บทที่234 เธอมีความมั่นใจไหม
ได้ยินว่าตกออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท เสิ่นเฉียวก็รู้เลยว่าเป็นของของโม่เย่เซิน พอรับของมาจากส้งอานก็เก็บกล่องเล็กๆลงในกระเป๋าสูทคืน
การกระทำที่มีมารยาทขนาดนี้ทำให้ส้งอานยกคิ้วขึ้น ยิ้มแล้วพูด: “เธอไม่แปลกใจหรอว่ามันคืออะไร? ไม่อยากเปิดดูหรอ?”
พอได้ยิน เสิ่นเฉียวก็นิ่งไป แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองตาส้งอาน
เปิดดู?
“ฉันดูกล่องนี้เล็กและประณีตมาก ถึงจะเป็นของเขา ฉันดูแล้วเขาก็คงจะซื้อให้คนอื่น อาจจะ…..ซื้อให้เธอก็ได้ เธอก็ลองเปิดดูสิ?”
“นี่…ไม่ดีมั้ง?” เสิ่นเฉียวทำท่าอึดอัดใจ เพราะว่าเปิดดูของของโม่เย่เซินโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต อีกอย่าง…ที่สำคัญที่สุดเย่โม่เซินไม่มีทางซื้อของขวัญให้เธอ
อาจจะ…เขาอาจจะซื้อให้คนอื่น
ส้งอานนื่นมือเอากล่องนั้นมาทันที: “เธอไม่เปิดฉันเปิดเอง ฉันแปลกใจมากว่าโม่เซินจะซื้ออะไร”
พอพูดจบ ส้งอานก็เปิดกล่องออกทันที เสิ่นเฉียวอยากจะห้าม แต่ก็ไม่ทัน
หลังจากที่เปิดออกแล้ว ตุ้มหูเพชรสีชมพูก็แสดงขึ้นต่อหน้า แสงของต่างหูกลมสีชมพูส่องจนทั้งสองตะลึง ส้งอานพูดออกมาอย่างตกใจ: “จริงได้วย ฉันบอกแล้วว่าซื้อให้เธอ”
จ้องตุ้มหูกลมสีชมพูนั้นไว้ เสิ่นเฉียวหยุดหายใจไปสักพัก เธอนึกว่าตัวเองดูผิด
ต่างหูคู่นี้…..
ครั้งที่แล้วพวกเขาไปซื้อของ คู่ที่เสี่ยวเหยียนเลือกให้เธอ ตอนนั้น…เธอก็ลองใส่ดู แต่ว่าราคาของต่างหูคู่นี้แพงมาก สุดท้ายเสิ่นเฉียวก็ไม่ได้ซื้อ ตอนนั้นเย่โม่เซินจะซื้อให้เธอ แต่เธอปฏิเสธ
จากนั้นเธอก็เดินจากไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะซื้อไว้?
แต่ว่า เขาซื้อตอนไหนกัน พอซื้อแล้วทำไมไม่ให้เธอ?
คิดถึงดวงตาและคิ้วของเขา เย่โม่เซินในเวลาปกติก็ไม่ยิ้มไม่พูด ตอนที่ไม่พูดทำให้รู้สึกอึดอัด พอเวลาพูดก็ปากร้าย คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเขาจะซื้อตุ้มหูคู่นี้ จากนั้นก็วางไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของเธอ
“ดูจากสีหน้าเธอแล้ว เหมือนจะไม่ปกติ? ทำไมหรอ?” ส้งอานเห็นเธอมองจ้องตุ้มหูสีชมพูนั้นไว้นิ่งๆ ก็ถามอย่างแปลกใจ
ได้ยินเสียงของเธอ เสิ่นเฉียวถึงค่อยเลิกเหม่อลอย ส่ายหน้า: “ไม่มีอะไร”
เธอมองไปทางอื่น ในใจก็ยังคงแปลกใจ เพราะอะไรทำไมเย่โม่เซินถึงซื้อตุ้มหูคู่นี้ให้เธอ? ทั้งทั้งที่….เขาไม่ได้เกลียดเธอ
“ผิวของเธอขาวมาก ตุ้มหูคู่นี้เหมาะกับเธอมาก” ส้งอานวางกล่องไว้บนมือเธอ ยิ้มแล้วพูด: “ฉันไม่เคยเห็นโม่เซินซื้อของให้ผู้หญิงคนไหนเลย”
“น้าคะ น้าอาจจะเข้าใจผิดแล้ว นี้อาจจะไม่ได้ซื้อให้ฉันก็ได้” กล่องนั้นถูกวางลงบนมือของเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าเหมือนกับจับโดนของอะไรที่มันหนักมาก รีบรับไว้อย่างดี แล้วก็ปิดกล่องอย่างระวัง ท่าทางที่ระวังมาก
ส้งอานยิ้ม เหมือนว่าเข้าใจอะไรขึ้นมาทันที แต่ว่าเธอเขิล งั้นเธอที่เป็นน้าก็ไม่พูดแล้ว
จากนั้นส้งอานก็ไปทำอาหาร ทั้งสองคนกินอาหารเรียบง่ายด้วยกัน เสิ่นเฉียวกินข้าวถ้วยนึงอย่างผิดปกติ ส้งอานเห็นความอยากอาหารเธอดี ก็พูด: “เธอควรกินเยอะกว่านี้หน่อย ผอมเกินไปแล้ว ไม่ดีกับลูกในท้องนะ”
พอพูดจบ ส้งอานก็ลุกขึ้นตักซุปไก่ให้เธอ: “ดูแล้วเหมือนสารอาหารไม่ครบ อย่าให้คนอื่นว่าว่าโม่เซินไม่ดีกับเธอ ต่อไปต้องกินเยอะหน่อย ถ้ารู้สึกว่าที่พวกเขาทำเธอไม่ชอบ ก็มาหาน้าบ่อยๆได้”
“ขอบคุณค่ะน้า แต่ว่า…ฉันมารบกวนน้าทุกวันไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไรหรอก” ส้งอานยิ้ม: “เพราะน้าเป็นญาติคนเดียวบนโลกนี้ของโม่เซิน”
ได้ยินเรื่องชีวิตของเย่โม่เซินอีกครั้ง ในใจของเสิ่นเฉียวก็แปลกใจ เพราะจากปากของเย่หลิ่นหานนั้น แม่ของเย่หลิ่นหานไม่ได้อยู่ในบ้านของตระกูลเย่ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาเองก็เพิ่งกลับมา ให้ความรู้สึกผิดๆที่เหมือนว่าเขาเป็นลูกชู้
“ข้างนอกพูดกันว่า เย่โม่เซินเป็นลูกชู้ของตระกูลเย่?”
กำลังคิดอยู่ ส้งอานก็ถามขึ้น
เสิ่นเฉียวรีบดึงสติกลับมา มองส้งอานด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอคิดอะไรอยู่?
“จริงๆแล้วนั้นไม่ใช่ความจริง” ส้งอานวางตะเกียบลง ดึงทิชชูออกมาเช็ดปากเบาๆ ท่าทางที่อ่อนโยนและพูดขึ้น: “ตอนนั้นพ่อของโม่เซินทิ้งแม่ของโม่เซินไป ก็คือพี่สาวของฉันเอง”
“พี่สาวของฉันชื่อว่าส้งซิง พ่อของโม่เซินจีบเธอ ทุ่มเทหลายวิธีมาก พี่สาวของฉันเป็นคนใจอ่อน ถูกพ่อของโม่เซินตามก็ยอมคบด้วย ต่อมาทั้ง2ก็รักกัน ก็อยู่ด้วยกัน แต่แต่งงานได้ไม่นาน พ่อของโม่เซินก็มีชู้”
พูดถึงที่นี่ ส้งอานก็นิ่งไปสักพัก จากนั้นก็พูดต่อเสียงเบา: “ถึงแม้ว่าพี่สาวของฉันจะเป็นคนใจอ่อน แต่ว่าเธอก็เข้มแข็งมาก ผู้หญิงที่เข้มแข็งที่ไหนจะยอมให้ผู้ชายของตัวเองนอกใจ? อย่าว่าเป็นร่างกายเลย แค่ความรู้สึกก็ไม่ได้ พี่สาวเป็นคนที่ไม่ยอมคน ก็เลย….”
“ก็เลยไม่ให้โอกาสพ่อของเย่โม่เซิน จากไปทันที ใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวพูดต่อ
พอได้ยิน ส้งอานก็มองไปหาเธอ ในสายตามีความรู้สึกชื่นชม พยักหน้า: “ใช่”
“พี่สาวเป็นคนที่ไม่ยอมง่ายๆ อีกอย่างตอนนั้นผู้ชายคนนั้นสัญญาอย่างดี ใครจะไปรู้ว่าจะเปลี่ยนใจเร็วแบบนี้ พี่สาวก็เลยไปอย่างเด็ดขาด ไม่หันกลับมา ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะมาขอร้องให้เธอกลับไป และก็ไม่ได้ร้องไห้เพื่อผู้ชายคนนั้นอีก แต่ว่าผ่านไปไม่นาน ผู้ชายคนนั้นที่ดูเหมือนจะรักเธอมาก ก็พาชู้คนนั้นเข้าบ้าน”
“อะไรนะ?” เสิ่นเฉียวตกใจตาโต: “พาชู้เข้าบ้าน งั้น…..”
“ตกใจมากใช่ไหม แต่ว่าหลายครั้ง ผู้ชายก็เปลี่ยนง่ายแบบนี้ วินาทีก่อนหน้านี้อาจจะบอกว่ารักเธอ แต่วินาทีต่อไปก็อาจจะรักผู้หญิงคนอื่น”
“แน่นอน” ส้งอานเปลี่ยนเรื่องคุยทันที: “โม่เซินไม่ใช่คนแบบนี้แน่นอน ในเมื่อ—แม่ของเขาสอนเขามาโดยตลอด เขาเหมือนกับพี่สาวฉันมาก เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ต้องเป็นห่วง ว่าเขาจะไปรักผู้หญิงคนอื่น”
พอได้ฟัง มือของเสิ่นเฉียวก็สั่น เย่โม่เซินก็เป็นคนที่เข้มแข็งเหมือนแม่ของเขา
“กลัวแค่ว่า เขาคนที่เข้มแข็ง…จะยิ่งต่อต้านการแต่งงานแบบนี้ ไม่ใช่หรอ?”
“ใช่สิ ต่อต้านก็เรื่ิองนึง แต่ว่า….ควบคุมหัวใจไม่ได้ ใจมันรักไปแล้วก็อีกเรื่องนึง เธอคิดว่าไงล่ะ?”
“เริ่มแรกเขาอาจจะต่อต้าน แต่ว่าทั้งหมดที่เขาทำ ในใจเธอเองก็รู้ ไม่ใช่หรอ? ฉันเจอเธอหลายครั้ง เขาก็กำลังทำอะไรอยู่ คนเป็นน้าอย่างฉันก็เห็น”
“เสิ่นเฉียว น้าเรียกเธอเฉียวเฉียวดีกว่า น้ารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ว่าโม่เซินเป็นคนที่อ่อนไหวกับความรู้สึก อาจจะต่อต้านมาก เพราะฉะนั้น…เธอมีความมั่นใจไหม?”