บทที่533 เจ้าของงาน
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เม้มริมฝีปากแดงของตัวเอง นึกถึงครั้งก่อนที่ตัวเองปฏิเสธการดูตัวของหานซิงไป
หรือว่า เขาจะเรียกคนอื่นให้มาดูตัวถึงที่บ้าน ?
แต่ว่า ถ้าเป็นการดูตัว ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรับตัวเสี่ยวหมี่โต้วไปด้วยเลย
เป็นไปได้ว่าคราวนี้เรื่องราวจะต้องซับซ้อนกว่าที่เธอคาดคิด
เสี่ยวเหยียน “พี่ชายเธอไม่ได้บอกเธอเหรอว่าทำไม ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็ยักไหล่ “เธอคิดว่าไงล่ะ”
“ไปกันเถอะ” เมื่อพูดจบ หานมู่จื่อก็หมุนตัวกลับ เสี่ยวเหยียนรีบตามไปคว้าแขนเธอ “จะกลับไปจริงๆเหรอ ? ฉันมีลางสังหรณ์ไม่ดียังไงก็ไม่รู้ รู้สึกว่าครั้งนี้มันจะต้องไม่ธรรมดาแน่ เอาเป็นว่า……ให้ฉันไปสอดส่องแทนเธอก่อนไหม เธอกลับไปทานข้าวพักผ่อนก่อนดีไหม ?”
หานมู่จื่อมองเสี่ยวเหยียนด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย “เธอจะขี้กังวลเกินไปหรือเปล่า พี่ชายฉันรับตัวเสี่ยวหมี่โต้วไปแล้ว ก็หมายความว่ายังไงก็ต้องให้พวกเราตามไปให้ได้ ตอนนี้เธอจะไปสอดส่อง ? ยังไงผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม พวกเราไปพร้อมกันเลยเถอะ”
“ก็ได้ ยังไงพี่ชายเธอก็ไม่มีทางทำร้ายเธออยู่แล้ว”
ทั้งสองคนกลับไปบ้านตระกูลหานพร้อมกัน
บ้านตระกูลหานอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว การจะเข้าไปบ้านตระกูลหานจะต้องผ่านถนนเส้นยาว เวลาปกติที่นี่จะเงียบสงบมาก แต่วันนี้การจราจรบนถนนกลับแน่นหนา
ตอนที่หานมู่จื่อขับรถเสี่ยวเหยียนก็นั่งอยู่ข้างคนขับ เธอคอยมองรถที่ขับแซงพวกเธอไปไม่หยุด ก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา
“ทำไมวันนี้รถเยอะขนาดนี้ ? ปกติคนไม่เห็นจะเยอะแบบนี้เลย อีกอย่างยังขับเร็วขนาดนี้ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย !”
หานมู่จื่อเหลือบไปมองเธอทีหนึ่ง “เธอได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านข่าวสารไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้เธอตรวจสอบเองไม่ได้หรือไง”
เสี่ยวเหยียน “……ฉันเคยบอกว่าตัวเองเป็นผู้นำด้านข่าวสารตอนไหนกัน อีกอย่างถึงจะบอกให้ตรวจสอบ แต่ตอนนี้ฉันอยู่ในรถของเธอนะ จะให้ไปตรวจสอบยังไง ก่อนหน้านี้ฉันบอกว่าให้ฉันไปสอดส่องก่อนเธอก็ไม่ยอม ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ฉันเกรงว่าข้างหน้าคงจะรถติด”
รถติดคงไม่ ถึงบนถนนรถจะเยอะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นติดขัด
ยิ่งขับไป คิ้วของหานมู่จื่อก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น เสี่ยวเหยียนเองก็เอ่ยปากขึ้นมาตอนนั้นพอดี “เฮ้อ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ารถพวกนี้ไปทางเดียวกับพวกเราเลย พวกเขาคงไม่ได้จะไปบ้านตระกูลหานใช่ไหม ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คิ้วของหานมู่จื่อก็ขมวดแน่นกว่าเดิม มองดูรถหลายคันที่ดูคุ้นเคยเหล่านั้น ไม่พูดไม่จา
ฝั่งเสี่ยวเหยียนก็เริ่มคาดคะเนไปต่างๆนาๆ “วันนี้มันวันอะไรกันแน่ ทำไมถึงไปที่บ้านตระกูลหานกัน หรือว่าจะมีกิจกรรมอะไร ?”
กิจกรรม ?
สีหน้าของหานมู่จื่อย่ำแย่ขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่า……ตัวเองน่าจะเดาออกแล้วว่าหานซิงกำลังทำอะไร
ตอนที่ไปถึงบ้านตระกูลหาน ก็เห็นว่าลานจอดรถมีรถจอดเต็มไปหมดตามคาด อีกอย่างแถวหน้าประตูก็มีรถจอดอยู่เต็มไปหมด หน้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลหานก็เต็มไปด้วยผู้คน ดูคึกคักเป็นพิเศษ
เสี่ยวเหยียนปลดเข็มขัดนิรภัยออก พร้อมกับพูดขึ้น “คึกคักจังเลยนะ ดูเหมือนตระกูลหานจะไม่เคยคึกคักขนาดนี้มาก่อนเลยใช่ไหม ?”
หานมู่จื่อยังไม่ทันได้ตอบ ก็มีคนวิ่งเข้ามา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้ารถของเธอ
“คุณลุงหนานนี่เอง” เสี่ยวเหยียนลดกระจกรถลง “ลุงหนาน”
ลุงหนานส่งยิ้มให้เสี่ยวเหยียน จากนั้นก็หันไปมองหานมู่จื่อ “คุณมู่จื่อ คุณส่งกุญแจให้ผมเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วยขับไปจอดด้านหลังให้”
หานมู่จื่อชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะลุงหนาน ฉันขับไปเองก็ได้”
“คุณมู่จื่อ ส่งกุญแจให้ผมเถอะครับ คุณท่านกำลังรอคุณอยู่”
หานมู่จื่อ “……เข้าใจแล้ว”
เธอส่งกุญแจรถให้ลุงหนาน จากนั้นก็ลงรถไปตามเสี่ยวเหยียน เพราะว่าทั้งสองคนยังใส่ชุดเดิมที่ใส่ไปทำงาน ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยเด่นสะดุดตาเท่าไหร่
หลังจากลงรถ เสี่ยวเหยียนก็ดึงเสื้อบนตัว แล้วหันไปมองรอบๆ
พบว่าคนที่ลงมาจากรถต่างก็ใส่ชุดทางการ แล้วก็มีหลายคนที่เดินเข้างานกันเป็นคู่ แต่ส่วนมากก็มาคนเดียว แล้วยังเป็นผู้ชายเสียส่วนมาก
“พวกเขาใส่ชุดทางการกันหมดเลยนะ วันนี้มันวันอะไรกันแน่เนี่ย ?”
“เข้าไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
ทั้งสองคนถูกแม่บ้านพาเข้าไปในเส้นทางอื่น เลยหลบเลี่ยงผู้คนได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งเดินเข้าไปข้างในก็ยิ่งไร้แววผู้คน หานมู่จื่อขมวดคิ้ว “ไหนบอกว่าพี่ชายกำลังรอฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ ?”
“ใช่ค่ะคุณมู่จื่อ แต่คุณท่านบอกว่า ให้พวกเราพาคุณมู่จื่อไปเปลี่ยนชุดแต่งตัวก่อน”
แต่ตัว ? หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนสบตากันหนึ่งที เสี่ยวเหยียนชี้ไปที่ตัวเอง “แล้วฉันล่ะ ?”
“คุณเสี่ยวเหยียนก็เช่นกันค่ะ”
เสี่ยวเหยียน “……ดูท่าว่าคืนนี้จะมีกิจกรรมจริงๆ แต่ว่าช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม ว่ามีกิจกรรมอะไรเหรอ ?”
แม่บ้านยิ้มอบอุ่น “อีกเดี๋ยวคุณทั้งสองคนก็จะทราบเองค่ะ”
เอาเถอะ ถามไปก็เสียเปล่า
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนถูกพาเข้าไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกัน ตอนที่หานมู่จื่อมองเห็นชุดก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อเทียบกับชุดของเสี่ยวเหยียนแล้ว ชุดของเธอดูอลังการมากเป็นพิเศษ
“โอ้โห” เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาเอาคางเกยกับไหล่ของเธอ “นี่พี่ชายของเธอเปลี่ยนโฉมเธอเพื่อแนะนำให้คนอื่นรู้จักเหรอ ดูท่าว่างานเลี้ยงคืนนี้จะเตรียมไว้เพื่อเธอเลยนะ”
หานมู่จื่อ “……”
ชุดที่อลังการขนาดนี้ หานมู่จื่อมองไปทางแม่บ้านที่อยู่ข้างๆ “จำเป็นต้องใส่จริงๆเหรอ ?”
แม่บ้านพยักหน้า “คุณท่านกำชับมาค่ะ คุณมู่จื่อต้องใส่ชุดนี้ ชุดนี้สั่งทำเป็นพิเศษ และส่งตรงมาจากต่างประเทศเลยนะคะ”
ดูท่าว่าวันนี้ยังไงเธอก็ต้องใส่ หานมู่จื่อพยักหน้า “ก็ได้”
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จก็เริ่มแต่งหน้าทำผม ที่จริงยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่างานเลี้ยงจะเริ่ม แต่เพราะทุกคนต่างก็ตื่นเต้นที่ได้รับบัตรเชิญจากตระกูลหานก็เลยรีบมาก่อนเวลา และก็อยากมาชมบ้านตระกูลหานด้วย
ยังไงก็ตาม ในเวลาปกติแต่ละคนก็ไม่ได้มีโอกาสเหยียบย่างเข้ามาในนี้
ในเมืองเป่ย นอกจากเย่โม่เซินแล้ว ทุกคนต่างก็อยากเหยียบย่างเข้ามาในนี้กันทั้งนั้น
*
“คุณลุงฮะ หม่ามี๊กับน้าเสี่ยวเหยียนพวกเขามาหรือยังฮะ”
“อืม แม่บ้านพาพวกเธอไปเปลี่ยนชุดแล้ว”
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวเสี่ยวหมี่โต้วไปหาหม่ามี๊ได้ไหมฮะ ?”
“รอให้ลุงพาหม่าม้าของเธอไปแนะนำให้ทุกคนรู้จักก่อน หลังจากนั้นถ้าเธอว่างแล้วก็ไปหาได้”
“คุณลุงกำลังเปลี่ยนโฉมหม่ามี๊เพื่อหาคู่ดูตัวใช่ไหมฮะ?
“……ลุงแค่อยากจะให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูของตระกูลหาน อีกอย่างบริษัทที่หม่ามี๊เธอทำงานในตอนนี้ยังไม่มีชื่อเสียง ถ้าคนรู้จักมากขึ้น ต่อไปบริษัทก็จะยิ่งเติบโตขึ้น เข้าใจความหมายของลุงไหม ?”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว ลุงไม่เพียงอยากจะแนะนำหม่าม้าให้คู่ดูตัว ยังอยากแนะนำบริษัทของหม่ามี๊ให้ลูกค้าด้วย”
“……”
“ใช่ไหมฮะคุณลุง”
“อืม นายว่ายังไงก็อย่างนั้นแหละ”
“……”
*
หน้าประตูใหญ่ตระกูลหาน
รถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่เงียบๆ กระจกรถสีดำบดบังเงาของคนที่อยู่ด้านใน
“คุณชายเย่ นี่เป็นบัตรเชิญที่ได้มาจากมือคนอื่น หานซิงคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก แขกที่เชิญมาในครั้งนี้ต่างก็เป็นนักธุรกิจหัวกะทิทั้งนั้น โดยเฉพาะชายโสดเป็นส่วนใหญ่ เจตนาชัดเจนมาก”
ในรถมืดมาก เย่โม่เซินที่อยู่ด้านหลังยกมือขึ้นปลดกระดุมบนเสื้อออกสองเม็ด เผยให้เห็นลูกกระเดือกและไหปลาร้าอันแสนเย้ายวน หน้ากากที่สวมอยู่บนใบหน้าสะท้อนแสงเป็นประกาย ริมฝีปากบางใต้หน้ากากยกขึ้น
“อยากแนะนำผู้หญิงของฉันให้คนอื่นรู้จัก ก็ต้องถามฉันก่อนว่าฉันยอมหรือเปล่า”