่าจะออกไปคุ้นเคยสถานที่กันก่อน อีกอย่างตอนอยู่บนเครื่องบินคุณก็ไม่ได้กินอะไรเลยด้วย ตอนนี้ไม่หิวหรือไง”

เดิมทีเจียงเสี่ยวไปยังร้อนใจจัดกระเป๋าของตัวเองอยู่ พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ถึงรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน

“ก็ได้ค่ะ”

สุดท้ายเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยอมหยุดจัดกระเป๋าลงก่อน

หลังจากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็ค้นหาชุดเดรสสายเดี่ยวในกระเป๋าเดินทางออกมา ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

เพราะตอนอยู่ในประเทศอากาศค่อนข้างหนาว แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับชอบอากาศอบอุ่น ดังนั้นทั้งสองคนจึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินมาที่ประเทศไทย ตั้งใจจะเที่ยวให้หนำใจ

เซียวซู่เห็นว่าในที่สุดเจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่สนใจโน๊ตบุ๊คของเธอแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ตอนที่เห็นเธอใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวออกมา เขาก็ต้องหน้าดำคร่ำเครียดอีกครั้ง

เขาเดินไปขวางทางของเธอไว้

คุณคิดจะใส่ชุดนี้ออกไปอย่างนั้นเหรอ”

เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ “มันแปลกตรงไหนคะ”

แปลกตรงไหนอย่างนั้นเหรอ

เซียวซู่ได้ยินคำนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอไปคลับ เธอยังใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นหลวมๆ ไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงได้คิดจะใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวแบบนี้กัน

พอมาก็จัดซะหนักแบบนี้ ชุดเดรสสายเดี่ยว ผิวขาวเนียนเปิดเผยออกมา อีกทั้งความยาวของกระโปรงก็ถึงแค่หัวเข่าด้วย

สำหรับเซียวซู่แล้ว เขารับไม่ได้เลยสักนิด

“ไม่ได้ คุณจะใส่แบบนี้ออกไปไม่ได้”

“ทำไมคะ”เจียงเสี่ยวไป๋เบิกตาโตอย่างงุนงง “คุณคงไม่ได้คิดว่าฉันใส่ชุดโป๊เกินไป ก็เลยไม่อยากให้ฉันออกไปข้างนอกใช่ไหมคะ”

พอถูกเธอจับได้ เซียวซู่ก็ใบหูเริ่มแดง ไม่ยอมรับ จึงรีบพูดแก้ตัว “ไม่ใช่สักหน่อย ที่นี่แดดร้อนมาก คุณใส่แบบนี้ออกไป ถ้าแดดเผาจนผิวถูกทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง”

“อ๋อ”เจียงเสี่ยวไป๋หยิบครีมกันแดดออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะบีบครีมออกมาทาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับพูดไปด้วย “วางใจได้ค่ะ ฉันมีของสิ่งนี้มาด้วย ป้องกันแสงแดดร้อยเปอร์เซ็นต์ ผิวไม่ถูกทำร้ายแน่นอนค่ะ”

เซียวซู่หาคำพูดโต้ตอบไม่ได้ เขายังคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเข้าใจความหมายของเขา แล้วเข้าไปเปลี่ยนชุดที่มันมิดชิดกว่านี้ซะอีก แต่ใครจะคิดว่าเขาจะหยิบครีมกันแดดขึ้นมาทาแทนแบบนี้

พอเห็นสีหน้าของเขาไม่ดี เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยิบครีมกันแดดมาโบกไปมาตรงหน้าเขา “คุณนี่ซื่อบื้อจริงๆ นี่คุณไม่รู้จักว่าของสิ่งนี้คืออะไรอย่างนั้นเหรอคะ”

เซียวซู่แย่งครีมกันแดดมาจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋ ก็จะมองเล็กน้อย แล้วหยิบใส่กระเป๋ากางเกงของตนเอง ก่อนจะพูด “รู้ครับ ถึงแม้จะทาครีมกันแดด แต่แดดของที่นี่กับที่ประเทศเราไม่เหมือนกัน คุณใส่เสื้อคลุมกันแดดไว้ด้วยจะดีกว่า”

พอพูดเสร็จ เขาเตรียมจะหยิบเสื้อคลุมกันแดดคลุมลงบนตัวของเจียงเสี่ยวไป๋โดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ

“บอกมาเถอะค่ะ ว่าคุณกลัวว่าฉันใส่ชุดนี้ออกไปแล้วจะถูกคนมอง คุณจะหึงได้”

พอได้ยินแบบนั้น ใบหูของเซียวซู่ก็แดงขึ้นกว่าเดิม “ไม่ใช่สักหน่อย”

“คุณยังไม่ยอมรับอีกเหรอคะ”เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะ “ก็ได้ค่ะ ในเมื่อครู่ไม่ยอมรับ งั้นฉันก็ไม่ใส่แล้ว”

เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมจะเดินตรงออกไปข้างนอก เซียวซู่เริ่มร้อนใจ ตอนที่เธอเดินไปใกล้จะถึงประตูเขาก็รีบคว้าแขนอันบอบบางของเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด

“เอาล่ะ ห้ามดื้อ คุณพูดถูก ผมไม่อยากให้ใครได้เห็นคุณใส่แบบนี้”

“ตอนนี้มันยุคไหนแล้วคะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้น อีกอย่างฉันก็รู้สึกว่าที่นี่ร้อนมาก ถ้าใส่ชุดหนาเกินไปแล้วเป็นลมแดดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใส่แบบนี้ให้ใครมอง อีกอย่างฉันคิดว่าชุดนี้ไม่ได้โป๊ตรงไหนนี่คะ ส่วนที่ต้องปกปิดก็ปกปิดไว้อย่างมิดชิดแล้ว”

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่สายตาของเซียวซู่ตอนมองมาที่เธอ แล้วเห็นผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมา เดิมทีเธอก็เป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว พอเทียบเคียงกับสีผิวของคนไทย ผิวของเธอยิ่งขาวกว่าปกติ ถ้าใส่แบบนี้ออกไป ไม่รู้ว่าจะมีสายตากี่คู่ที่มองมาที่เธอ

ไม่ว่าจะเป็นเขาที่คิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี

“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ได้”เซียวซู่เม้มริมฝีปาก แล้วมองหน้าเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตอนที่พวกเราเพิ่งรู้จักกัน สไตล์การแต่งตัวของคุณไม่ใช่แบบนี้ ทำไมถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

“สไตล์การแต่งตัวอะไรคะ”เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบตามองบน “ฉันมีสไตล์การแต่งตัวที่ไหนกัน ฉันก็แค่คิดว่าเสื้อผ้าตัวไหนใส่แล้วสบายตัวฉันก็ใส่แค่นั้นเอง แต่ถ้าเป็นงานที่เป็นทางการฉันก็จะระวังเป็นพิเศษค่ะ”

“ไปกันเถอะค่ะ”เจียงเสี่ยวไป๋รีบคล้องแขนเซียวซู่ไว้ ตั้งใจจะลากเขาออกจากห้อง แต่เซียวซู่กลับไม่ยอมก้าวเดิน เขาเอ่ยพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ไม่ไปแล้ว”

“หืม”

เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาเป็นอะไรไป เธอก็ถูกอุ้มขึ้นมา แล้วถูกโยนลงบนเตียงนุ่ม ตามมาด้วยร่างของเซียวซู่ที่ล้มตัวลงมาทับ

“ในเมื่อคุณใส่ชุดแบบนี้ งั้นก็ไม่ต้องไปไหนกันทั้งนั้น เราหาอะไรสนุกๆทำกันในห้องดีกว่า”

หลังจากเขาพูดจบ ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้โต้แย้ง รีบก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเธอทันที

เจียงเสี่ยวไป๋คิดจะต่อต้านก็ไม่ทันแล้ว ดวงตาของเธอเบิกค้าง พอคิดจะพูดอะไรบ้าง ชุดเดรสของเธอก็ถูกถลกขึ้น

“ว้าย เซียวซู่คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันอยากออกไปข้างนอก ฉันเปลี่ยนชุดอื่นก็ได้ ไม่ใส่ชุดนี้แล้ว คุณหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

เดิมทีทั้งสองคนก็เปรียบเสมือนฟืนกับไฟ ก่อนหน้านี้ยังไม่ว่าอะไร แต่อ้อยอุตส่าห์จ่อมาตรงปากช้างแล้ว จะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไงกัน

“สายไปแล้วครับ คุณพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว”

“เซียวซู่ คุณมันบ้าที่สุดเลย”

สุดท้ายแล้ววันแรกของการเดินทางมาถึงประเทศไทย ทั้งสองคนก็ได้แต่อยู่ในห้องพักของโรงแรม

จนถึงตอนช่วงเย็น เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีแรงแม้แต่จะเดินลงไปกินข้าว ถึงแม้ในโรงแรมจะมีบริการอาหารให้ แต่ต้องลงไปที่ห้องอาหารถึงจะได้ ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋แทบไม่อยากขยับตัว เซียวซู่จึงได้แต่ต้องเรียกรูมเซอร์วิซมาส่งที่ห้องแทน

จนอาหารมาวางตรงหน้า เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้ยอมลุกขึ้นจากเตียง แต่ตอนที่เธอคิดจะหยิบชุดเดรสขึ้นมาใส่อีกครั้ง กลับพบว่าชุดเดรสถูกดึงจนขาดไปแล้ว

เหอะๆ

เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะในใจ ก่อนจะขยุ้มเศษผ้าแล้วโยนใส่หน้าเซียวซู่

“นี่คุณจงใจใช่ไหมคะ”

เขาจะต้องจงใจฉีกชุดของเธอแน่นอนเลย เพื่อที่เธอจะได้ไม่ใส่ชุดนี้อีก

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset