บทที่ 895 เธอสามารถสู้ตายแทนเขาได้
“ซีจิ่ว ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก! เธอไม่มีตรงไหนที่ผิดต่อฉันเลย” หลงซือเย่เอ่ยขัดเธอทันที “ฉันรู้ว่าเธอยังเด็ก ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ฉันแค่อยากเป็นแค่เพื่อนที่ดีของเธอ หรือแม้แต่เพื่อนเธอก็ไม่อยากให้ฉันเป็นแล้ว?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
วาจานี้ของหลงซือเย่สกัดกั้นเธอจนหมดคำพูด
เธอสูดลมหายใจเข้านิดๆ “ครูฝึกหลง ขอแค่คุณเห็นค่าซีจิ่ว ฉันยินดีจะยกให้คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดไปชั่วชีวิต! เป็นเพื่อนที่สละชีวิตให้ได้ แต่ความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ…และไม่ใช่เหตุผลเล็กๆ ด้วย คุณก็รู้ ฉันเป็นเด็กแค่ร่างกายเท่านั้น แต่จิตวิญญาณของฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันรู้ว่าฉันผิดต่อคุณ ให้ความหวังคุณแล้วทำให้คุณผิดหวัง ฉันเคยลองดูแล้วแต่ว่าทำไม่ได้จริงๆ…”
หลงซือเย่หน้าซีดเผือด ดวงตาคู่นั้นจดจ้องเธอ “เป็นเพราะตี้ฝูอีเหรอ?”
กู้ซีจิ่วหลับตาลงนิดๆ “ไม่ใช่เพราะเขา…เป็นตัวฉันในอดีตเข้าใจความรู้สึกผิดไป…” ต่อให้เมื่อคืนเธอไม่ได้คืนดีกับตี้ฝูอี แม้ว่าเธอจะตัดขาดกับตี้ฝูอีไป ระหว่างเธอกับหลงซือเย่ก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
เธอรู้ว่าตัวเองผิดต่อหลงซือเย่ แต่ความรักไม่ใช่ความรู้สึกผิด เธอสามารถสู้ตายแทนเขาได้ แต่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้…
เรื่องของความรู้สึกถ้าไม่ตัดในเวลาที่ควรตัดจะเกิดความวุ่นวายขึ้นภายหลัง กู้ซีจิ่วเข้าใจเหตุผลข้อนี้อย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นต่อให้ในใจเธอรู้สึกผิดต่อหลงซืออย่างท่วมท้น ทว่าสิ่งที่ควรพูดเธอก็ยังต้องพูด “ครูฝึกหลง ฉันให้คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดได้ สู้ตายถวายชีวิตนี้ให้คุณได้ แต่ฉันรับรักคุณไม่ได้จริงๆ…ขอโทษนะ คุณจะด่าฉันสักยกก็ได้”
หลงซือเย่เซถอยหลังไป
กู้ซีจิ่วล้วงหยกประดับรูปใบเฟิงชิ้นนั้นออกมาร่างแล้วยื่นให้ “อันนี้คืนให้คุณ…”
ริมฝีปากบางของหลงซือเย่เม้มเน้น “ต่อให้เธอตอบรับความรู้สึกของฉันไม่ได้ แต่ยังไงซะหยกประดับชิ้นนี้ก็เป็นของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องคืนให้ฉัน ความจริงเป็นฉันที่ต้องคืนให้เธอ…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ หยกประดับชิ้นนี้ไม่ใช่ของฉัน มันเป็นของเย่หงเฟิง”
หลงซอเย่เงียบไปครู่หนึ่ง เขามองดูเธอ “ซีจิ่ว เธอยังไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นที่ฉันพูดใช่ไหม? เธอสิถึงจะเป็นเย่หงเฟิงตัวจริง ปีนั้นเป็นฉันที่เลอะเลือนไปชั่วขณะสลับตัวพวกเธอ…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ใช่ ฉันก็คือร่างโคลนนิ่งคนนั้น ฉันไม่ใช่เย่หงเฟิง…”
หลงซือเย่เบิกตากว้าง กู้ซีจิ่วจึงเล่าความฝันนั้นของตนออกมารอบหนึ่ง ไม่เท่านั้น ยังกล่าวอีกว่า “ฉันรู้ว่าเรื่องที่คุณพูดเป็นความจริง ฉันก็เชื่อคำพูดคุณ แต่คุณไม่รู้ว่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นเดาเจตนาของคุณออก เลยสลับตัวพวกเราคืน…คุณไม่ผิดเลย และไม่ได้ผิดต่อฉัน…”
หลงซือเย่ไม่เชื่อ “นี่เป็นแค่ความฝันของเธอ บางทีเธออาจคิดมากเกินไป ดังนั้นถึงได้กลางวันคิดคำนึง กลางคืนใฝ่ฝันหา ความจริงแล้วเหตุการณ์ที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้ เหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นแบบที่ฉันเล่าให้เธอฟัง เธอดูสิ ฉันเอาหยกประดับชิ้นนี้ติดตัวมาได้ แถมยังได้เจอเธออีกครั้ง…ถ้าหากเธอไม่ใช่เย่หงเฟิงตัวจริง แล้วจะเกิดเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้างั้นคุณคงมีภาพจำเหตุการณ์ตอนที่เพิ่งเจอฉันในบ่อเพาะลี้ยงอยู่ใช่ไหม? คุณยังจำได้หรือเปล่าว่าตัวฉันที่ถูกเลี้ยงไว้ในบ่อเพาะเลี้ยงเป็นยังไง? จำคำพูดที่คุณพูดกับฉันบ่อยๆ พวกนั้นได้หรือเปล่า?”
หลงซือเย่จ้องมองเธอด้วยใบหน้าซีดขาว กู้ซีจิ่วหยิบภาพวาดแผ่นหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ บนภาพคือ ‘โลงแก้วผลึก’ ใบนั้นที่เธอวาดออกมา เธอยื่นให้หลงซือเย่ “คุณดูสิ ใช่อันนี้หรือเปล่า?”
————————————————————————————-
บทที่ 896 เป็นซีจิ่วที่ติดค้างคุณ…
หลงซือเย่หน้าซีดกว่าเดิมแล้ว! เขาหมดทางปฏิเสธแล้ว! โลงที่กู้ซีจิ่ววาดออกมาเป็นบ่อเพาะเลี้ยงพิเศษเมื่อตอนนั้นจริงๆ เขานอนคว่ำลงบนนั้นมองดุเธอไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
กู้ซีจิ่วเอ่ยอีกว่า “สิ่งที่คุณพูดกับฉันบ่อยๆ ตอนนอนคว่ำอยู่บนบ่อเพาะเลี้ยงก็คือ ฉันเกลียดสามีภรรยาตระกูเย่! พวกเขาเห็นแก่ตัวเกินไป! เธอกับฉันเป็นมนุษย์โคลนนิ่งเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นพวกเราเป็นมนุษย์เลย เธอน่าสงสารกว่าฉัน พวกเขาแค่อยากใช้เธอต่างแหล่งอวัยวะสำรอง เป็นแหล่งอวัยวะที่มีชีวิตให้ลูกสาวของพวกเขาได้ตลอดเวลา เธอน่าสงสารกว่าฉัน…”
หลงซือเย่จากไปอย่างไร้จิตวิญญาณ ฝีเท้าค่อนข้างซวนเซ
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ เธอรู้ว่าความจริงนี้ส่งผลกระทบต่อหลงซือเย่มากมายนัก แต่ถ้าเธอไม่พูดออกมา จิตใจที่รู้ดีรู้ชั่วก็จะไม่สงบ…
ครูฝึกหลง ขอโทษด้วย!
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เป็นซีจิ่วที่ติดค้างคุณ…
เธอเดินไปโรงอาหารช้าๆ จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งวางลงมาบนไหล่! “เจ้าทำถูกแล้ว!”
เธอสะดุ้งโหยง หันหน้าไป มองเห็นดวงตาที่ไหวระริกดั่งกระแสน้ำคู่นั้นของตี้ฝูอี
เห็นได้ชัดเจนเลยว่า เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับหลงซือเย่
ริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอเม้มนิดๆ “ท่านแอบสะกดรอยตามข้าหรือ?”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วขึ้น “ข้าตามมาอย่างเปิดเผยชัดๆ ถ้าแอบสะกดรอยตามข้าจะปรากฏตัวทำไม?”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ดึงมือเธอออกเดิน “ไปเถอะ ไปกินข้าวกับข้า”
กู้ซีจิ่วไม่อยากลากๆ จูงๆ กับเขาต่อหน้าสาธารณชน รีบชักมือตัวเองกลับมา “ท่านก็จะไปกินที่โรงอาหารหรือ?”
ตี้ฝูอีเอ่ยว่า “แปลกตรงไหนล่ะ? ไปกันเถอะ!”
….
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า ในสายตาเหล่าศิษย์ร่วมสำนักตนต้องกลายเป็นคนต่ำช้าโลเลหลายใจไปแล้วแน่ๆ หลายวันก่อนเป็นคู่ชูชื่นอยู่กับทูตสรรค์ฝ่ายซ้าย ภายหลังเปิดเผยว่าเป็นการเล่นละคร อีกทั้งมีสถานะคลุมเครืออยู่กับหลงซือเย่ เที่ยวเล่นกินข้าวด้วยกัน ยามนี้เดินเคียงไหล่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมากินข้าวที่ดรงอาหารอีกแล้ว…
ในโรงอาหารมีคนมากมาย คนที่มองมาทางพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย ดวงตาทุกคู่ล้วนทอแววลุ่มลึกยิ่งนัก
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่แยแสสายตาคนอื่นเสมอมา แต่พอตกอยู่ภายตาสายตามีเลสนัยของฝูงชนมากมาย ใบหน้าเธอก็รู้สึกร้อนผ่าวอยู่บ้าง แทบจะจินตนาการถึงวาจาจิกกัดในใจของฝูงชนออก
ตี้ฝูอีกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ จูงเธอไปนั่งหน้าโต๊ะตัวหนึ่ง “นั่งอยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปสั่งอาหารให้เจ้า”
กู้ซีจิ่วไหนเลยจะกล้าให้เขาไปสั่งอาหาร รีบลุกขึ้นมาเอ่ยว่า “ท่านนั่งเถอะ ข้าจะไปสั่งเอง”
ตี้ฝูอีวางมอข้างหนึ่งลนบนไหล่เธอ “เป็นเด็กดีนั่งรอตรงนี้เถอะ” พลางหันหลังก้าวไปสั่งอาหารที่ช่องหน้าต่าง
ฝูงชนตกตะลึง
ในสมองของทุกคนมีความคิดหนึ่งเช่นเดียวกันแล่นผ่าน ‘พ่อแม่พี่น้องรีบมาดูเรื่องบันเทิงเร็ว! ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไปสั่งอาหารให้เด็กสาวนางหนึ่งด้วยตัวเองแล้ว!’
สมองของคนที่ค่อนข้างคิดมากยังมีความคิดอีกอย่างผุดขึ้นมา ‘ครั้งนี้จะทำอะไรกันอีก? เล่นละครอีกแล้วหรือ?’
ผ่านไปครู่หนึ่งหลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่ก็เข้ามา สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือกู้ซีจิ่วที่นั่งอยุ่หน้าโต๊ะ จึงรีบวิ่งมาหา
“ซีจิ่ว!”
“ซีจิ่ว…”
เชียนหลิงอวี่วางก้นนั่งลงข้างกายกู้ซีจิ่วทันที ฝ่ามือตบไหล่เธอเบาๆ “ซีจิ่ว เจ้าอยากกินอะไร? ข้าจะเลี้ยง!”
พ้นวันนี้ไปซีจิ่วก็ต้องย้ายไปอยู่ห้องอื่นแล้ว ในใจเขาเต็มไปด้วยความระทมทุกข์ทีต้องพรากจากและหักใจไม่ลง จึงใจกว้างเป้นพิเศษ “เจ้าสั่งได้ตามสบายเลย!”
เพิ่งจะพูดจาวางโตจบ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ารอบข้างเงียบสงัดลง จิ้งจอกน้อยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกระเด้งตัวขึ้นมา เบิกตามมองด้านหลังเขา สายตาของฝูงชนที่อยู่รอบข้างก็มองไปทางด้านหลังเขา…
เส้นขนบนร่างเชียนหลิงอวี่ลุกชันทันที หันหลังไปตามสัญชาตญาณ มองเห็นจานขบวนหนึ่งลอยเข้ามา…
เฮือก! เขารีบร้อนหลบอย่างหวาดหวั่นกังวล
————————————————————————————-