“ตอนนี้มีแล้ว และจะมีมากขึ้นอีกในอนาคต ตราบใดที่ ตระกูลอุจิฮะ ยังไม่ถูกทำลาย ก็จะมีอัจฉริยะเกิดขึ้นมาอีกและคนคนนั้นก็จะปลุกเนตรนั้นขึ้นมาได้แน่นอน”
ไนโตะ มองไปที่ โอโรจิมารุ และพูดแบบนั้นออกมา
ไนโตะ ไม่สนใจเนตรธรรมดา ๆ เหล่านี้ และไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้ที่ปลุกมันขึ้นมาได้ เขาสนใจแค่ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ เท่านั้น
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไนโตะ ก็ให้ความสนใจมากขึ้นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ โอโรจิมารุ ได้รับดวงตาคู่นั้นไป
สิ่งนี้จะมีความสำคัญในอนาคต!
แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถขัดขวาง ไนโตะ ในการเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้ คนไหนที่กล้าเผชิญหน้ากับเขา ถ้าไม่ตายก็ปางตาย
ความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายได้ทั้งแคว้น!
ดังนั้นความคิดของ ไนโตะ จึงค่อย ๆ เปลี่ยนไป เขาเริ่มมองข้ามสิ่งต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น โฮคาเงะ รุ่นที่ 3
เขาไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้อีกต่อไป
แน่นอนว่าเมื่อเราพูดถึง ไนโตะ มีสิ่งหนึ่งที่เขาใส่ใจอยู่เสมอ นั่นก็คือการทำให้ตัวเขาเองแข็งแกร่งขึ้น และเขาก็จะไม่มีวันหยุดคิดเรื่องนี้
“โอโรจิมารุ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ โหมดเซียน บ้าง?”
ไนโตะ มองไปที่ โอโรจิมารุ และถามอย่างใจเย็น
เมื่อ โอโรจิมารุ ได้ยินคำถามของ ไนโตะ เขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ฉันรู้เพียงวิชาเซียนของ ถ้ำริวจิ (วิชาเซียนงู) แต่มันยากเกิดไปที่ฉันจะเรียนรู้มันได้สำเร็จ แต่ถ้าเธออยากไป ฉันก็สามารถบอกวิธีเข้าไปให้เธอได้”
“อืม”
ไนโตะ พยักหน้า จากนั้น โอโรจิมารุ ก็หันหลังกลับไปที่โต๊ะและเขียนข้อมูลทุกอย่างที่เขารู้ใส่ในม้วนกระดาษแล้วส่งมันให้ ไนโตะ
สำหรับ โอโรจิมารุ มูลค่าของ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา นั้นสูงมาก แม้แต่วิธีการฝึกวิชาเซียนก็มีค่าน้อยกว่ามัน
วิธีการฝึกวิชาเซียนค่อนข้างมีความซับซ้อน ยิ่งไปกว่านั้น การฝึกฝนก็ยังต้องอาศัยความพยายามและความรู้เป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม ดวงตาที่มี เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง และเขาก็มีมันอยู่ในมือแล้ว ดังนั้นคุณค่าของมันจึงหาค่าไม่ได้
“ฉันไปละ”
หลังจากที่ ไนโตะ หยิบม้วนกระดาษจาก โอโรจิมารุ แล้ว เขาก็หันหลังกลับและเดินออกจากที่นั้น
โอโรจิมารุ มองดู ไนโตะ เดินจากไปจากทางด้านหลัง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว และด้วยความดีใจ เขาจึงนำ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ออกมาจากขวด
………
“กลับมาแล้วเหรอ?”
เมื่อ ไนโตะ กลับมาถึงบ้าน คุชินะ ก็ยิ้มให้เขาและทักทายเขา
“อื้ม ฉันกลับมาแล้ว”
ไนโตะ พยักหน้าให้เธอ จากนั้นเขาก็เดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบม้วนกระดาษทั้ง 2 ออกมาวางไว้บนโต๊ะ ม้วนแรกคือวิธีการฝึกวิชาเซียนที่ ถ้ำริวจิ และอีกม้วนคือ งานวิจัยเรื่องพลังวิญญาณ
เมื่อเธอเห็น ไนโตะ วางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ เธอก็เอนหลังมามอง จากนั้นเธอก็พูดว่า “ผู้ชายอย่าง โอโรจิมารุ ไม่น่าไว้ใจเลย นายระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะ”
ไนโตะ ยิ้มให้เธอจากนั้นเขาก็พูดกับเธอว่า “เขาดูเหมือนเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก ใช่ไหมละ”
“จ้า…ก็แหงละสิ นายเก่งที่สุดอยู่แล้วนิ ใครจะเก่งกว่านายไปได้ละ ทุกคนตั้งฉายาให้นายว่า เทพเจ้าแห่งนินจา เลยนะ ไนโตะ”
คุชินะ หัวเราะขณะที่เธอพูดแบบนั้นออกมา
ไนโตะ กำลังจะเปิดม้วนกระดาษดู แต่เมื่อเขาได้ยินเธอพูดหยอกล้อแบบนั้น เขาก็โยนม้วนกระดาษลงแล้วเอื้อมมือไปคว้ามือเธอและพลิกตัวเธอให้หงายลงบนโต๊ะและจับแขนทั้ง 2 ข้างของเธอไว้แน่น (จับขึง-///-)
คุชินะ ตกใจมาก เธอเป็นนินจาคนหนึ่ง แต่เธอก็ไม่สามารถตอบโต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของ ไนโตะ ได้
“นี่…นายจะทำอะไรน่ะ…นี่มันกลางวันอยู่เลยนะ”
“เธอคิดว่าฉันยังไม่เก่งงั้นเหรอ? ฉันจะแสดงให้เธอเห็นว่าฉันยอดเยี่ยมขนาดไหน”
ไนโตะ พลิกตัวเธอให้นอนคว่ำ และเธอก็ได้แต่อุทานออกมา
คุชินะ ต้องการที่จะยืนขึ้น…แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ไนโตะ…เขาเริ่มแล้ว!
ไนโตะ ใช้นิ้วลูบไล้ไปที่ไหล่ของเธอเบา ๆ (หวังว่าท่านผู้อ่านจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป >.<)
“เดี๋ยว…ไม่!! หยุดก่อน!!”
คุชินะ อยากจะพูดบางอยางออกมา แต่ในตอนนี้ ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นจนเธอไม่สามารถพูดได้จนจบประโยค เธอรู้สึกว่ามีพลังแปลก ๆ ไหลผ่านไหล่ของเธอและกระจายไปทั่วร่างกายของเธอ ซึ่งทำให้รางกายของเธอสั่นและอ่อนระทวย
ไนโตะ แช่นิ้วไว้ที่ไหล่ของเธอ ขณะที่แสงสีขาวสลัว ๆ ส่องออกมาจากปลายนิ้วของเขา
ตอนนี้ ไนโตะ สามารถควบคุม พลังสั่นสะเทือน ของเขาได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถควบคุมระดับของมันให้อยู่ในระดับต่ำสุด จนแม้แต่คนปกติก็สามารถทนมันได้
พลังสั่นสะเทือน สามารถใช้ในการเสริมสร้างและเพิ่มพลังทางกายภาพของร่างกายได้
มันไม่ส่งผลกับร่างกายของ ไนโตะ อีกต่อไป เพราะมันถูกผสานเข้ารับเขาแล้ว
แต่สำหรับ คุชินะ เธอไม่ได้สัมผัสกับมันบ่อยครั้งนัก ผลที่ออกมาจึงยอดเยี่ยมมาก
ไนโตะ จำเป็นต้องพัฒนา พลังสั่นสะเทือน ของเขาให้ถึงระดับ 5 ก่อน เขาจึงจะสามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แบบแบบนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ดูเผิน ๆ อาจเหมือน ไนโตะ กำลังนวดให้ คุชินะ อยู่ เพราะในตอนนี้เธอรู้สึกสบายกับมันแล้ว
ดังนั้น ไนโตะ จึงเพิ่ม พลังสั่นสะเทือน ของเขาเข้าไปทีละนิด ๆ ยิ่งเขาเพิ่ม พลังสั่นสะเทือน มากขึ้นเท่าไร ความแข็งแกร่งของเธอก็จะยิ่งถูกเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งนี้จะทำให้เธอเกิดอาการชาและเจ็บปวดมากขึ้น
สำหรับ คุชินะ พลังของ ไนโตะ นั้นค่อยข้างอันตรายมาก หากเพิ่มมันเข้าไปมากเกินไป
ไนโตะ เลื่อนนิ้วลงไปที่หลังของเธอ จากบนลงล่างอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ทำเสร็จ
เสื้อผ้าของ คุชินะ เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอไม่สามารถขยับตัวได้ ดังนั้นเธอจึงต้องนอนอยู่เฉย ๆ สักพัก
ไนโตะ มองดู คุชินะ ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ และหันไปเทน้ำแก้วหนึ่งมาให้เธอ
คุชินะ ไม่สามารถลุกขึ้นได้ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ค่อย ๆ ฟื้นพลังของเธอขึ้นมาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ความแข็งแกร่งทางร่างกายของ ตระกูลอุซึมากิ นั้นยอดเยี่ยมมาก และวิธีนี้ที่ ไนโตะ ทำให้เธอ จะช่วยให้เธอสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งทางร่างกายของเธอได้อย่างเต็มที่
วิธีการช่วยเหลือของ ไนโตะ นั้นแปลกเสมอ
“ไอ้…!!”
เมื่อ คุชินะ ฟื้นกำลังของเธอได้แล้ว เธอก็ลุกขึ้นแล้วกำหมัดและเล็งไปที่ ไนโตะ แต่เขาก็หลบได้
“ฉันอุส่าเป็นห่วงนาย ฉันกลัวว่านายจะเป็นอะไร แต่นายกลับ…”
“ฉันเหรอ? ฉันทำอะไร?”
ไนโตะ ยักไหล่ให้ คุชินะ และเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคิดว่าฉันไม่ห่วงเธอเหรอ? ฉันก็แค่ทำให้เธอแข็งแรงขึ้นแค่นั้นเอง!”