เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1154 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บทที่1154 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คำพูดนี้ทำให้เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กับที่ ไม่ได้เดินหน้าต่อ แล้วมองหานชิงที่มือถือรองเท้าคู่หนึ่งไว้เดินมาตรงหน้าของเธอพร้อมก้มตัวลง

“เปลี่ยนคู่นี้แทน คู่นั้นใหญ่ไป ล้มง่าย”

เธอมองไปยังสลิปเปอร์ผู้หญิงสีฟ้าอ่อนตรงหน้า หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกล่าวขอบคุณแล้วก็เปลี่ยนใส่มันทันที หลังจากที่เปลี่ยนเสร็จเธอก้มตัวลงเพื่อจะไปหยิบสลิปเปอร์ของผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แต่หานชิงกลับเร็วกว่า

เขาหยิบรองเท้าคู่นั้นแล้วลงบันไดไป เสี่ยวเหยียนยังคงยืนอยู่ที่เดิมแล้วสำรวจเดรสที่เธอสวมไว้ เธอยังมองไปยังสีของสลิปเปอร์ที่เธอใส่อยู่ ได้แต่แอบถอนหายใจในใจ

แม้ว่าหานชิงจะเป็นคนแมนๆ แต่ว่า……โชคดีที่สไตล์การแต่งตัวของเขานั้นไม่ได้เป็นสไตล์แมนๆแบบนั้น

ถ้าเขาเป็นแบบนั้นล่ะก็ คงคิดว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกคงจะชอบสีชมพู

ถ้าเขาคิดแบบนั้นวันนี้เดรสและสลิปเปอร์ที่เธอใส่คงจะเป็นสีชมพูจ๋าไปทั้งตัวแน่นอน

เธอเดนลงบันไดมากับหานชิง โคงโคงเจ้าแร็กดอลล์น้อยนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารแล้วเรียบร้อย พอเห็นเสี่ยวเหยียนลงมา ก็เอนหัวไปทางเธอแล้วร้องเหมียว

เสี่ยวเหยียนรีบเดินมานั่งข้างมันทันที

บนโต๊ะวางอาหารเช้าไว้อย่างมากมาย นมยังคงร้อน ทานอาหารเช้ากับหานชิงสองต่อสองครั้งแรก เธอรู้สึกใจอยู่ไม่เป็นสุข นั่งลูบหัวโคงโคงอย่างนั้นอยู่พักใหญ่

โคงโคงส่งเสียงร้องเหมียว รู้สึกว่าหัวของตัวเองจะโดนเสี่ยวเหยียนลูบจนผิวถลอก มันเอียงหัวไปมา อยากจะหลุดพ้นจากมือของเสี่ยวเหยียน

“อย่าวิ่งนะ” เสี่ยวเหยียนร้องเสียงเบา เธออยากจะจับโคงโคงเจ้าแร็กดอลล์น้อยที่วิ่งหนีให้กลับมา เพราะว่าเธอประหม่าจนไม่รู้จะเอามือไปวางที่ไหน ก็เลยได้แต่ลูบหัวโคงโคง

“เมี๊ยวเมี๊ยว!” โคงโคงประท้วงอย่างไม่พอใจ เริ่มซนเล็กน้อย

“ปล่อยมันลงไปเถอะ” เสียงของหานชิงดังขึ้นกะทันหันจากฝั่งตรงข้าม ทำให้เสี่ยวเหยียนตกใจ เงยหน้าแล้วมองไปทางเขา มือก็ปล่อยอย่างไม่รู้ตัว

โคงโคงเจ้าแร็กดอลล์น้อยได้รับอิสระแล้ว มันกระโดดออกจากอ้อมแขนของเธอไปไกลทันที เดิมทีมันอยากจะใช้เวลาเช้าอันสดใสอยู่ที่นี่กับทาสแมวอย่างหานชิง นัวเนียกันไปมาทำนองนั้น ตอนนี้ล่ะ? เพื่อที่ให้โดนลูบจนผิวถลอก มันเลยขอหนีไปก่อนเสียดีกว่า

ผ่านไปไม่นาน ในห้องอาหารก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าแมวแล้ว

เสี่ยวเหยียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะโคงโคงวิ่งออกไปเร็วมาก ราวกับว่าเกรงกลัวเธอยังไงอย่างงั้น

เธอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ไม่กล้ามองตาหานชิง แต่กลับฟังเขาพูดว่า

“ทานอาหารเช้าเสร็จ เดี๋ยวฉันส่งเธอกลับบ้าน”

“โอเค……” เสี่ยวเหยียนทำได้แค่ก้มหัวลงแล้วทานอาหาร

เธอกินช้ามาก ในขณะที่เธอกินใกล้จะเสร็จก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอก เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง คนที่เดินเข้ามาคือซูจิ่ว เสียงของรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นอันเงา

ตอนเจอเขา ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนแดงขึ้นมาทันที เธอหันหน้าไปอีกทางอย่างรู้สึกผิด

เขามาที่นี่ได้ยังไง? มาเจอเธอกับหานชิงที่นี่ เขาจะไม่……

“ประธานหาน” ในตอนที่ซูจิ่วเดินเข้ามาก็เห็นว่าทั้งสองกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้มีความเกรงใจใดๆ พอเดินเข้ามาก็ลากเก้าอี้อีกฝั่งออกมาแล้วนั่งลง จากนั้นก็นำเอกสารต่างๆออกมาวางบนโต๊ะ

“อืม”

เสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงหานชิงตอบเสียงเบา น้ำเสียงเย็นชา

“นี่คือสิ่งที่ฉันรวบรวมมาได้ทั้งคืน แล้วก็เสียเวลาจัดเรียงมันอีก คดีเมื่อก่อนของเขา แล้วก็เงินมากมายที่เขาไปโกงมา รวมกับเรื่องในครั้งนี้แล้ว ถ้าเขาเข้าไปแล้วอยากจะออกมา คงต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว”

พอได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าเรื่องที่พูดนั้นเกี่ยวกับตัวเอง จึงแอบๆมองไปทางซูจิ่ว

เดิมทีเธอนึกว่าขณะที่ซูจิ่วพูดนั้นคงมองไปที่หานชิงไม่ก็กองเอกสารพวกนั้นอย่างตั้งใจ แต่ไม่คิดว่าพอเธอหันไปแล้ว ก็สบเข้ากับสายตาที่ยิ้มแย้มของเขา ที่มองเธออยู่พอดี

เสี่ยวเหยียน:“……”

เธอรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที รีบมองไปยังที่อื่นอย่างรวดเร็ว หูและคอก็เริ่มขึ้นสีชมพูเล็กน้อย

จิ๊ เป็นผู้หญิงที่ขี้อายจริงๆด้วย

ซูจิ่วหัวเราะในใจ ไม่เกรงใจหานชิงที่อยู่ตรงนี้ด้วยกัน ถามเสี่ยวเหยียนอย่างตรงไปตรงมา : “คุณจางทำไมไม่กล้ามองฉันคะ? เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณสักหน่อย”

“……”

เห้ย! เลขาซูคนนี้ ทำไมต้องถามอะไรที่ไม่ควรถามกันนะ? เธอไม่อยากจะสนใจเขาเลยสักนิด!

“คุณจาง?? ทำไมคุณไม่สนใจฉันล่ะคะ?”

แต่ซูจิ่วก็ยังคงตั้งใจที่จะแกล้งเธอ พอเห็นเธอไม่สนใจ ก็ยังจะดั้นด้นคุยกับเธอหลายประโยค

เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างตัวเองไว้แน่น อยากจะฝังตัวเองให้ลึกลงไปอีก ก็ฉันไม่อยากจะสนใจเธอ ไม่สนใจเธอแล้วจะทำไม?

“เลขาซู” หานชิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา : “ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม?”

ซูจิ่วหรี่ตาลง แล้วหันมาทางหานชิง

“ประธานหานนี่คือรีบแย่งเป็นฮีโร่หรือไง? ฉันก็แค่อยากถามไถ่เธอสักสองสามคำ ก็รีบอยากจะปกป้องแล้วหรือไง? เมื่อคืนคง……”

“เอ้ย!”

พอพูดถึงเรื่องเมื่อคืน เสี่ยวเหยียนก็ลุกลี้ลุกลนยืนขึ้นทันที กลัวว่าซูจิ่วจะพูดอะไรที่ทำให้คนอึดอัดใจออกไป เลยพูดขัดทันที

“เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น!เธออย่ามาพูดไปเรื่อยนะ!”

“……”

“……”

โต้ตอบอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ เป็นไปได้หรอ?

และตอนนี้เองที่เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะรู้ตัวว่าปฏิกิริยาของตัวเองนั้นมีพิรุธ เธอมองไปยังหานชิงและซูจิ่วอย่างอับอาย จากนั้นก็หันหลังวิ่งขึ้นไปบนบ้าน

“เธอบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ จะวิ่งหนีทำไม?” ซูจิ่วส่งเสียงตามหลังมา เสี่ยวเหยียนก้าวเท้าวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม

ภาพตรงหน้าทั้งสนุกทั้งตลก ซูจิ่วหันกลับมามองทางหานชิง “ประธานหาน เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงหรอ?”

หานชิงที่ขมวดคิ้วจ้องเสี่ยวเหยียนที่ทานอาหารไม่หมด ปกติก็กินช้าแล้วก็กินน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้กลับไม่กินอีก แบบนี้ต่อไปท่าจะไม่ดี?

สายตาที่จริงจังของเขา ยากที่จะเข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ ซูจิ่วจึงได้แค่ดันเอกสารไปตรงหน้าของเขา

“ประธานหาน?”

ในที่สุดสายตาของหานชิงก็มองมายังเธอ เม้มปากแล้วไม่ได้รู้สึกตลก ผ่านไปหลายวินาทีก่อนจะเอ่ยปากพูด

“เธอพูดมากเกินไป”

“……”ซูจิ่ว。

“เอาเอกสารไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ รวมถึงบริษัททั้งหมดที่เขาทำงานด้วย”

ได้ยินเช่นนั้น ซูจิ่วถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดูเหมือนหานชิงจะตัดทุกเส้นทางชีวิตของไอ้หมอนั่นให้หมดทุกทางจริงๆ? เด็ดขาด สุดยอดมาก!

ถ้าบริษัทได้รู้เกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้หมอนั่นเคยก่อล่ะก็ หลังออกจากคุกมา คงได้กลับไปทำนาที่บ้านนอกนู่นแล้ว……

คิดถึงตรงนี้ ซูจิ่วก็ถอนหายใจ ไม่คิดว่าเวลาหานชิงจะปกป้องดูแลใครจะลำเอียงได้ขนาดนี้ เห้อ~อย่าพูดเลย ก็แอบรู้สึกอิจฉาอยู่เหมือนกัน

“ได้ค่ะ แล้วด้านเสี่ยวเหยียนคุณจะจัดการยังไงคะ? ทีแรกฉันคิดว่าเรื่องเมื่อคืนจะเป็นปมให้เธอเสียอีก แต่ดูจากปฏิกิริยาของเธอเมื่อกี้แล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร?”

พูดจบ ซูจิ่วก็รวบเก็บเอกสารทั้งหมดแล้วลุกขึ้นยืน

“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่ขออยู่เป็นก.ข.ค.ที่นี่ก็แล้วกันค่ะ ประธานหานคะ โอกาสหายากแบบนี้ ครั้งนี้……ก็อย่าพลาดละกันนะคะ”

พูดจบ ซูจิ่วก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป

หานชิงยังต้องการเธอมาบอกอีกหรือไง? พาตัวเขามาขนาดนี้แล้ว เธอที่เป็นเลขาของเขามาหลายปีจะไม่รู้หรือไงว่าที่ดินตรงนี้……

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset