บทที่709 ทำไมมือเธอสั่น?
เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเครื่องบินงั้นเหรอ?
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกได้ว่าสมองของเธอว่างเปล่าทันที เธอตกใจกับข่าวนี้ อึ้งอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
“เมื่อ เมื่อกี้เธอว่าไงนะ? อะไรคือเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเครื่องบิน? ”
เสี่ยวเหยียนไม่ใช่หานมู่จื่อ ที่เลขาของเธอไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจ ก็เลยบอกเกี่ยวกับเรื่องที่ซูจิ่วเล่าให้ตัวเองฟังให้เสี่ยวเหยียนรับรู้ พอเห็นท่าทางของเธอดูไม่เข้าใจ ก็เลยพูดออกมาตรงๆ “ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่เข้าใจล่ะก็ หยิบโทรศัพท์ออกมาหาข่าวดูเถอะ มันมีรายงานข่าวออกมาแล้ว”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอจะยังมีเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่ไหนกันล่ะ ได้แต่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาหาข่าวทันที
แล้วก็เห็นข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินที่เย่โม่เซินนั่งมา
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน? ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? มันเป็นไปได้ยังไง? ” หลังจากที่เห็นข่าว เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าตัวเองรับไม่ได้
ทั้งๆ ที่……มันเป็นวันแห่งความสุขแท้ๆ ทำไมถึงได้เกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้นได้?
ทันใดนั้น เสี่ยวเหยียนก็นึกถึงแก้วที่หานมู่จื่อทำตกแต่งก่อนที่จะแต่งหน้าได้ ในตอนนั้นที่ผู้ช่วยสไตลิสต์พูดอย่างไม่คิด
เลือดออก เป็นลางร้าย
ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนยังรู้สึกว่าผู้ช่วยคนนี้ช่างพูดไม่เป็นเลยจริงๆ มาพูดเรื่องลางร้ายทำให้คนอื่นไม่ชอบ
แต่พอตอนนี้มาดูแล้ว มันคำเตือนใช่ไหม?
เสี่ยวเหยียนตะลึงไปเลย รู้สึกเหมือนว่าสมองกำลังเดือด ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
มู่จื่อ……
เธอนึกถึงหานมู่จื่อขึ้นมา
เรื่องนี้ ถ้าเกิดว่าที่เจ้าสาวอย่างเธอรู้เข้าจะเป็นยังไงกัน?
พอคิดแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็ไม่สามารถหยุดมือที่สั่นเทาของตัวเองได้
“ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า? ไม่แน่ว่าคุณชายเย่อาจจะไม่ได้อยู่บนเครื่องบินก็ได้? ”
ผู้ช่วยเลขาส่ายหน้า “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันค่ะ พี่ซูกำลังรีบกลับมาแล้ว เรื่องนี้……”
พูดไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ผู้ช่วยเลขาก็หยุด แล้วก็มองไปที่ด้านหลังของเสี่ยวเหยียนอย่างหน้าซีด ริมฝีปากของเธอก็สั่น
ท่าทางของเธอแบบนี้ เสี่ยวเหยียนเข้าใจในทันที แต่ว่าเธอยังไม่ทันจะได้หันไป ก็ได้ยินเสียงหานมู่จื่อเอ่ยปากถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”
เสี่ยวเหยียนหันกลับมาถามโดยอัตโนมัติ “ทำไมเธอออกมาล่ะ? ”
หานมู่จื่อ“……ฉันออกมาไม่ได้เหรอ? ”
เสี่ยวเหยียน:”ฉันหมายความว่า เธอจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ ฉันกำลังจะให้เธอไปตามสไตลิสต์มาให้พวกเราเลย”
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไปตามสไตลิสต์มาแล้วไม่ใช่เหรอ? ” หานมู่จื่อลูบคางของตัวเองที่พึ่งแก้ไขไปเมื่อกี้นี้ “ฉันเช็ดลิปสติกออกไปแล้ว แล้วก็แต่งหน้าเพิ่มเล็กน้อย น่าจะไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว โม่เซินน่าจะใกล้มาถึงแล้วนะ พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”
พอได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนกับผู้ช่วยเลขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากัน แล้วก็เห็นสายตาที่ไม่มีทางเลี่ยงของกันและกัน
พอว่าหานมู่จื่อจะเดินออกไปข้างนอกจริงๆ ผู้ช่วยเลขาก็รีบผลักเสี่ยวเหยียน ส่งสัญญาณให้เธอคิดหาวิธี เสี่ยวเหยียนคิดไปคิดมา ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “รอก่อน”
เสียงตะโกนนี้ทำให้มู่จื่อตกใจ เธอหยุดเดินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็หันกลับมามองเสี่ยวเหยียน คิ้วที่บอบบางของเธอก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ เสี่ยวเหยียน เธอเป็นอะไรไป? ”
“คือว่า……”เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างสับสน มือของเธอเกาหัวตัวเองอย่างประหม่า “หน้าเธอยังแต่งไม่เรียบร้อยเลย สีตรงคางยังดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะ เธอใช้รองพื้นคนละสีงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอเอื้อมมือออกไปแตะตรงคางตัวเองอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
รองพื้นคนละสีงั้นเหรอ? เหมือนกับว่าเธอจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ตอนนั้นเห็นว่ามันมีอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก็เลยหยิบมาใช้เลย แต่พอใช้เสร็จแล้วดูกระจก……ก็เหมือนว่าไม่ได้มีอะไรที่ไม่เหมือนกันนะ
“น่าจะไม่หรอกมั้ง ต่อให้คนละสีจริง เมื่อกี้ฉันก็ส่องกระจกมาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็ถือหันหลังและจับกระโปรงขึ้นมา “ไปก่อนนะ อย่าให้ทุกคนรอสิ”
“รอก่อน! ” เสี่ยวเหยียนตะคอกออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็เข้าไปถือกระโปรงให้หานมู่จื่อ อีกมือหนึ่งก็ประคองเธอไว้ “สีมันไม่เหมือนกันจริงๆ นะ พวกเราเข้าไปใหม่กันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแก้ให้เธอเอง”
คิ้วที่บอบบางของหานมู่จื่อขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่เสี่ยวเหยียน เหมือนกับว่าต้องการสำรวจบางอย่างจากใบหน้าของเธอ
เสี่ยวเหยียนโดนเธอจ้องแบบนี้แล้วรู้สึกผิด ก็เลยหลบตาเอ
“ไปเถอะ รีบไปเถอะ ฉันขอร้อง……”
หานมู่จื่อเดินเข้าไปกับเธอ ผู้ช่วยเลขาเห็นว่าทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างใน ก็ค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากนั้นก็โทรหาซูจิ่ว
“พี่ซูรีบหน่อยเถอะ ฉันรู้สึกว่าจะยั้งไว้ไม่อยู่แล้ว ทางคุณหาน……”
“ฉันรู้แล้ว อย่าเร่งสิ ฉันกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ”
พอวางสาย ผู้ช่วยเลขาก็เดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิม
ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหานชิงหายไปไหน…..
ในห้องแต่งหน้า
เสี่ยวเหยียนโน้มตัวลงแล้วแต่งหน้าบริเวณคางให้หานมู่จื่ออย่างจริงจัง หานมู่จื่อเห็นว่ามันใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ว่ามือของเสี่ยวเหยียนสั่น แถมยังทาแป้งที่ริมฝีปากของเธอ ทำให้ลิปสติกของเธอเละเทะไปหมด
“อุ้ย มือสั่น……”เสี่ยวเหยียนเช็ดปากอย่างกระอักกระอ่วน หลังจากนั้นก็รีบเอาสำลีมาเช็ดออก “เดี๋ยวฉันทำให้ใหม่”
สายตาของหานมู่จื่อมองตามมือของเธอไป ก็เห็นว่าปลายนิ้วสีขาวของเธอกำลังสั่น
หลังจากลบเครื่องสำอางบนริมฝีปากแล้ว หานมู่จื่อก็มองเธอ “เธอมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอยู่รึเปล่า? ”
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น ก็ตกใจจนน้ำยาล้างเครื่องสำอางในมือตกลง“
“มู่จื่อ……เธอนี่ก็ชอบล้อเล่นจริงๆ เลย ฉันจะมีเรื่องอะไรให้ปิดบังเธอได้กันล่ะ? ”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเธอจะดูสบายๆ แต่ว่าท่าทางของเสี่ยวเหยียนกลับแสดงให้เห็นความรู้สึกของเธอตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
“ถ้าเกิดว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังฉัน แล้วทำไมเธอต้องสั่นด้วย? ” น้ำเสียงของหานมู่จื่อนิ่งเรียบ เหมือนกับแมลงปอที่เดินบนน้ำ ไม่ได้มีความแข็งแรงอะไร แต่ว่ากลับสร้างคลื่นระลอกใหญ่ที่หัวใจของเสี่ยวเหยียน
มือของเสี่ยวเหยียนหยุดลง เธอถือลิปสติกที่กว่าจะหาเจอนั้นไม่ง่าย แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา
“ฉันสั่นงั้นเหรอ? น่าจะเพราะว่า……ฉันไม่ได้ทำมานานก็เลยไม่คุ้นล่ะมั้ง? ”
พอพูดจบ เธอก็ถือสิ่งนั้นในมือแล้วก็ยื่นเข้ามาหาหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อเม้มปากพร้อมกับจ้องหน้าเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“เป็นอะไรเหรอ? ” แววตาของเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เธอหยิบแท่งบลัชออนมา” หานมู่จื่อเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เสี่ยวเหยียนก้มลงมอง มันเป็นแท่งบลัชออนจริงๆ ด้วย เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก “คือว่า……เมื่อกี้ฉันเบลอๆ ก็เลยมองผิดไปน่ะ เธอรอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวฉันหาใหม่”
แล้วเธอก็หันหลังไปตามหาลิปสติกอีกครั้ง
เสี่ยวเหยียนที่ผิดปกติแบบนี้ ทำให้ความกังวลในใจของหานมู่จื่อค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
เธอเม้มริมฝีปากที่ซีดเล็กน้อยของตัวเอง แล้วก็ค่อยๆ ถือกระโปรงแล้วลุกขึ้น
“ไม่ต้องหาแล้ว”
“มู่จื่อ เธอรอฉันอีกแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันก็หาเจอแล้ว”
หานมู่จื่อไม่ได้สนใจเธออีก แล้วก็หันหลังเดินออกไปข้างนอก เสี่ยวเหยียนเห็นดังนั้นก็ร้องออกมาแล้วรีบไปหยุดเธอไว้
“มู่จื่อ เธอยังไม่ได้ทาลิปสติกเลยนะ จะออกไปไม่ได้”
เห็นเสี่ยวเหยียนที่ห้ามตัวเองอยู่ หานมู่จื่อก็กัดฟันแล้วพูดว่า “หลบไป”