ฝนยังคงตกลงมาเหมือนอย่างเช่นเคย และทุกคนก็ตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ยกเว้น ไนโตะ
“ไนโตะ เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับ เนตรสังสาระ มาก่อนหรือเปล่า?”
จิไรยะ มองไปที่ ไนโตะ และถามเขาด้วยความสงสัย
แม้ว่า จิไรยะ จะดูเหมือนเป็นคนตลก แต่เขาก็ไม่ได้โง่
อาจกล่าวได้ว่า 3 นินจาในตำนาน ในตอนนี้ ยังไม่มีคุณสมบัติด้านพลังที่จะเป็น โฮคาเงะ แต่ความฉลาดของพวกเขานั้น สามารถเป็น โฮคาเงะ ได้แล้ว
“ตอนแรกที่ผมเจอกับ โคนัน และ ยาฮิโกะ ตอนนั้น นางาโตะ ยังไม่ได้อยู่กับพวกเขา”
จิไรยะ มองไปที่ ไนโตะ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นด้วยสายตาที่จับจ้องของเขา เขาก็รู้ว่า ไนโตะ ไม่ได้โกหก แล้วเขาก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรกับ ไนโตะ ต่อ
หลังจากที่ 3 นินจา มองหน้ากันและกัน ซึนาเดะ ก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วถาม ไนโตะ ไปว่า “แล้วเธอจะเอายังไงต่อ จะกลับไปพร้อมกับเราไหม?”
เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ โคนัน ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากแล้วมองที่ ไนโตะ
“ไม่ละครับ ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ”
ไนโตะ มองไปที่ โคนัน จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เมื่อ เนตรสังสาระ ปรากฏออกมาแล้ว เราคงต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”
“อีกอย่างตอนนี้สงครามก็จบลงแล้ว งั้นผมจะอยู่ที่นี่และดูแล 2 คนนี้ครับ”
คำพูดของ ไนโตะ ทำให้ โคนัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและดวงตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความสุข
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นและไม่ได้เป็นคนธรรมดาอีกต่อไป แต่ชีวิตของพวกเขาก็ยังคงยากลำบากอยู่ดีและมันก็ยากสำหรับพวกเขาที่จะอยู่รอดไปได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต้องคอยหลบซ่อนอยู่เสมอ
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับนินจาจริง ๆ พวกเขาก็ยังอ่อนแออยู่ดี
เมื่อ ซึนาเดะ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นด้วยแววตาที่จริงจัง เธอก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ การปรากฏตัวของ เนตรสังสาระ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ในอีกด้านหนึ่ง โอโรจิมารุ ส่ายหัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็พูดว่า “เนตรสังสาระ ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียว”
“ถึงอย่างนั้น คุณคงไม่คิดว่าผมจะนั่งดูอยู่เฉย ๆ ได้หรอก จริงไหม?”
ไนโตะ พูดอย่างชัดเจน และเขาจะไม่ยอมให้ โอโรจิมารุ เข้าใกล้ เนตรสังสาระ เด็ดขาด
แม้ว่าในการ์ตูน โอโรติมารุ จะสนใจแต่ เนตรวงแหวน และจะไม่สนใจใน เนตรสังสาระ ก็ตาม
แต่เมื่อเรื่องราวเปลี่ยนไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า เขาจะไม่ตามล่า นางาโตะ
นอกจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะต้องการ ไนโตะ เพราะด้วยขีดจำกัดสายเลือดที่สามารถเอาชนะ คาถาธุลี หรือคาถานินจาอื่น ๆ ได้นั้น ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน
เขาคงจะต้องการเพิ่มมันเข้าไปในเซลล์ของ ฮาชิรามะ!
แม้ว่ามันอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จ แต่ถ้าเขาทำมันสำเร็จขึ้นมา เขาอาจจะได้ร่างที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ถึงอย่างไร อัตราความสำเร็จก็คงต่ำมาก
การเอา วิชาเนตรของขีดจำกัดสายเลือดต่าง ๆ ยังง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับเรื่องนี้
เขาสามารถปลูกถ่ายดวงตาเหล่านั้นได้ ถ้าเขามีร่างกายที่เหมาะสม!
เช่น เนตรวงแหวน และ เนตรสีขาว เป็นวิชาเนตรที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ทั้ง 2 เนตรจะปรากฏอยู่ใน 2 ตระกูลคือ ตระกูลอุจิฮะ และ ตระกูลฮิวงะ เท้านั้น
สำหรับ เนตรสังสาระ เป็นตำนานที่ทุดคนรู้จัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีอยู่จริงในโลกนี้ แล้วคุณคิดว่า โอริจมารุ จะไม่อยากได้มันงั้นเหรอ?!
“ถึงจะยากที่จะเอาชนะ แต่เราก็ต้องหาทางกันต่อไป…คาถานินจาทุกคาถาจะต้องมีจุดอ่อนในตัวมันเอง ไม่เว้นแต่เนตรนั้น”
ดวงตาของ โอโรจิมารุ ดูแปลกไปเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ส่ายหัวแล้วก็จากไป
ไนโตะ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดา
ถึงยังไง การตามหา เนตรสังสาระ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย!
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ โอโรจิมารุ มีแค่ตัวคนเดียว และแม้ว่าเขาจะบอกเรื่องนี้กับ ดันโซ หรือต่อให้ไปบอกกับ ซารุโทบิ จนทำให้พวกเขาส่งกองทัพทั้งหมดของ โคโนฮะ ออกตามหา เนตรสังสาระ พวกเขาก็ไม่สามารถตามหามันได้ง่าย ๆ อยู่ดี
เพราะ มาดาระ จะต้องซ่อน นางาโตะ ไว้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าพวกเขาจะหาเจอ เนตรสังสาระ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถควบคุมกันได้ง่าย ๆ คุณจะไม่สามารถใช้จำนวนเยอะเข้าสู้ได้เพราะถึงอย่างไร กองทัพมดก็แพ้ไฟ อยู่ดี
“ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อน เราต้องไปรายงายเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
จิไรยะ สูดหายใจลึก ๆ จากนั้นก็หันกลับไปทาง โอโรจิมารุ และค่อย ๆ เดินตามเขาไป
ตอนนี้เรื่องราวเปลี่ยนไปจากในการ์ตูนมาก ข่าวเกี่ยวกับ เนตรสังสาระ จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะแม้แต่ โอโรจิมารุ และ ซึนาเดะ ก็รู้เรื่องนี้แล้ว และพวกเขาก็คงจะทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไปอีกมาก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จิไรยะ ก็หายไปจากบริเวณนั้น
ซึนาเดะ มองไปที่ ไนโตะ อยู่ซักพัก เธอรู้จักเขาดีมากและเธอก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร เขาไม่ได้ต้องการอยู่ที่นี่เพื่อดูแล โคนัน และ ยาฮิโกะ หรือเพื่อตามหา เนตรสังสาระ แต่เขาต้องการหาสถานที่สงบ ๆ เพื่อฝึกซ้อมเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ตลอดเวลาที่เกิดสงคราม ไนโตะ ไม่มีเวลาฝึกฝนเลย แล้วเมื่อใดที่เขาว่าง เธอก็จะเห็นเขาฝึกฝนสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นพวกบ้าคลั่งการฝึกฝน
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนที่ชอบฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา เขาก็จะไม่มีทางมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ในตอนที่เขาอายุแค่ 12 ปี!
ถ้าไม่ยอมลำบากก็จะไม่มีวันได้มา
“ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”
เมื่อทราบความตั้งใจของ ไนโตะ แล้ว ซึนาเดะ ก็จะไม่ห้ามเข้า และหลังจากที่เธอพูดคำนั้นออกไป เธอก็จากไป
เหลือแค่ โคนัน และ ยาฮิโกะ เท่านั้น
ฝนยังคงตกลงมาเรื่อย ๆ แต่ ไนโตะ ยังคงยืนอยู่ที่นั่น โคนัน และ ยาฮิโกะ ก็ไม่กล้าทักท้วงเขาและยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
“ไปกันเถอะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ไนโตะ ก็เริ่มออกเดิน จากนั้นทั้งคู่ก็พยักหน้าและเดินตามเขาไป
…..
สงครามใน แคว้นแห่งฝน จบลงด้วยชัยชนะของ โคโนฮะ
ซาคุโมะ นำ กองทัพโคโนฮะ ไปสู่ชัยชนะในสนามรบ เขาทำได้ดีมาก เขาสามารถกดดัน ย่าโจ ผู้ช่วยของ คาเซะคาเงะ ได้เป็นอย่างดี และเขาก็ได้ฆ่าพ่อแม่ของ ซาโซริ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังคงเหมือนกับเรื่องราวในการ์ตูน
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เรื่องอื่นที่น่าตกใจที่สุด
ข่าวที่น่าตกใจที่สุดก็คือ
ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ และ 3 นินจามือขวาของ โฮคาเงะ ซารุโทบิ ได้ต่อสู้กับ ฮันโซแห่งซาลามานเดอร์ ผู้ซึ่งได้รับฉายาว่า ครึ่งเทพ และสามารถเอาชนะเขาได้!
เมื่อมีข่าวนี้ออกมา ทุกคนไม่อยากเชื่อกับเรื่องนี้
เพราะมันช่างน่าเหลือเชื่อ!
แม้ว่า ไนโตะ จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังเด็กมากและอายุน้อยกว่าอีก 3 คน
พวกเขาทั้ง 4 ร่วมมือกันและเอาชนะ ฮันโซแห่งซาลามานเดอร์ ได้ ข่าวนี้เหมือนกับระเบิดที่ระเบิดทั้งโลก
แม้แต่หมู่บ้านใหญ่อื่น ๆ ก็ไม่เชื่อกับข่าวนี้ และพวกเขาต่างก็ส่งหน่วยสอดแนมออกไปอีกครั้ง เพื่อหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้