ตอนที่ 283 เรียนแกะสลัก
เถ้าแก่หัวเราะขึ้นมา ” แน่นอนว่าไม่ถึงห้าล้านหยวน ถ้าหากฉันไม่บอกว่าห้าล้านหยวนเธอจะรั้งอยู่ไหมล่ะ ? “
หยางโปหัวเราะ ” นั่นก็ไม่แน่นะ “
” ถ้าหากฉันบอกว่าสามแสนหยวน เธอยังจะซื้อไหม ? ” เถ้าแก่เอ่ยถาม
” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะยอมจ่ายเงินนะ ” หยางโปตอบ ถ้าหากวัตถุดิบก้อนนี้เป็นหินเลือดห้าสิบส่วนจริงๆ มูลค่าก็เกือบสามแสนหยวน แต่หยางโปมองออกอย่างชัดเจนว่าวัตถุดิบก้อนนี้อย่างน้อยก็เป็นหินเลือดเจ็ดสิบส่วน !
เถ้าแก่มองหยางโปอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เขาหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า ” ตอนนี้เธอกล้าซื้อไหม ? “
หยางโปพยักหน้า ” กล้า “
มองเห็นหยางโปไม่เหมือนล้อเล่น เถ้าแก่ก็นั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อยแล้วหัวเราะ ” เดิมทีฉันแค่รู้สึกว่าแกะสลักนานเหนื่อยแล้ว อยากจะหาคนคุยสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับคนหนุ่มที่เชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้
ฉันล่ะประหลาดใจมากจริงๆ นะ ! “
หยางโปส่ายหน้า ” จะพนันกันดูไหมครับ ? “
” พ่อหนุ่มจะพนันทั้งวันไม่ได้นะ ” เถ้าแก่เอ่ยเตือนแล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องพูด
” ถ้างั้นพวกเรามาลองกันดูไหมล่ะ ? “
หยางโปหัวเราะ ” ได้ ! เถ้าแก่อย่างคุณนี่น่าสนใจนะ ! “
” ฉันแซ่หลิ่ว คนอื่นเรียกฉันว่าหลิ่วมีดเดียว ! ” เถ้าแก่หลิ่วกล่าว
” หลิ่วมีดเดียว ? ฟังดูแล้วเหมือนศัลยแพทย์ชื่อดังเลยนะครับ ” หยางโปอดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
” ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นศัลยแพทย์ ต่อมาเกิดเรื่องนิดหน่อยแล้วเปลี่ยนอาชีพ คิดไม่ถึงว่าทักษะแกะสลักก็ไม่เลว ยังคลุกคลีทำงานต่อไปได้ ” หลิ่วมีดเดียวตอบ
หยางโปหัวเราะขึ้นมา เขาหยิบเช็คขึ้นมาจากในกระเป๋าแล้วก็เซ็นเช็คสามแสนหยวนใบหนึ่งส่งไปให้
หลิ่วมีดเดียวเหลือบมองหยางโป ” ฉันดูเธอผิดไปจริงๆ สินะ ที่แท้เธอก็รวยขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อนฉันก็จะบอกราคาสูงกว่านี้อีกสักหน่อย “
หยิบหินเลือดดิบก้อนเล็กขึ้นมาแล้วก็มองไปที่มีดแกะสลักของหลิ่วมีดเดียว ” ถ้างั้นคุณก็มาสอนผมแกะสลักเถอะ ! “
” สอนเธอแกะสลัก ? ” หลิ่วมีดเดียวมองอย่างประหลาดใจ ” แกะสลักไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ถ้าเธออยากจะเรียน เกรงว่าจะใช้เวลาไม่น้อยเลยนะ “
” ไม่เป็นไรครับ เวลาปกติผมไม่มีอะไรทำก็จะได้ฝึกฝีมือ ” หยางโปเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
หลิ่วมีดเดียวลังเลเล็กน้อยแล้วก็มองหยางโปแวบหนึ่ง ” ก็ได้ ถ้างั้นเธอว่างก็มาเรียนได้ ! “
หยางโปตื่นเต้นเล็กน้อย ” ดีครับ ต่อไปผมก็จะมาเรียนแกะสลักกับคุณ
มีอะไรอยากจะชี้แนะผมไหมครับ ? “
” ก่อนหน้านี้เธอเคยเรียนแกะสลักมาไหม ? ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยถาม
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เคยเรียนมาก่อนเลยครับ “
” อื้ม ถ้างั้นกลับไปเธอไปซื้อหัวไชเท้าที่ตลาดมาฝึกก่อนนะ จากนั้นฉันค่อยสอนเธอ ” หลิ่วมีดเดียวกล่าวจบแล้วก็เปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านข้างแล้วก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งโยนให้หยางโป
หยางโปรับไปแล้วก็เห็นชื่อหนังสือ ” การแกะสลักขั้นพื้นฐาน ” เขาอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ ” มีหนังสือเคล็ดลับไหมครับ ? “
หลิ่วมีดเดียวจ้องหยางโปอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า ” การแกะสลักเป็นวิชาอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนยาวนาน ถ้าหากเธอรีบร้อนจะสำเร็จโดยเร็วล่ะก็ฉันแนะนำว่าเธออย่าเรียนเลย “
” อย่า อย่าเลยครับ ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ” หยางโปหัวเราะ
เขากล่าวจบแล้วก็นั่งอยู่ด้านหนึ่ง หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างประหลาดใจ หลิ่วมีดเดียวก็ไม่ได้ว่าง เขาก็เริ่มต้นแกะสลักต่อไป
ฝีมือของหลิ่วมีดเดียวเชี่ยวชาญมาก การเคลื่อนไหวของมีดทั้งแม่นยำและหนักหน่วง แต่ละมีดสอดประสาน ทุกมีดที่ลงไปต่างก็นำเศษไม้ไหลเป็นสาย หยางโปถึงค่อยสังเกตเห็นว่าในมือของเขาถึงกับเป็นไม้เฉิงเซียงชิ้นหนึ่ง เขากำลังแกะสลักไม้เฉินเซียงชิ้นนี้เป็นพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์
ไม่นานไม้เฉินเซียงก็แกะสลักเสร็จสิ้น ใบหน้าของพระพุทธรูปพระสังกัจจายน์อิ่มเต็ม หน้าท้องโย้ใหญ่ หัวเราะเบิกบานราวกับมีชีวิต
หยางโปมองอย่างตะลึงงัน
จากนั้นก็มองเห็นหลิ่วมีดเดียวหยิบกระดาษทรายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ขัดเงาไปในทิศทางเดียวกัน ขัดเอาเศษไม้ออกไป ทำให้ภายนอกของรูปสลักไม้ยิ่งเงาวาวเรียบลื่น
สักพักหนึ่งหยางโปถึงค่อยสังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาภายในร้าน เขาหันหน้าไปมองก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง หญิงสาวสวมชุดกันลมสีดำ ด้านหลังลากกระเป๋าสีดำมาใบหนึ่ง เส้นผมรวบไว้ด้านหลัง ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นแอร์โฮสเตสคนหนึ่ง
หยางโปไม่ได้สนใจ ทางหลิ่วมีดเดียวนั้นกลับทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาหยิบผ้าขาวผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดหนึ่งรอบแล้วก็หันหน้ามามอง พอมองเห็นแอร์โฮสเตสสาวแล้วก็หัวเราะ ” ชิงชิงมาแล้ว พระพุทธรูปนี้เสร็จพอดีเลย โชคดีจริงๆ “
ชิงชิงแย้มยิ้ม ” คุณอาหลิ่ว ไม่ต้องรีบขนาดนี้หรอกค่ะ หนูแค่อยากมาดูสักหน่อย “
หลิ่วมีดเดียวหัวเราะ ” ดีเลย ถ้างั้นเธอก็มาดูสิ ! “
หยางโปมองหลิ่วมีดเดียว แล้วเอ่ยถามเรื่องการแกะสลักขึ้นมา
ถามไปสองคำถามหยางโปไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาไม่เคยแกะสลักมาก่อน ไม่เคยฝึกฝน ดูแล้วไม่เข้าใจมากนักทั้งยังไม่รู้เรื่อง
ชิงชิงยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองหยางโปอย่างดูถูกแวบหนึ่ง และหันไปมองหลิ่วมีดเดียวแล้วก็เอ่ยถามว่า
” คุณอาหลิ่ว คุณอาบอกว่าไม่รับศิษย์ไม่ใช่เหรอคะ ? แล้วเขาเป็นได้ยังไงกันคะ ? “
หลิ่วมีดเดียวมองหยางโป ” เขาไม่ใช่ลูกศิษย์ของฉัน พวกเราเป็นแค่สหายปรึกษาปัญหากัน “
” เขาเป็นคนใหม่ไม่เข้าใจอะไรเลยแท้ๆ คุณอาหลิ่วคะ หนูมาหลายครั้งแล้ว ขอร้องคุณอาก็ตั้งหลายครั้งขนาดนี้แล้ว คุณอาก็แค่รับหนูเป็นศิษย์ ให้หนูเรียนการแกะสลักเถอะนะคะ ! ” ชิงชิงกล่าว
หยางโปหันหลังไปมอง เห็นใบหน้าของเธอหมดจดงดงามเปล่งประกาย ยากมากที่จะมีคนสวยแบบเธอ
ที่จะมามีท่าทางเปื้อนฝุ่นทั้งตัวเวลาแกะสลัก
หลิ่วมีดเดียวพยายามโน้มน้าว ” ชิงชิง เธอไม่เหมาะนะ ตอนนี้เธอก็มีงานประจำเป็นของตัวเองแล้ว
แล้วตอนที่อายุยังหน่อยหน้าตายังสวย มีเวลาก็ไปเดท ดูแลครอบครัว ดีกว่ามานั่งแกะสลักเหงาๆ คนเดียวตั้งเยอะเลยนะ ? “
ชิงชิงส่ายหน้า ” ก็หนูอยากเรียนแกะสลัก หนูมีพื้นฐานศิลปะ แล้วก็หลังเลิกงานค่อยหาเวลามาก็ได้ ต่อไปจะต้องกลายเป็นช่างแกะสลักที่มีชื่อเสียงได้แน่ ! “
หลิ่วมีดเดียวยังคงโน้มน้าว ” ชิงชิง นี่ไม่เหมาะสม เด็กผู้หญิงไม่เหมาะกับอาชีพนี้จริงๆ “
” คุณอาหลิ่ว คุณอาเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงเหรอ ! ” ชิงชิงเอ่ยแล้วก็หันหลังหยิบพระพุทธรูปไม้เฉินเซียงบนโต๊ะ ควักซองจดหมายออกมาวางเอาไว้หน้าหลิ่วมีดเดียว จากนั้นก็หันหลังลากกระเป๋าเดินออกไป ตอนที่เดินมาถึงด้านหน้าของหยางโปก็อดแค่นเสียงหึออกมาไม่ได้
หยางโปมองไปอย่างจับต้นชนปลายไม่ได้ รอจนเธอเดินออกไปแล้วถึงค่อยเอ่ยปากสอบถาม ” หญิงสาวคนหนึ่งจะเรียนแกะสลักได้ยังไง ? บ้านเธอจะยินยอมเหรอ ? “
” พ่อของเธอทำธุรกิจค้าไม้ เด็กกว่าฉันไม่น้อย พวกเราคบค้ากันมานานหลายปี ” หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้ายิ้มขมขื่น
” ธุรกิจค้าไม้ ? ” หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย ” ไม้มีค่าใช่ไหมครับ ? “
” อื้ม ไม้มีค่าได้กำไรมากสักหน่อย ตอนปี 90 พ่อของเธอตาแหลมมาก กักตุนไม้หวงฮวาหลีเอาไว้ล็อตหนึ่ง จนถึงตอนนี้ยังมีอยู่อีกมาก นับว่าร่ำรวยแล้ว ” หลิ่วมีดเดียวเอ่ยอธิบาย
หยางโปประหลาดใจมาก ราคาของไม้หวงฮวาหลีเมื่อปี 90 ก็แพงขึ้นแล้ว แต่เมื่อเทียบกับราคาตอนนี้ก็ถูกจนน่าใจหาย กักตุนไม้เอาไว้ล็อตหนึ่งจนถึงตอนนี้ได้ ก็ได้กำไรก้อนใหญ่จริงๆ
” ถ้างั้นเขายังมีไม้ดีๆ อะไรอยู่ไหมครับ ? ” หยางโปเอ่ยถาม
หลิ่วมีดเดียวส่ายหน้า ” ฉันไปโกดังของบ้านเขาเมื่อครึ่งปีก่อน ไม่ได้ไปนานแล้ว ว่างๆ เธอก็ไปดูด้วยตัวเองก็ได้นะ “