บทที่ 624 จำสิ่งที่ฉันพูดได้ไหม
เสี่ยวเหยียนนิ่งไปประมาณสิบวินาทีจึงจะตั้งสติได้ จากนั้นลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำลายข้างปาก
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ? มาดูฉันนอนตั้งแต่เช้า อยากให้ฉันตกใจกลัวหรือไง?”
หานมู่จื่อยืนกอดอกอย่างจนปัญญา : “ก็ดูตัวเองสิ ห้องมีก็ไม่นอน มานอนที่โซฟา?”
เสี่ยวหมี่โต้วก็พยักหน้าตาม: “นั่นสิครับน้าเสี่ยวเหยียน ทำไมน้ามานอนบนโซฟาล่ะครับ เมื่อคืนน้ากลับบ้านดึกใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วพูดเช่นนั้น ดูเหมือนหานมู่จื่อจะจับข้อสงสัยได้ จึงหรี่ตาลง
“ดึกมากแล้วเพิ่งจะกลับ? ดึกแค่ไหน?”
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนน้อยใจขึ้นมาทันที ไม่กล้าสบตามองหานมู่จื่อ
“เมื่อคืน…”
“เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย!” เสี่ยวเหยียนลุกขึ้นยืน หน้าแดงก่ำ จากนั้นหันหลังวิ่งขึ้นไปด้านบน พลางพูดขึ้น : “วันนี้ฉันง่วงมาก ฉันลางานนะ ฉันจะนอนทั้งวัน”
ไม่เปิดโอกาสให้หานมู่จื่อได้ตอบโต้อะไร จากนั้นวิ่งเข้าไปในห้องทันที
เสี่ยวเหยียนทิ้งตัวพิงที่ประตู หายใจกระหืดกระหอบ คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หูของหล่อนก็แดงขึ้นมาทันที
หล่อนกัดริมฝีปากแน่น ถอดรองเท้า จากนั้นมุดตัวเข้าไปซุกในผ้าห่ม
ภาพความทรงจำค่อยๆผุดขึ้นมา
อันที่จริงเมื่อคืนหล่อนไปรอหานชิงที่บริษัท เมื่อหานชิงเห็นหล่อน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ให้หล่อนขึ้นไปบนรถด้วย
เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองนั่งอยู่ด้านหลัง ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเหยียนขึ้นรถไปจึงรู้สึกกระสับกระส่าย เคอะเขินตลอดเวลา คอยเงยหน้าหันไปมองหานชิงที่นั่งอยู่ด้านข้างตลอด
เขานั่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ใบหน้ามุมข้างของเขาหล่อบาดใจมาก ท่าทางนิ่งขรึม มีเสน่ห์ดึงดูดมากเหลือเกิน
เสี่ยวเหยียนยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าตัวเองชอบเขา ขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณหานมู่จื่อที่คุยกับหล่อนในวันนี้
ถ้า… ไม่ได้เป็นเพราะมู่จื่อบอกหล่อน ว่าอยากเจอก็เจอ หล่อนคงไม่ได้มาหาหานชิง
และก็ไม่มีโอกาสได้นั่งรถของหานชิง
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนกระแอมออกมา พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา : “คะ…คุณหาน…ทานข้าวแล้วยังคะ?”
เมื่อพูดออกไป เสี่ยวเหยียนแทบอยากจะตัดลิ้นของตัวเองออก
เขาเพิ่งจะเลิกงาน หล่อนจะถามคำถามโง่ๆแบบนี้ทำไมกัน?
อยากจะร้องไห้อยู่ภายในใจ แต่สิ่งที่พูดออกไปก็เหมือนน้ำตาที่ไหลออกมา ยังไงหล่อนก็ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ทำได้เพียงคิดด้วยความขมขื่นใจ ว่าหานชิงจะรีบตอบกลับ
“ยังไม่ทานครับ”
ในที่สุด หานชิงก็ตอบหล่อน เพียงแค่ตอบสั้นไปหน่อย พูดเพิ่มขึ้นมาสักคำให้หล่อนก็ไม่ได้
เสี่ยวเหยียนแอบมองหานชิงอีกครั้ง เห็นว่าสายตาของเขาไม่แม้แต่ขยับ หล่อนรู้สึกเสียใจ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ถูกเขาปฏิเสธน้ำใจของตัวเอง เขาก็เย็นชากับหล่อนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เขาบอกตัวเองอย่างชัดเจนว่าอย่าคิดอะไรกับเขาเด็ดขาด เพราะเขาไม่มีทางรู้สึกอะไรกับตัวเองแน่นอน
แต่เสี่ยวเหยียนยังคงควบคุมความรู้สึกที่มีต่อเขาไม่ได้
“งั้น…พวกเราไปทานข้าวเย็นด้วยกันดีไหม?”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย กลัวว่าหานชิงจะบอกปฏิเสธ : “แน่นอนว่าฉันเลี้ยงคุณเอง!”
หานชิงหยุดชะงักไป มองหล่อนด้วยสายตาเยือกเย็น
เสี่ยวเหยียนตื่นเต้นจนแทบจะหยุดหายใจ กัดริมฝีปากแน่น มองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว
“จะ..ดีเหรอ?”
เมื่อหานชิงเห็นริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของหล่อนสั่นคลอน จึงเลิกคิ้วขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้?
เพียงเพราะเห็นสายตาเว้าวอนของหล่อน หานชิงจึงอดสงสารไม่ได้ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็พยักหน้าให้ทันที
เวลาเพียงสั้นๆ สายตาของหญิงสาวก็เบิกกว้างราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุขึ้นอย่างสวยงาม ดูเหมือนว่าทั้งดีใจและเหลือเชื่อมาก
“คะ…คุณตอบตกลงฉันแล้วจริงเหรอคะ?”
เสี่ยวเหยียนควบคุมความรู้สึกดีใจของตัวเองไว้ไม่ได้ หันไปถามเขาด้วยความตื่นเต้นและปลื้มใจ
“อื้ม”
หานชิงพยักหน้าลง ทานข้าวแค่นี้ ไม่มีอะไรสักหน่อย หานชิงคิดในใจ
เสี่ยวเหยียนดีใจขีดสุด หานชิงจับสังเกตเห็นได้ หลังจากที่ตอบตกลงหล่อน ความสุขของภายในใจของหล่อนก็เอ่อล้นไปทั่วภายในรถ
ลุงหนานที่ขับรถอยู่ด้านหน้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จึงค่อยๆฉีกยิ้มมุมปากขึ้นมา
ดีสิ คุณผู้ชายอยู่ลำพังคนเดียวมาโดยตลอด ถ้ามีสาวร้อยที่น่ารักร่าเริงอยู่เคียงข้างสักคน งั้น…ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลุงหนานก็ดีใจมีความสุขมาก
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลย อยากทานอะไรคะ…” เสี่ยวเหยียนดีใจมากจนลืมคิดถึงเรื่องสำคัญ จึงหันไปถามหานชิงด้วยความตื่นเต้น
“ในเมื่อคุณเลี้ยง ก็ตามใจคุณเลย”
เสี่ยวเหยียนกระพริบตาปริบๆ “ยังไงก็ต้องดูแลคุณเป็นอย่างดี ฉันรู้จักร้านอาหารจีนที่เพิ่งเปิดใหม่ พวกเราไปที่นั่นกันดีไหม?”
“ได้สิ”
หลังจากนั้นสิบห้านาที ลุงหน้าก็ขับรถพาหานชิงและเสี่ยวเหยียนมาส่งที่หน้าร้านอาหารจีน
เป็นเพราะร้านเพิ่งเปิดใหม่ ทำให้มีคนมาเยอะพอสมควร เพื่อจะมอบบรรยากาศการทานอาหารที่ดีให้หานชิง เสี่ยวเหยียนจึงจองห้องพิเศษหนึ่งห้อง จากนั้นทั้งสองก็สั่งอาหาร
เมื่อพนักงานออกไปจากห้องพิเศษ ก็เหลือเพียงพวกเขาสองคน จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็คิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
ห้องพิเศษนี้มีเพียงแค่หล่อนกับหานชิงสองคน ไม่มีคนอื่นเลย ดังนั้นจึงรู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก
ครั้งแรกที่ได้ทานอาหารร่วมโต๊ะกับชายในฝัน และยังเป็นห้องพิเศษอีกด้วย อีกทั้งยังมีแค่พวกเขาสองคน
ในใจของเสี่ยวเหยียนตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และยังรู้สึกว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว
หล่อนกัดริมฝีปากแน่น มือทั้งสองที่อยู่ใต้โต๊ะประสานจับกันแน่นจนจิกเนื้อตลอดเวลา อีกทั้งยังคอยเงยหน้ามองตรงไปที่หานชิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าควรเอาชนะความเงียบนี้ไปอย่างไร
ภายในห้องพิเศษเงียบสงัด บรรยากาศอึมครึมมาก เสี่ยวเหยียนคอยแอบมองหานชิงอยู่บ่อยๆ
หานชิงจะไม่รู้สึกถึงสายตาที่หล่อนมองอยู่ได้อย่างไร? เขาเม้มปากแน่น สุดท้ายเงยหน้าขึ้นมามองตรงไปที่หล่อน
“ที่ผมบอกคุณไปเมื่อครั้งที่แล้ว คุณจำได้ใช่ไหม?”
“ห้ะ?” เสี่ยวเหยียนตื่นเต้นจนเงยหน้าขึ้นมามองหานชิง ซึ่งบังเอิญสบสายตาอันเย็นชาคู่นั้นของเขาพอดี “อะ…อะไรนะคะ?”
“เรื่องที่คุยกับคุณที่บ้านตระกูลหานเมื่อครั้งที่แล้ว คุณลืมหมดแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนหยุดชะงักไป จากนั้นจึงได้สติขึ้นมาว่าหานชิงกำลังหมายถึงเรื่องอะไร สีหน้าของหล่อนซีดลงทันที จากนั้นพยักหน้าลง
“มะ…ไม่ลืมค่ะ ฉันยังจำได้อยู่”
จำได้เหรอ?
สายตาของหานชิงมองอย่างลึกซึ้งมากขึ้น นิ้วที่กำลังเคาะอยู่บนโต๊ะ เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ เสี่ยวเหยียนนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ยังไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ หรือหานชิงจะปฏิเสธหล่อนอีกครั้งที่นี่?
เมื่อคิดเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนก้มหน้าเศร้าทันที ไม่กล้าพูดอะไร
“ในเมื่อจำได้ ทำไมยังนัดผมออกมา?”
หานชิงถามขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวเหยียนตกใจตะลึง จากนั้นเงยหน้าขึ้น : “ฉัน…ฉัน…”
หล่อนไม่รู้ว่าควรจะอธิบายยังไง หล่อนแค่อยากเจอเขา อยากนัดเดทกับเขา ดังนั้นจึงกล้าพูดออกไป แต่เขาก็ตอบตกลงแล้ว
ขณะนั้นเองพนักงานเดินเข้ามาพอดี “ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง เป็ดราดซอสที่คุณสั่งหมดแล้วค่ะ สามารถเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นแทนได้ไหมคะ?”
“อ๋อ โอเคจ้ะ” สำหรับเสี่ยวเหยียนแล้วพนักงานที่เข้ามาถือเป็นการช่วยหล่อนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดือดร้อนได้พอดี ตอนที่พนักงานยื่นเมนูมาให้ เสี่ยวเหยียนมองซ้ายมองขวา จากนั้นติ๊กเลือก หล่อนสั่งเหล้าขาวหนึ่งขวด
“เปลี่ยนเป็นอันนี้ค่ะ”
พนักงานตกใจตะลึง “คุณผู้หญิง?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตามนี้เลยค่ะ”