บทที่ 489 แม้การปรากฏตัวของฉันก็เป็นความผิดหรือ
หลังจากนั้นเธอก็ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อเลือกผลไม้จำนวนหนึ่งเรียบร้อยแล้วก็ออกมาพบกับรถของเซียวซู่่
เมื่อเห็นเซียวซู่่กวักมือเรียกเธอ หานมู่จื่อก็เดินเข้าไป
จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนรถเพื่อไปโรงพยาบาล
ระหว่างทาง เซียวซู่่ลังเลที่จะพูดและก็หยุดลง แต่เมื่อมองดูสิ่งของที่เธอเตรียมมา กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
จนกระทั่งมาถึงประตูโรงพยาบาล ขณะที่หานมู่จื่อกำลังเตรียมจะเปิดประตูลงออกไปจากรถ เซียวซู่ก็หยุดเรียกเธอไว้
“คุณ คุณShelly”
ได้ยินแบบนั้น หานมู่จือจึงหยุดขยับมือ จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆหันกลับมา
“พูดสิ ฉันเห็นคุณกลั้นมาตลอดทางแล้ว”
เธอพูดอย่างนี้ เซียวซู่่ก็หน้าแดงขึ้นมาชั่วคราว เลียริมฝีปากของตนเองอย่างเก้อเขิน แต่เมื่อนึกถึงคุณชายเย่ เขาจึงรีบพูดออกไป
“คุณยังรักคุณชายหรือเปล่า”
เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้หานมู่จื่อตกตะลึงอยู่กับที่
เธอคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เซียวซู่่อาจจะพูดกับเธอ กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา
ยังรักเขาไหมงั้นหรือ
“ผมพูดตามตรง คุณชายเย่ให้ผม…เรียกคุณว่าคุณนายน้อย”
หานมู่จื่อ “……”
“ดังนั้นผมจึงอยากจะถามแทนคุณชายเย่ว่า คุณยังรักเขาหรือเปล่า”
บรรยากาศเงียบลงไป ไม่มีเสียงใดๆอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
สักพักใหญ่ หานมู่จื่อก็ค่อยๆหันกลับมา สายตาจับจ้องไปยังเซียวซู่
“เซียวซู่่” เธอเรียกชื่อเขา “เรื่องที่คุณทำให้ฉันในตอนนั้น ฉันยังจำไว้ในใจ ฉันรู้ว่าตอนนั้นคุณดูแลฉันดีมาก ฉันรู้ด้วยว่าคุณอยากจะให้ฉันเป็นคุณนายน้อยสองของเย่โม่เซิน แต่มันผ่านไปห้าปีแล้ว จากที่คุณพูดกับฉัน ไม่ใช่คุณนายน้อยอีกต่อไปแล้ว เป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง”
ในใจของเซียวซู่่ถูกหานมู่จื่อวิเคราะห์ออกมาจนหมดสิ้น ครู่หนึ่งเขาก็ก้มศีรษะลงด้วยความลำบากใจ
“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เป็นเรื่องปกติที่คุณจะมีความคิดแบบนี้ แต่ก็เช่นเดียวกัน…อารมณ์ในใจของฉันก็เหมือนกับคุณ”
ได้ยินแบบนี้ เซียวซู่่ก็เงยหน้าขึ้น
“ตอนนี้เย่โม่เซินคิดกับฉัน ก็แค่คนแปลกหน้า”
“อย่างนั้นคุณ…” เซียวซู่่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อ้าริมฝีปากเล็กน้อย “คุณหมายถึง คุณไม่ได้ชอบคุณชายเย่แล้วหรือ”
หานมู่จื่อหันศีรษะไป สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หลายเรื่องราว เมื่อเวลาผ่านไป ก็ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดให้มาก”
เวลาเป็นยาที่ดีจริง ๆ ตอนแรกคิดว่า…ไม่คิดว่าตนเองจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แต่ไม่คาดคิดว่าเพียงพริบตาก็ผ่านมาห้าปีแล้ว
อีกอย่างเธอ…แม้ว่าจะมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในใจเมื่อได้เจอกับเขา
แต่มันคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จะต้องเป็นผู้ชายคนนี้
นึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็ยิ้มเล็กน้อย
“นายคิดว่า ตอนนี้ฉันพัวพันกับคุณชายเย่ของนายหรือ เซียวซู่่ ตอนนี้เขาช่วยฉันไว้ ดังนั้นฉันจึงต้องรับผิดชอบดูแลเขา อีกอย่างเขาก็เป็นลูกค้าของฉัน นายวางใจเถอะ รอให้แผลเขาหายดี และตอบแทนเขาเสร็จสิ้นแล้ว ฉันก็จะเป็นคนออกห่างจากเขาเอง และจะกลายเป็นคนแปลกหน้าไป ดังนั้น นายไม่ต้องกังวลว่าฉันจะทำร้ายอะไรคุณชายเย่”
ได้ยินสิ่งนี้ เซียวซู่่ก็เข้าใจความหมายของหานมู่จื่อ
เขาพูดอย่างกัดฟัน “แล้วคุณยังรู้ไหมว่า ไม่ว่าตอนนี้คุณจะทำอะไร ก็ล้วนแต่จะทำร้ายคุณชายเย่ ตั้งแต่วันแรกที่คุณปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของคุณชายเย่ การบาดเจ็บนี้ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานเธอก็มองไปยังเซียวซู่๋อย่างขมุกขมัว
“แล้วยังไง นายหมายถึง…แม้การปรากฏตัวของฉันก็เป็นความผิดหรือ”
เซียวซู่่ “ผม…”
ถูกหานมู่จื่อมองด้วยสายตาเช่นนี้ เซียวซู่่ก็รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิดไป จึงได้แต่มองออกไป พูดด้วยเสียงต่ำ “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“งั้นนายหมายความว่าอย่างไร” หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย สายตาไร้ซึ่งความอบอุ่น ไม่ทันรอให้เซียวซู่่ปริปาก หานมู่จื่อก็พูดขึ้นมาก่อน “เอาล่ะ จริง ๆฉันก็รู้ว่านายหมายถึงอะไร แต่นายไม่สามารถจะเปลี่ยนวิถีการกระทำของฉันตอนนี้ได้ ฉันเพิ่งจะบอกคุณไป สิ่งที่ฉันต้องการจะทำในตอนนี้ รอให้ฉันทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น ฉันก็จะออกห่างจากเขาเอง นายไม่ต้องกังวลไปหรอก วันนี้ขอบคุณมากที่มาส่งฉัน ฉันขอตัวเข้าไปก่อน”
พูดจบ ไม่ทันรอให้เซียวซู่่พูดอะไร หานมู่จื่อก็ผลักเปิดประตูแล้วลงจากรถ
เธอไม่ให้โอกาสเซียวซู่่ได้ปริปากพูดอะไรอีก
และเซียวซู่่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่อยากรู้ว่าตอนนี้หานมู่จื่อคิดอะไรอยู่ สุดท้ายแล้วการที่ทั้งสองคนมาพัวพันกันอีกมันไม่ใช่เรื่องดีเลย
เธอพูดถูก ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว เรื่องราวหลายอย่างก็เลือนรางไปแล้ว
แต่เย่โม่เซินล่ะ ทำไมเขาถึง…ยังดื้อยึดติดอะไรขนาดนั้น
การแต่งงานได้รับการยืนกรานปฏิเสธ ห้าปีแล้วที่ยังคงรอเธอมาตลอด
แต่เธอล่ะ เธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หานมู่จื่อถือกระติกเก็บอุณหภูมิเข้าไปในห้องผู้ป่วย เย่โม่เซินกำลังรอเธออยู่ กำลังนอนคว่ำหน้ากอดหมอนสองสามใบอยู่ตรงนั้น
และหนึ่งวันที่เธอไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเอาเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้เขา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการปรับแต่งอย่างพิเศษมาเพื่อเขา มีหมอนสองสามใบรองอยู่ข้างหน้า จากนั้นเขาก็สามารถจะนอนคว่ำลงตรงนั้นได้ มองดูแล้วนุ่มสบายมาก
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่อยากจะลูบสัมผัสมัน
แต่เธอยังต้องเอากระติกเก็บอุณหภูมิไปวางไว้บนโต๊ะก่อน จากนั้นก็มองไปยังเย่โม่เซิน
เมื่อได้ยินเสียง เย่โม่เซินก็ยกศีรษะขึ้นจากหมอน
สายตาของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวันนิดหน่อย แม้ว่าสีหน้ายังดูซีดเซียวอยู่ก็ตาม แต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกาย ดูแล้วเหมือนจะมีแสงสว่างเวลาที่มองไปยังเธอ
“มาแล้วหรือ”
แสงประกายในดวงตาของเขาทำให้หานมู่จื่อตกตะลึง พยักหน้าเบาๆ “อื้ม วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง แผลดีขึ้นบ้างไหม”
เย่โม่เซินไม่พูดอะไร เพียงแต่เอามือกวักเรียกเธอ บ่งบอกให้เธอเดินเข้าไป
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร เขาติดโทรศัพท์ไว้กับตนเอง เธอจึงเดินเข้าไป “มีอะไรหรือ”
เพิ่งมีคำพูดออกจากปาก ข้อมือของเธอถูกเย่โม่เซินจับเอาไว้ จากนั้นก่อนที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เย่โม่เซินก็กดท้ายทอยของเธอลงและจูบเธอ
“?” หานมู่จื่อเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอไม่ได้พบเจอกับสภาพการณ์แบบนี้มานานแล้ว
เธอถูกจูบหรือ
ริมฝีปากที่นุ่มนวลของเย่โม่เซิน ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเล็กน้อย ได้สัมผัสเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยออก ราวกับกลัวการปฏิเสธของเธอ
เมื่อหานมู่จื่อแสดงปฏิกิริยาตอบกลับแบบนั้น เย่โม่เซินก็นอนกลับไปแล้ว
“นาย!” หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างอย่างหงุดหงิด ยกมือขึ้นเพื่อจะตีเขา
เย่โม่เซินจงใจแสดงอาการน้อยใจ “แต่ฉันเป็นคนป่วย”
หานมู่จื่อ “……”
“คุณถามผมไม่ใช่หรือว่าอาการบาดเจ็บแผลดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าได้จูบสักนิด ก็คงจะดีขึ้น”
หานมู่จื่อหัวเราะเย้ย “จริงหรือ อย่างนั้นอยากจะออกจากโรงพยาบาลหรือเปล่า แค่ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาเองไหมล่ะ”
เธอพูดออกไปด้วยความโกรธเล็กน้อย แต่เย่โม่เซินได้ยินแล้วกลับตรงกับเจตนาของเขา “ถ้าคุณเต็มใจเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของผมละก็ อย่างนั้นก็ยินดีเป็นอย่างมาก”
“อย่าแม่แต่จะคิด” หานมู่จื่อกลอกตามองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นถอยไป ยื่นมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก
“ดูสิ คุณไม่เต็มใจ และไม่ใช่ว่าผมไม่อยากออกจากโรงพยาบาล” เย่โม่เซินยกริมฝีปากของเขา ทำท่าทางเหมือนกับจะเลือกเลี่ยงไม่ได้
เจ้าคนเลวนี่
หานมู่จื่อด่าเขาอยู่ในใจ จากนั้นก็หันกลับไปเปิดกระติกเก็บอุณหภูมิ ก็เห็นว่าข้างในมีเพียงข้าวต้มเปล่า ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ที่ได้เอาปลานึ่งให้กับแมวจรจัดเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วจริง ๆ