การที่ได้เห็นคนที่บินอยู่บนท้องฟ้าทำให้นินจาทั้งค่ายรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขาค่อย ๆ ลดระดับต่ำลงและเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ก็ทำให้ความสยองขวัญของพวกเขาปรากฏออกมามากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อร่างของ ไนโตะ ลดระดับลงมาได้ถึงระดับหนึ่ง หนึ่งในกลุ่ม นินจาโคโนฮะ ก็เริ่มมองเห็นใบหน้าของ ไนโตะ ได้ และจากนั้นเขาก็จำตัวตนของ ไนโตะ ได้ทันที
บรรยากาศที่น่าตรึงเครียดหายไปทันที
ในขณะนั้น นินจาที่เตรียมจะใช้คาถานินจาออกมาก็ได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่กับที่แล้วมองไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางสับสน
“เขา…เขาไม่ใช่ ซึจิคาเงะ! เขาคือ ไนโตะ!”
“ท่านไนโตะ จะกลับลงสู่สนามรบอีกครั้งเหรอ?”
เมื่อพวกเขารู้ว่าเขาคือ ไนโตะ สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพและดีใจ
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไนโตะ ค่อย ๆ ลอยลงบนพื้นใน ค่ายโคโนฮะ เขาไม่สนใจนินจาที่กำลังจ้องมองไปที่เขาอยู่เลย เขาใช้ สัมผัสพิเศษ และระบุตำแหน่งของ โอโรจิมารุ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปหา โอโรจิมารุ ทันที
ตลอดระยะทางที่ ไนโตะ เดินไปหา โอโรจิมารุ ที่อยู่ในค่าย นินจาโคโนฮะ ไม่ได้พยายามขัดขวาง ไนโตะ เลย พวกเขาแค่เฝ้ามองเขาด้วยความเคารพเท่านั้น
“ไนโตะ…บินได้เหรอ?!”
“ใช่แล้ว…นี้เราไม่ได้ตาฝาดไป เราเห็นด้วยตาตัวเอง! จะว่าไปตอนนั้น…ที่เราเห็นรอยเท้าแปล ๆ บนก้อนเมฆ หรือว่า…”
ทันใดนั้นนินจาที่กำลังพูดอยู่ก็ตะลึงและหยุดพูดทันที
นินจาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็เบิกตากว้างและมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ
กลายเป็นว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นและเรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์นั้น มันก็เป็นเพียงแต่ ไนโตะ ที่กำลังเดินอยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น!
…..
ไนโตะ เดินตรงไปยังด้านหลังของค่าย ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาเก็บนักโทษไว้เพื่อทรมานและล้วงความลับ
เป็นการยากที่จะบังคับให้นินจาบอกความลับของหมู่บ้านตนเอง ดังนั้นก่อนอื่นคุณต้องทำลายความตั้งใจของเขาเสียก่อน จากนั้นก็ใช้คาถาลับเพื่อบุกเข้าไปในจิตใจของเขาและเอาข้อมูลออกมา
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้พวกเขาพูดออกมาโดยที่ยังมีสติอยู่
โดยปกติแล้วค่ายที่แนวหน้าจะมีส่วนที่เป็นคุกและพื้นที่สำหรับการทรมาน แต่ค่ายนี้ต่างออกไปนิดหน่อย ดูเหมือนว่าส่วนเหล่านั้นจะกลายเป็นห้องทดลองของ โอโรจิมารุ และมันก็ดูคล้ายกับห้องทดลองของเขาใน โคโนฮะ มาก
สำหรับ โอโรจิมารุ แม้ว่าจะเป็นสงครามโลก มันก็ไม่สำคัญพอที่จะหยุดเขาจากการวิจัยเกี่ยวกับวิชาสุดยอดที่จะทำให้เขาเป็นอมตะได้
การมาถึงของ ไนโตะ ไม่ได้ทำให้ โอโรจิมารุ แปลกใจแต่อย่างใด เพราะทันทีที่ ไนโตะ ก้าวเท้าเข้ามาในค่าย โอโรจิมารุ ก็ได้รับรายงานการมาถึงของเขาในทันที
เมื่อ ไนโตะ เดินเข้ามาในห้องทดลอง โอโรจิมารุ ก็เดินออกมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วพูดว่า “สุดท้ายแล้วการตัดสินใจของพวกเขาก็จบลงด้วยการขอความช่วยเหลือจากเธอสินะ หืม?”
โอโรจิมารุ ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับท่าทางที่เยาะเย้ยของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าการที่เหล่าผู้อาวุโสเลือกขอความช่วยเหลือของ ไนโตะ เป็นเรื่องหน้าอับอาย หลังจากทั้งหมด พวกเขาก็เป็นคนที่ทำให้ ไนโตะ เลือกออกไปจากหมู่บ้าน แต่เมื่อพวกเขามีปัญหา พวกเขากลับไปของความช่วยเหลือจาก ไนโตะ
ไนโตะ ไม่ได้ตอบอะไร โอโรจิมารุ กลับไป เขาจ้องไปที่ โอโรจิมารุ จากนั้นก็เดินเข้าไปหา
ความเงียบ
ไนโตะ เดินตรงผ่าน โอโรจิมาระ ไป ราวกับว่าเขาเป็นผี!!
“ดูเหมือนว่าคุณจะใช้ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ได้แล้วนิ เพราะเซลล์ของ ฮาชิรามะ เหรอ?”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องด้านใน ไนโตะ ก็มองไปที่ด้านหน้าของเขาอย่างสงบ ซึ่ง โอโรจิมารุ กำลังทำการทดลองอยู่
โอโรจิมารุ หันกลับมาและมอง ไนโตะ ด้วย เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ของเขา อย่างไรก็ตามทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กลับสู่สภาวะปกติ จากนั้นเขาก็ยิ้มให้ ไนโตะ
ไนโตะ รู้สึกสับสน เขาไม่รู้จริง ๆ ว่า โอโรจิมารุ ทำแบบนั้นได้อย่างไร ดูเหมือนว่า โอโรจิมารุ จะสามารถเปิดการใช้งานของ เนตรวงแหวน ได้ตามต้องการ
คำตอบก็คงจะเป็นเพราะเซลล์ของ ฮาชิรามะ
“ฉันได้ทำการทดลองที่ซับซ้อนอยู่หลายครั้งเพื่อให้ฉันใช้มันได้ แต่ถ้าจะอธิบายคงจะเสียเวลาเธอเปล่า ๆ พลังนี้มันไม่มีอะไรเทียบกับของเธอได้อยู่แล้ว”
โอโรจิมารุ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แต่เขาก็กำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างอยู่ ดูเหมือนว่าแม้ตอนนี้ เขาก็ยังกลัว ไนโตะ อยู่
ไนโตะ ไม่สนใจว่า โอโรจิมารุ จะสามารถใช้ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ได้หรือไม่ แต่ถ้า โอโรจิมารุ สามารถปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ ขึ้นมาได้ บางที ไนโตะ อาจะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาบ้างก็ได้
“การศึกษาเรื่องพลังวิญญาณของคุณไปถึงไหนแล้ว?” ไนโตะ พูดอย่างใจเย็น
โอโรจิมารุ ไม่แปลกใจที่ ไนโตะ ถามคำถามนี้ เพราะถ้า ไนโตะ มาหาเขาเป็นการส่วนตัวแบบนี้ มันจะมีเรื่องอะไรได้นอกจากการวิจัยเรื่องพลังวิญญาณของเขา
แม้ว่า โอโรจิมารุ ไม่ต้องการแบ่งปันความลับสู่ความเป็นอมตะให้กับคนอื่น แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธ ไนโตะ ได้
ยิ่งไปกว่านั้น โอโรจิมารุ รู้ว่า ไนโตะ ไม่สนใจเรื่องความเป็นอมตะแต่อย่างใด เขาสนใจเฉพาะการวิจัยเกี่ยวกับวิญญาณเท่านั้น
โอโรจิมารุ หันหลังไปหา ไนโตะ และส่งม้วนกระดาษให้เขาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะพูดกับเขาว่า “ฉันเกือบจะเจอกับทางตันในงานวิจัยนี้ แต่ม้วนกระดาษนี้จะมีประโยชน์กับเธอมากกว่าครั้งก่อน ๆ แน่นอน”
“นอกจากนี้แล้ว ฉันยังได้ข้อสรุปว่า…ร่างกาย ของมนุษย์แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่เป็นนิรันดร์ แต่จักระและวิญญาณสามารถอยู่เป็นนิรันดร์ แน่นอนว่าวิญญาณที่อ่อนแอจะถูกส่งไปยังโลกหลังความตาย เฉพาะวิญญาณที่มีจักระที่แข็งแกร่งและมีคาถานินจาที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ และคำตอบก็คือ…คาถาแปลงวิญญาณ”
ขณะพูด โอโรจิมารุ ดูจริงจังมาก เขาไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยนัก ยกเว้นแต่ว่าเขากำลังพูดถึงการทดลองของเขาอยู่!
ไนโตะ หยิบม้วนงานวิจัยที่ โอโรจิมารุ ยื่นให้เขา แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ โอโรจิมารุ พูด ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
คาถาแปลงวิญญาณ จะทำให้ผู้ใช้วิชาสามารถควบคุมวิญญาณได้อย่าแท้จริง และถ้าหากผู้ใช้วิชามีจำนวนจักระมากจนไม่มีที่สิ้นสุด วิญญาณของเขาก็จะไม่มีวันดับสูญเช่นกัน
ไนโตะ อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ฮาโกโรโมะ ที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกมืดมาหลายศตวรรษ แม้ว่าร่างกายของเขาจะสูญสลายไป แต่เขาก็ยังคงอยู่ในรูปของจักระและวิญญาณ
จักระของ เซียน 6 วิถี นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและแข็งแกร่งกว่า สัตว์หาง ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถคงสภาพอยู่ในรูปของจักระและวิญญาณได้ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของ สัตว์หาง นั้นก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน สัตว์หาง ไม่ได้มีร่างกายที่แท้จริง ร่างของพวกเขาประกอบขึ้นมาด้วยจักระทั้งหมด และ สัตว์หาง ก็สามารถเกิดใหม่ได้หลายรอบ ไม่มีใครสามารถฆ่า สัตว์หาง ได้อย่างแท้จริง นี่คือเหตุผลที่นินจาทำได้เพียงแต่ปิดผนึกพวกเขาเท่านั้น