ตอนที่ 210 รายได้ต่อปีหลายแสนหยวน
แม่หยางตกใจจนสะดุ้ง เดิมทีเธอคิดว่าหยางโปมีนิสัยอ่อนนิ้ม น่าจะโน้มน้าวได้ง่ายมาก ถึงแม้ว่าหยางโปจะไม่สบายใจก็น่าจะไม่พูดออกมา เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหยางโปจะถึงกับต่อต้าน
หยางหลางหยิบโทรศัพท์ หยางโปก็ยิ้มเย็นมองอีกฝ่าย เขาไม่ใช่คนขี้กลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยางหล่างที่ถึงกับข่มขู่กันโต้งๆ แบบนี้เลย!
แม่หยางรีบเข้ามาห้ามหยางหลาง “นี่ลูกจะทำอะไร? เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของลูก พ่อของลูกยังไม่ตาย พวกลูกก็จะเล่นงิ้วพี่น้องทะเลาะกันแล้วเหรอ?”
หยางหลางลังเลเล็กน้อยแล้วก็วางมือถือลง ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากโทรแต่เป็นเพราะว่าจู่ๆ เขาก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ได้ เขายังจำได้อย่างชัดเจน ตอนที่หยางโปพาตำรวจเข้ามา แล้วเขาถูกจับเรื่องพนันในที่เกิดเหตุ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว หยางโปน่าจะมีอิทธิพลกับทางตำรวจไม่น้อย!
หยางโปแค่นเสียง เขามองไปทางพ่อหยาง “ผมบอกไปรอบหนึ่งแล้ว ค่ารักษาพยาบาลผมจะออกให้ ส่วนเรื่องอื่นของเขาก็ไม่ต้องมาคุยกับผมแล้ว!”
หยางโปกล่าวจบก็นั่งหลับตางีบพักบนเก้าอี้
แม่กับหยางหลางสบตากันและกันอย่างประหลาดใจ ชั่วครู่หนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ก่อนหน้าปรึกษากันมากขนาดนั้น ตอนนี้อุบายทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
แม่มองหยางโป ในใจอดที่จะเจ็บปวดไม่ได้ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ แต่ว่าหยางหลางก็ย้ำว่าเรื่องการแต่งงานของเขาไม่มีเวลาอยู่ตลอด ให้เธอคิดให้ออก ทำแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับหยางโปจริงๆ แต่ไม่ยุติธรรมแล้วจะทำยังไงได้?
แม่หยางหันหน้าไปมองหยางหลาง มองเห็นเขายังคงมีท่าทีโกรธกรุ่นโมโห ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ อย่าบอกนะว่าจะต้องกลับไปใช้ชีวิตเกษียณที่ลี่ซุ่ยจริงๆ แต่ว่าหยางหลางเขาจะไปด้วยไหม?
“ตอนบ่ายทำไมแกพูดแบบนั้นกับหลานเยว่?” หยางหลางเปิดปากเอ่ย
หยางโปลืมตา “ฉันไม่ได้พูดอะไรกับหลานเยว่ แล้วก็ไม่อยากพูดอะไรด้วย”
หยางหลางจ้องมองหยางโป “แกต้องจดจำเรื่องหนึ่งไปตลอด เธอเป็นพี่สะใภ้ของแก ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันแยกจากกัน!”
หยางโปขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบกลับเพราะว่าเขาก็เข้าใจดีว่านี่จะต้องเป็นปัญหาที่หลานเยว่ก่อแน่
เงียบสงัดตลอดคืน บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยจริงจังมาก แม่หยางทอดถอนใจตลอดทั้งคืน หยางโปกับหยางหลางราวกับศัตรูของกันและกัน มองกันอย่างดุดัน
เช้าตรู่ น้าชายก็รีบมา โน้มน้าวให้แม่หยางไปพักผ่อน แม่หยางปฏิเสธ หยางหลางเดินตรงออกไปด้านนอกอย่างไม่สนใจทันที
หยางโปไม่ได้พูดอะไรมาก รับอาหารเช้าที่น้าชายซื้อขึ้นมากิน
สายเล็กน้อย หลานเยว่ก็มา เธอเอาซุปไก่มาจริงๆ
มองเห็นพ่อหยางยังไม่ฟื้น หลานเยว่ก็ถือซุปถ้วยหนึ่งส่งให้แม่หยาง “คุณป้า คุณดื่มสักถ้วยก่อนเถอะ กินให้หมดมันจะช่วยบำรุงร่างกายให้ดี ถึงจะดูแลคุณลุงให้ดีได้!”
เมื่อครู่แม่หยางไม่ได้กินอะไร ได้กลิ่นหอมกรุ่นของซุปไก่ก็อยากกินขึ้นมา เธอรับซุปไก่มาอย่างยินดี “เป็นเด็กดีจริงๆ ลำบากเธอแล้ว!”
หลานเยว่หัวเราะพลางส่ายหน้า ถืออีกถ้วยส่งให้น้าชายแล้วถึงได้หันมากล่าวกับแม่หยางว่า “หยางหลางล่ะคะ? ไม่ได้เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดคืนเหรอ?”
“อ้อ เขาออกไปก่อนแล้ว อีกเดี๋ยวก็น่าจะกลับมาแล้ว!” แม่หยางกล่าว
หลานเยว่ตอบรับคำหนึ่ง ถือซุปให้ตัวเองถ้วยหนึ่งราวกับลืมแค่หยางโปคนเดียวเท่านั้น
หยางโปไม่สนใจซุปไก่ถ้วยหนึ่งเลย แต่เขานั่งอยู่ภายในห้องอย่างประดักประเดิดอยู่บ้าง แต่ว่าโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์
“เปรียบเทียบการประเมินของเธอกับผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแล้ว เครื่องลายคราม เกอเหยา สมัยซ่งเหนือชิ้นนี้ของนายได้การยืนยันว่าเป็นของจริงแล้ว เธอน่าจะดูออก สื่อทั้งในและนอกประเทศก็เริ่มรายงานกันแล้ว!” เฉาหยวนเต๋อกล่าว
“ผมเห็นแล้ว” หยางโปกล่าว
“ฉันอยากปรึกษาเรื่องหนึ่งกับเธอ” เฉาหยวนเต๋อกล่าว
“พูดมาเลยครับ”
“พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกำลังจัดงานอารยธรรมพันปีงานหนึ่ง เป็นการออกจัดแสดงอารยธรรมในช่วงรุ่งโรจน์ ผู้ใหญ่แจ้งพวกเราอยู่บ่อยๆ หวังว่าจะได้ถือครองให้นานอีกหน่อย เกอเหยาชิ้นนี้ของนายมาได้ถูกเวลาจริงๆ ฉันหวังว่าจะยืมได้สักพักหนึ่ง”
หยางโปพยักหน้า “มันจะนานเท่าไหร่กันครับ?”
“เกือบจะตลอดครึ่งปี”
หยางโปชะงัก เวลานี้นานเกินไปสักหน่อย อีกอย่างยังต้องการค่าประกัน จำนวนจะเล็กน้อยไม่ได้ ค่าประกันอย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าหลายสิบล้านหยวน
เฉาหยวนเต๋อเหมือนจะเข้าใจการพิจารณาของหยางโป เขาก็หัวเราะ “เธอวางใจได้เลย ก่อนหน้าที่จะส่งเกอเหยานี้ออกไป จะต้องมีค่าประกันก้อนโตแน่ อีกอย่างยังมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมดูแลด้วย”
หยางโปถึงค่อยวางใจลง “งั้นก็ดี ผมจำเป็นต้องทำอะไรไหม?”
“ฉันหวังว่าเธอจะขึ้นเหนือมาโดยเร็ว ที่จริงเรื่องนี้มีรายละเอียดโดยเฉพาะมากมายที่ต้องจัดการ อีกอย่างอย่างน้อยที่สุดยังต้องดำเนินการเซ็นสัญญา” เฉาหยวนเต๋อกล่าว
หยางโปลังเลเล็กน้อย “ช่วงนี้ผมยุ่งอยู่สักหน่อย อาจจะไปช้าเล็กน้อย”
เฉาหยวนเต๋อรีบกล่าว “ไม่รีบ ไม่รีบ รอเธอจัดการธุระเรียบร้อยก็แค่อย่าเป็นสามเดือนห้าเดือนก็พอแล้ว!”
วางสายโทรศัพท์ หยางโปก็ได้ยินเสียงเอะอะภายในห้อง เขาเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย มองเห็นพ่อหยางลุกขึ้นนั่งแล้ว เวลานี้เขาอ่อนแอลงเรื่อยๆอย่างชัดเจน ทั้งคนไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าไหร่
หยางโปยืนอยู่ไม่ไกล มองแม่ถือซุปไก่ป้อนให้พ่อดื่ม หลานเยว่นั่งอยู่ด้านข้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทำอะไรอย่างเดิม
พ่อหยางสังเกตเห็นประตูเปิด เขาเงยหน้าขึ้นมอง มองเห็นเป็นหยางโปก็ก้มหน้าลงดื่มซุปต่อ
หยางโปก็รู้ว่าตนเองไม่ได้รับการต้อนรับจากที่นี่ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็หันหลังเดินออกไปด้านนอก
ในตอนบ่าย เครือญาติตระกูลหยางทยอยกันมาเยี่ยม คนมากมายพูดสักสองสามประโยคแล้วก็ไป เอ่ยถามซ้ำไป อธิบายอาการเจ็บป่วยซ้ำมา ทำให้พ่อเหน็ดเหนื่อยมาก ถึงขนาดถึงคนท้ายสุดพ่อหุบปากไม่พูดจาแล้ว
เฉิงหยวนซานเดินเข้ามา “คุณลุง ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?”
แม่หยางตอบกลับ “หยวนซานมาแล้วเหรอ เธอมีน้ำใจจริงๆ”
เฉิงหยวนซานหัวเราะขึ้นมา “งานผมยุ่งมาก ไม่รู้ข่าวมาตลอด วันนี้หยางหลางโทรบอกผม ผมถึงได้รู้เรื่องนี้ คุณลุงลำบากแล้วจริงๆ”
แม่หยางพยักหน้า “ใช่ ลำบากแล้ว”
“ผมได้ยินหยางหลางบอกว่า หยางโปไม่ดีจริงๆ เป็นครอบครัวเดียวกันทำไมไม่ปรึกษากันให้ดี? ท่าทีแบบนี้ของคุณลุง ให้เขาออกเงินมากหน่อยแล้วจะเป็นอะไรไป?” เฉิงหยวนซานกล่าว
พ่อหยางได้ยินคำของเฉิงหยวนซานก็เห็นด้วย คิดว่าตลอดทั้งบ่ายนี้ในที่สุดก็มีคนพูดถึงใจของเขา “หยวนซานพูดถูก เรื่องนี้อย่าบอกนะว่าต้องให้ฉันบอกกับเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือว่าเขาไม่สมควรอาสาจ่ายเงินออกมา?”
“ฉันเลี้ยงเขามานานขนาดนี้ เอาข้าวให้กินหาเสื้อผ้าให้ใส่ ให้เขาไปเรียนในเมือง นานขนาดนี้แล้ว ทุ่มเทกายใจไปเท่าไหร่ เขาอกตัญญูแบบนี้ ให้เขาจ่ายสักหลายแสนก็เป็นทั้งชีวิตของเขา! นี่เสี่ยวหลางไม่ได้ออกไปทำงาน ถ้าหากเสี่ยวหลางออกไปทำงาน ปีหนึ่งได้หลายแสนหยวนไม่ใช่เรื่องเล็กเหรอ ถึงตอนนั้นยังต้องขอเขาอีกเหรอ?”
ร่างกายของพ่อหยางอ่อนแรง สุ้มเสียงไม่ดัง แต่พูดประโยคพวกนี้ออกมาก็ยังทำให้ทุกคนตกตะลึง
หลานเยว่หัวเราะฮิฮะ ไม่ได้พูดอะไร