บทที่ 843 การตอบสนองเหมือนจะช้าลงครึ่งจังหวะ
ยามที่เดินจากมากว่าหนึ่งลี้ในที่สุดหลานไว่หูก็อดไม่อยู่ “ซีจิ่ว เจ้าว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายชอบเล่อจื่อซิ่งจริงหรือเปล่า? ดูสิพวกเขาเข้ากันได้ดีมากเลย”
กู้ซีจิ่วคล้ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้ตอบหลานไว่หู
กู้ซีจิ่วบำรุงรักษามาหนึ่งเดือน ในที่สุดอาการบาดเจ็บบนร่างก็หายดีแล้ว ร่างกายอันยอดเยี่ยมของเธอไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่แล้ว บาดแผลแทงทะลุที่ใหญ่ถึงเพียงนั้นก็ไม่มีแผลเป็นหลงเหลืออยู่เช่นกัน ผิวพรรณใสกระจ่างดังเดิม ทำให้จิ้งจอกน้อยอิจฉายิ่งนัก
อาการบาดเจ็บของกู้ซีจิ่วหายดีแล้ว ย่อมถึงเวลาที่ต้องฝึกฝนการจับกลุ่มสู้แล้ว เธอยังคงจับกลุ่มกับจิ้งจอกน้อยและเชียนหลิงอวี่เหมือนเดิม วันนี้คือการซ้อมครั้งแรกของกลุ่ม
บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้จับกลุ่มซ้อมมานานมาแล้ว กู้ซีจิ่วจึงจับจังหวะไม่ทันอยู่บ้าง ระหว่างต่อสู้มักจะลืมสั่งการจิ้งจอกน้อยอยู่บ่อยๆ บางทีก็ร้องบอกลำดับท่าผิด ทำให้จิ้งจอกน้อยชนเชียนหลิงอวี่อยู่หลายหน ถูกทุบจนหน้ามอมไปหมด
เชียนหลิงอวี่มองกู้ซีจิ่วด้วยสีหน้าแปลกใจ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเธอ “ซีจิ่ว ช่วงที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้ฝึกซ้อมจนมือตกไปหรือเปล่า? การตอบสนองของเจ้าเหมือนจะช้าลงครึ่งจังหวะ…”
หลานไว่หูขึงตามองเชียนหลิงอวี่แวบหนึ่ง “ย่อมต้องมือตกอยู่แล้ว ซีจิ่วไม่ได้ประสานกับพวกเรามาหนึ่งเดือนแล้วนะ ย่อมต้องมีช่วงปรับตัวกันบ้าง”
เชียนหลิงอวี่นิ่งงัน อันที่จริงเขาอยากเถียงกลับยิ่งนัก ต่อให้เป็นที่ซีจิ่วประสานกับพวกเขาเป็นครั้งแรกการตอบสนองก็ยังไม่เชื่องช้าเท่านี้เลย!
ไม่ได้ฝึกแค่เดือนเดียว ฝีมือจะตกไปสักแค่ไหนกันเชียว?
หรือจะเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บบนร่าง?
เขากำลังจะถามเกี่ยวกับบาดแผลของนางสักสองสามประโยคแสดงความเป็นห่วงเป็นใยของตน หลงซือเย่ก็มาหาแล้ว “ซีจิ่ว…” เขามาชวนกู้ซีจิ่วออกไปกินข้าวด้วยกัน เนื่องจากอีกแปดวันก็จะเป็นวันที่สิบเดือนแปดเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เขาอยากหารือกับเธอว่าวันที่สิบห้านี้จะทำอะไรดี
เชียนหลิงอวี่เห็นเจ้าสำนักหลงผู้นี้ขวางหูขวางตาอยู่บ้าง อันที่จริงเขาเห็นบุรุษทุกคนที่ตามเกี้ยวพากู้ซีจิ่วขวางหูขวางตาทั้งสิ้น
ดังนั้นพอเห็นหลงซือเย่มาเขาก็ค่อนข้างไม่สบอารมณ์แล้ว หลานไว่หูกลับเป็นคนรู้ความ เมื่อเห็นหลงซือเย่มา นางก็คิดจะลากเชียนหลิงอวี่ออกไปทันที
คาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านหลังจะกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “เจ้าสำนักหลงต้องการเชิญไปเป็นแขก พวกเจ้าจะไปไหม?”
ขณะที่หลานไว่หูคิดจะตอบว่าไม่ไป เชียนหลิงอวี่ก็ตอบอย่างว่องไวนักแล้ว “ดีเลยๆ! คุณชายเช่นข้ากำลังหิวอยู่พอดี! ไปด้วยกันเถอะ!”
ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่ที่เดิมทีวางแผนจะไปกันสองคนก็กลายเป็นสี่คน
เนื่องจากใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็มีมนุษยธรรมมากเช่นกันอนุญาตให้เหล่าศิษย์ออกไปกินมื้อค่ำด้านนอกได้…
แน่นอนว่าจำกัดบริเวณไว้ที่เมืองเล็กตรงตีนเขาเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปที่อื่น
หลงซือเย่รู้สึกว่า หลายวันมานี้กู้ซีจิ่วค่อนข้างเย็นชากับเขา เขามาหาเธอหลายครั้งคิดจะพาเธอออกไปเดินเล่น แต่เธอล้วนอ้างว่ายุ่งวุ่นวายอยู่กับการเรียนแล้วบอกปัด เขาจึงไม่ได้พาเธอออกไปตามลำพังเลยสักครั้ง!
ถึงแม้การเรียนของเธอจะยุ่งจริงๆ แต่หลงซือเย่ก็รู้สึกว่าคนๆ หนึ่งต่อให้การเรียนยุ่งวุ่นวายแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเวลาว่างสักนิดเลย
ตอนนี้ที่เธอเป็นแบบนี้น่าจะเป็นการตำหนิที่วันนั้นเขาพูดเรื่องนั้นออกไปโดยพลการ หรือไม่เธอก็น่าจะใคร่ครวญเรื่องอื่นอยู่…
นี่ทำให้เขารู้สึกวิกฤตหนักกว่าเดิม!
ดังนั้นเย็นนี้เขาจึงคิดจะพาเธอออกไปสังสรรค์สักหน่อย พูดคุยเรื่องอนาคตของพวกเขาให้ดีๆ
นึกไม่ถึงว่าเธอจะเรียกเชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูมาด้วย…
หนนี้ร้านอาหารที่ทั้งสี่ไปยังคงเป็นภัตตาคารที่เลื่องชื่อที่สุดในเมืองนี้ ‘หอชุมนุมเซียน’ ที่โชคไม่ดีคือ ที่นั่งบนชั้นสองมีคนจองไว้แล้ว จึงถูกไล่ที่
เถ้าแก่ของหอชุมนุมเซียนรู้จักหลงซือเย่ อย่างไรเสียในเทศกาลความรักวันนั้นเขาก็เคยเหมาชั้นสองทั้งชั้นเพื่อฉลองวันเกิดให้กู้ซีจิ่ว แถมเขายังเป็นบุคคลมีชื่อเสียงของทวีปนี้ด้วย
————————————————————————————-
บทที่ 844 ขัดขวางการกินของผู้อื่น
แน่นอนว่าเขาจำกู้ซีจิ่วไม่ได้ เนื่องจากหนนี้กู้ซีจิ่วสวมชุดสตรี แต่ตอนที่มาหนก่อนเธอแปลงโฉมเป็นคุณชายน้อยผู้หนึ่ง
ปกติแล้วเมื่อคนใหญ่คนโตอย่างหลงซือเย่มา เขาจุดธูปต้อนรับก็ไม่นับว่าเกินเลยไป ต่อให้ชั้นสองมีแขกจองไว้แล้วเขาก็สามารถหาทางเชื้อเชิญอีกฝ่ายออกไปได้
แต่หนนี้เถ้าแก่แสดงความเสียใจต่อหลงซือเย่เป็นล้นพ้น เนื่องผู้ที่จองชั้นบนไว้คือคนใหญ่คนโตอีกท่าน…
กู้ซีจิ่วก็มิใช่ว่าถ้าไม่ใช่อาหารจากร้านนี้จะไม่กินเสียหน่อย ดังนั้นเธอจึงเสนอให้ออกไปดูร้านอื่น
กลับเป็นเชียนหลิงอวี่ที่ติดนิสัยคุณชาย ถ้าเขาเจาะจงสถานที่หนึ่งไว้แล้วต่อให้เอาเก้าตัวมาลากเขาก็ไม่ไป เขาชอบอาหารของที่นี่ ดังนั้นจึงต้องการกินที่นี่ให้ได้ แถมคุณชายน้อยผู้นี้ยังต้องการจะกินในห้องส่วนตัวอีก ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องให้เถ้าแก่ใช้ฉากกั้นลมหรืออะไรก็ได้มากั้นเป็นห้องส่วนตัวให้เขา…
เนื่องจากชั้นล่างเนืองแน่ด้วยแขกหรื่อ อย่าว่าแต่กั้นห้องส่วนตัวเลย ขนาดหาโต๊ะว่างสักสักตัวยังไม่ได้เลย…
เถ้าแก่ผู้นั้นย่อมปฏิเสธ เชียนหลิงอวี่มีน้ำโหแล้ว ถามอย่างเหลืออด “คุณชายเช่นข้าจำได้ว่าชั้นบนมีห้องส่วนตัวเจ็ดถึงแปดห้อง แขกที่จองชั้นบนผู้นั้นจองไว้กี่ที่?”
เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ที่เดียว…”
ด้วยเหตุนี้เชียนหลิงอวี่จึงไม่พอใจ “ที่เดียวก็จองไว้เสียทั้งชั้น นี่จะเสียของเกินไปแล้ว! เจ้าคนที่จองไว้ผู้นี้ใจแคบนัก! ขัดขวางการกินของผู้อื่น คุณชายเช่นข้าจะขึ้นไปดูเสียหน่อย!”
เขาเคลื่อนไหวตามอารมณ์ บอกจะทำก็ทำเลย พูดยังไม่ทันขาดคำ ตัวเขาก็ขึ้นบันไดไปแล้ว
เขายังไม่ทันเหยียบลงบนบันไดส่วนบน ด้านบนก็มีแสงจางๆ สว่างวาบขึ้น บุรุษในชุดแดงแสนงามสง่าผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เชียนหลิงอวี่เกือบชนร่างคนผู้นี้เข้าแล้ว รีบถอยหลังไปทันที หลังจากเห็นคนผู้นั้นชัดเจนเขาก็หงอยลง พูดโพล่งออกมาว่า “ท่านปู่!”
ใบหน้าหล่อเหลาของคนผู้นั้นพลันมืดทะมึน “เจ้าเด็กตัวเหม็น เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
จากนั้นก็เอ่ยทักทายหลงซือเย่ที่อยู่ด้านล่าง “พี่หลงสบายดีหรือ? ยากนักที่จะได้พบพาน ขึ้นมาดื่มกันสักจอกเถิด!”
หลงซือเย่ย่อมจำเขาได้เช่นกัน คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นเชียนเยวี่ยหร่านเจ้าสำนักเก้าดารานั่นเอง นับตามลำดับอาวุโสแล้วเชียนหลิงอวี่ย่อมต้องเรียกขานเขาว่าท่านปู่
ความสัมพันธ์ระหว่างสานุศิษย์สวรรค์ค่อนข้างดี หลงซือเย่ก็เคยดื่มสุราเชียนเยวี่ยหร่านหลายหนแล้วเหมือนกัน นับว่าเป็นสหายที่คุ้นเคยกันดี
เขานึกไม่ถึงว่าจะได้พบเขาที่นี่ จึงประหลาดใจอยู่บ้าง เลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “เหตุใดพี่เชียนถึงอยู่ที่นี่?”
กล่าวยังไม่ทันขาดคำ บนบันไดก็มีคนผู้หนึ่งเดินนวยนาดออกมาอีกครั้ง สวมอาภรณ์สีนวลจันทร์ ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกัน แหวนดอกไม้ประดับอัญมณีเม็ดใหญ่วงหนึ่งเปล่งประกายวิบวับอยู่บนหว่างนิ้ว นางคลี่ยิ้มหวาน “เจ้าสำนักหลง ผู้น้องก็อยู่ที่นี่ด้วย”
หลงซือเย่ตะลึง
เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่นๆ “วันนี้ลมอะไรหอบมากัน? เจ้าสำนักฮวาก็อยู่ที่นี่ด้วย” คนผู้ก็คือฮวาอู๋เหยียนเจ้าสำนักหยินหยาง
โดยทั่วไปแล้วสานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้าก็มีการไปมาหาสู่เหมือนกัน สามปีจะนัดพบกันครั้งหนึ่ง แต่ยามนี้ยังไม่ถึงช่วงนัดพบ กลับพบเจอสองคนนี้…
หลงซือเย่ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เขามองขึ้นไปชั้นบน ถามหยั่งเชิงดู “ด้านบนยังมีผู้ใดอีกหรือไม่? คงมิใช่ว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาก็อยู่ที่นี่ด้วยกระมัง?”
เชียนเยวี่ยหร่านลูบจมูก กระแอมไอแล้วเอ่ย “ไม่หรอกน่า แค่ก ท่านขึ้นมาก่อนสิ พวกเราขึ้นมาแล้วค่อยพูดกันให้ละเอียดเถิด!”
สายของเขากวาดผ่านร่างเล็กๆ ทั้งสามของกู้ซีจิ่ว หลานไว่หูและเชียนหลิงอวี่แวบหนึ่ง “ท่านพาลูกศิษย์มาด้วยหรือ? สามคนนี้คือศิษย์ที่น่าภูมิใจของท่านหรือ?”
คนผู้นี้จำคนอื่นไม่ค่อยได้ อีกทั้งกู้ซีจิ่งเปลี่ยนไปมาก ดังนั้นจึงจำเธอไม่ได้ชั่วขณะ
หลงซือเย่นิ่งไปครู่หนึ่ง เห็นทีว่าชั้นบนจะเป็นการรวมตัวของสานุศิษย์สวรรค์ พาเด็กสามคนนี้ขึ้นไปด้วยดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสม