บทที่1140 ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ
คิดถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็โกรธขึ้นมา ทั้งๆที่พูดกับเขาชัดเจนแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์ขนาดนี้กัน
{หนูอย่ามาเล่นลูกไม้กับน้าอยู่เลย รีบส่งที่อยู่มาให้น้ามา ไม่อย่างนั้นแล้วน้าเสี่ยวเหยียนจะโกรธจริงๆแล้วนะ ถ้าน้าโกรธขึ้นมาจริงๆหนูก็คงรู้ผลอยู่แล้วนะ}
ในตอนที่เห็นข้อความนี้แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็เหมือนจะสามารถจินตนาการถึงท่าทางของเสี่ยวเหยียนในตอนนี้ออกเลยทีเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะอยากปิดปากหัวเราะออกมา แต่ก็ช่วยไม่ได้ เสี่ยวหมี่โต้วไม่ชอบคู่นัดบอดคนนี้เลย
อีกทั้งเขาก็คิดว่าการให้เขาเลี้ยงสักมื้อนึงก็ไม่เห็นเป็นไร ถึงยังไงก็ต้องลองอยู่พอดี
จ่ายไหวก็คือจ่ายไหว จ่ายไม่ไหวก็จ่ายไม่ไหวสิ ก็ไม่เห็นเป็นไร
แต่ต้องดูว่าเขาจะกล้ายอมรับหรือเปล่า
{น้าเสี่ยวเหยียน น้าไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เสี่ยวหมี่โต้วจัดการเองได้}
{ที่อยู่ เร็ว}
เสี่ยวหมี่โต้วส่งสติกเกอร์น่ารักไป จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์กลับไป ไม่ได้คุยกับเสี่ยวเหยียนต่อ เสี่ยวเหยียนถูกการกระทำนั้นทำเอาโกรธขึ้นมาไม่น้อย ยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่สุดๆออกมา
ส่วนหลัวหุ้ยเหม่ยก็เห็นว่าเธอออกมานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่เรียกรถอีก จึงต้องเดินเข้ามาดู
“เป็นอะไรไป?”
“เสี่ยวหมี่โต้วไม่ยอมส่งที่อยู่มาให้หนู” เสี่ยวเหยียนเอ่ยพูดออกมาอย่างจนใจ
“ทำไม? หรือว่าเด็กคนนี้ไม่ห่วงตัวเองเลยงั้นหรอ?”
“เขามีอะไรต้องเป็นห่วงนัก? แม่ คนที่เราต้องเป็นห่วงควรจะต้องเป็นคู่นัดบอดของหนูมากกว่า จะต้องถูกเสี่ยวหมี่โต้วหลอกเข้าแน่”
“พูดอะไรกัน? เสี่ยวหมี่โต้วน่ารักเสียขนาดนั้น อีกอย่างเขาก็เป็นแค่เด็กคนนึง จะไปหลอกคนอื่นเขาได้ยังไง?”
เสี่ยวเหยียน “…”
เธอมองแม่ตัวเองไปอย่างจนใจ ดูเหมือนว่าเธอจะถูกเสี่ยวหมี่โต้วกำราบจนอยู่หมัดไปเสียแล้ว และเสี่ยวหมี่โต้วจะต้องแสดงความฉลาดหลากหลายวิธีต่อหน้าพวกเธอ ดังนั้นแล้วคู่สามีภรรยาตระกูลโจวจึงไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าปีศาจน้อยตนนี้กันเลย
คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไม่อยากเถียงออกไปอีก ทำได้เพียงพูดออกไปว่า “หนูส่งข้อความหาหลี่ซือห้านดีกว่า”
เธอกับหลี่ซือห้านได้แลกวีแชทกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่แลกเบอร์โทรศัพท์กัน
เดิมทีเธอโทรหาเสี่ยวหมี่โต้วเพราะค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับเด็กน้อยอยู่พอสมควร ก็เลยจัดการได้ง่าย แต่นึกไม่ถึงว่าเขาตอนนี้จะเหมือนกับปราการที่แข็งแกร่งไม่มีผิด ดื้อรั้นสุดๆ
ตอนนี้ทำได้เพียงจัดการจากทางเขา
เสี่ยวเหยียนส่งข้อความไปหาหลี่ซือห้าน
รออยู่นาน กว่าจะได้สักคำ
{วางใจเถอะ ผมจะดูแลเขาอย่างดี}
เสี่ยวเหยียน “…”
เขาเองก็ไม่ยอมบอกตำแหน่งเธอเหมือนกันว่ากำลังอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนว่า จะถูกเสี่ยวหมี่โต้วล้างสมองไปแล้ว? เจ้าเด็กคนนี้ทำไมถึงได้…
ช่างเถอะ จะบอกว่าเกลียดเขาคงเป็นไปไม่ได้ เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่น เธอเดินเข้าไปเรียกรถจากข้างถนน หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้วก็ได้บอกกับคนขับรถไปว่า “คุณลุงคะ คุณลุงรู้มั้ยคะว่าที่ที่ของแพงที่สุดของช่วงนี้คือที่ไหน?”
“ที่ที่ของแพงที่สุด?” สีหน้าคุณลุงเปลี่ยนไป เหมือนกับกำลังคิดอยู่
เสี่ยวเหยียนเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดเสริมออกไป “ของกิน!”
คุณลุงเข้าใจขึ้นมาทันที “อันนี้ จากที่ลุงได้วิ่งรถมานาน ก็รู้จักอยู่หลายที่เลย แต่คุณอยากไปที่ไหนหรอครับ?”
ไปที่ไหน? เสี่ยวเหยียนเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเสี่ยวหมี่โต้วหลอกให้หลี่ซือห้านพาไปที่ไหน แต่ในเมื่อไม่ยอมให้เธอไป เธอแน่ใจว่าเขาจะต้องหลอกหลี่ซือห้านไปที่ไม่ดีกับเขาแน่
ตอนนี้ทำได้เพียงหาไปทีละร้านๆไป
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนจึงเอ่ยปากพูดกับคนขับรถไปว่า “งั้นรบกวนคุณลุงช่วยพาฉันไปสักร้านหนึ่งในนั้นก่อน ฉันต้องไปตามหาคน ถ้าหาไม่เจอล่ะก็ ฉันค่อยไปหาอีกร้าน”
คุณลุงคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พยักหน้า “ได้”
ทางนี้หลังจากที่ขับรถไป เสี่ยวเหยียนส่งข้อความไปหาหลี่ซือห้าน เธอไม่อาจพูดตรงเกินไปนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอต้องไปต่อกรกับความรักในศักดิ์ศรีของคนอื่นเขา ดังนั้นแล้วข้อความที่ส่งไปจึงอ้อมค้อมอย่างมาก
{ขอโทษจริงๆ เสี่ยวหมี่โต้วเขาซนมาก คุณเพิ่งจะรู้จักเขา จริงๆแล้วไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องเลี้ยงข้าวเขาเลย เอาอย่างนี้เถอะนะคะ ค่าใช้จ่ายของเขาในวันนี้ให้ฉันจ่ายเองหรือไม่คุณก็บอกที่อยู่ฉันมา ฉันจะไปเอง}
พูดไปอย่างนี้ ก็คงจะไม่ทำลายศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายหรอกมั้ง เสี่ยวเหยียนคิดในใจ
แต่หลังจากที่ส่งข้อความไปแล้วก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ช่วยไม่ได้ เสี่ยวเหยียนทำได้เพียงรอการตอบกลับมา
ส่วนทางนี้เอง เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้พาหลี่ซือห้านไปถึงที่หมาย หลังจากที่ถึงที่หมายแล้ว โรงแรมหรูตรงหน้าได้ทำเอาหลี่ซือห้านขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย แต่พอคิดๆดูแล้ว เด็กคนนึงคงไม่ค่อยมากินข้าวที่โรงแรมนักล่ะมั้ง? อีกอย่างสถานที่หรูหราขนาดนี้แค่มองก็รู้ว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว เขาก็แค่เด็กน้อยคนนึงจะไปเข้าใจอะไร?
คงเป็นเพราะคำแนะนำของที่นี่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ และที่ที่เขาจะไปก็แค่อยู่แถวๆโรงแรมนี้เท่านั้นเอง
เพียงไม่นานหลี่ซือห้านก็ปลอบตัวเองเสร็จ จากนั้นก็พาเสี่ยวหมี่โต้วลงจากรถ
“ไปกันเถอะ ลุงพาหนูไปกิน”
ถึงที่นี่แล้วยังใจกว้างได้อีก? เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาออกมา หรือว่าลุงคนตรงหน้าคนนี้ยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อเลี้ยงข้าวเขาจริงๆ? เฮอะ!
แต่เพียงไม่นาน ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วพาเขามาถึงหน้าโรงแรมเตรียมที่จะเข้าไป สีหน้าของหลี่ซือห้านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เสี่ยวหมี่โต้ว หนูเดินมาผิดที่หรือเปล่า?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็หันกลับไปมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย
“เดินมาผิดที่? ไม่นะฮะคุณลุง”
“แล้วทำไมหนูถึง…” สีหน้าของหลี่ซือห้านดูย่ำแย่ขึ้นมา เด็กคนนี้คิดจะเข้าไปกินข้าวในโรงแรมห้าดาวนี้จริงๆ?
กินมื้อนึงที่นี่ต้องจ่ายเท่าไหร่กัน?
“คุณลุงจะไม่รักษาคำพูดใช่มั้ยฮะ?”
เพราะว่าพวกเขายืนกันอยู่ที่หน้าประตู ดังนั้นแล้วคนที่เข้าออกไปมาก็เยอะมาก ถึงแม้ว่าเสียงของเสี่ยวหมี่โต้วจะไม่ได้ดัง แต่หลี่ซือห้านครอบงำจิตใจของเขา จนคิดว่าแบบนี้มันเสียหน้ามาก จึงทำได้เพียงเดินเข้าไปเอ่ยพูดเสียงเบา
“ลุงไม่ได้ไม่รักษาคำพูดนะ เพียงแต่ลุงแค่คิดว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเด็ก ลุงพาหนูไปที่ที่ทำอาหารให้เด็กกินโดยเฉพาะเลยดีมั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้วกลอกตาไปมา ทันใดนั้นเองก็เอ่ยถามออกไป
“คุณลุงกลัวว่าที่นี่แพงเกินไปใช่มั้ย? สบายใจได้เลย ถ้าคุณลุงไม่อยากเลี้ยงเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วเรียกคุณน้าของผมมาจ่ายเงินก็ได้นะฮะ”
เฮอะ! ถ้าดีพร้อมสู้คุณน้าของผมไม่ได้ ก็อย่าได้คิดจะแย่งน้าเสี่ยวเหยียนไปได้เลย
พูดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณน้าเห็นข้อความของเขาแล้วจะมาหรือเปล่า เสี่ยวหมี่โต้วลอบเบ้ปากอยู่ในใจ ถ้าคุณน้าไม่มาล่ะก็ ต่อจากนี้เขาจะไม่สนใจคุณน้าอีกแล้ว
“…” ได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วบอกว่าจะเรียกคุณน้ามาจ่ายให้เอง สีหน้าของหลี่ซือห้านยิ่งดูย่ำแย่กว่าเดิม ก่อนหน้านี้เด็กน้อยได้พูดออกมาเพียงครึ่งแต่ได้ถูกเสี่ยวเหยียนลากออกไปเสียก่อน แต่หลี่ซือห้านก็ได้ยินมันชัดเจน
เสี่ยวเหยียนกับคุณน้าของเขาจะต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันบางอย่างแน่ๆ
ตอนนี้เด็กน้อยก็ยังมาบอกว่าจะเรียกคุณน้ามาจ่ายเงินให้ออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่ไม่ใช่การดูถูกเขาผู้เป็นคู่นัดบอดคนนี้หรือไง? หลี่ซือห้านผู้รักหน้าตาตัวเองจึงเอ่ยออกไปทันที “ไม่ต้อง ลุงจ่ายไหว หนูอยากกินที่นี่ใช่มั้ย? งั้นพวกเราก็เข้ากันไปเถอะ”
“อ้อ งั้นขอบคุณนะฮะคุณลุง”
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้ากันไปแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วหาห้องส่วนตัวมาห้องนึงอย่างชำนาญ หลี่ซือห้านเดินตามข้างๆพนักงาน ก็มีอาการทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แต่ก็ยังหน้าด้านถามออกไป
“ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำของที่นี่คือเท่าไหร่หรอครับ?”
ท่าทีที่แสดงออกมาของพนักงานดีมาก “สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ถ้าจองห้องส่วนตัวล่ะก็ ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำคือห้าพันค่ะ”
ห้าพัน…
สีหน้าของหลี่ซือห้านย่ำแย่ลงหลายส่วน พูดได้ว่าวันนี้เขาต้องเตรียมเงินเข้าไปห้าพันหยวนเลย