ป้าหยูไม่วางใจ “ป้าเห็นสีหน้าไม่ดีเลย”
หลินซินเหยียนหมุนตัวหันหลังให้ป้าหยู “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ป้าไปต้อนรับแขกก่อนเถอะค่ะ”
ป้าหยูได้แต่รับคำว่าได้ค่ะ
รอจนป้าหยูไปแล้วหลินซินเหยียนทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ยากที่จะเชื่อจริงๆ เธอไม่สบายใจมาก สับสนกระวนกระวายอย่างมาก
เธอพยายามให้ตนเองใจเย็น อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรไปหาจงจิ่งห้าว
ห้องทำงานท่านประธานว่านเยว่กรุ๊ป
จงจิ่งห้าวในเวลานี้สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ เนคไทผูกไว้อย่างหลวมๆ กระดูกไหปลาร้ามองเห็นได้ชัดเจนจากคอเสื้อที่แหวกเปิดออก แขนเสื้อโค้งงอไปถึงแขนมีเอกสารสองกองวางอยู่บนต๊ะทำงาน เขามีสมาธิจดจ่ออยู่กับเอกสารในมือ ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า “ยังไม่คิดไม่ตกเหรอ”
กวนจิ้งนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ดูนายท่าทางไม่มั่นใจ ยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ย” จงจิ่งห้าวปิดเอกสารในมือวางไว้ด้านข้าง หยิบอีกเล่มหนึ่งขึ้นมา
“ตอนนี้คุณสมหวังไปทุกเรื่องแน่นอนว่าคุณก็พูดแดกดันได้ ตอนแรกคุณก็ไม่ใช่ว่าวิ่งตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งทั้งวันเหรอ…..”
จงจิ่งห้าวที่กำลังพลิกเปิดเอกสารชะงักไปทันที เหลือกตามองผ่านไปอย่างไม่แยแส กวนฉิ้งยอมแพ้ในทันทีในใจคิดว่า มีแต่ตัวเองที่
ทำได้ไม่ยอมให้คนอื่นทำเหมือนตน!
“เฮ้อ อันนั้นฉันพูดเล่น ฮาฮา……”
“พรุ่งนี้ไสหัวกลับมาทำงานด้วย เล่นพอแล้ว” จงจิ่งห้าวสั่งเรื่องสุดท้าย
กวนจิ้งพูดอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “ไม่กลัวว่าผมจะทำพังเหรอครับ”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายที่ไร้ประโยชน์ นายไม่มีอะไรเลย ใครจะอยู่กับนาย” จงจิ่งห้าวถามแทงใจดำ ทำให้กวนจิ้งพูดอะไรไม่ออก
ในทันที
ผู้หญิงที่รับมือยากอย่างกู้หุ้ยหยวนคนนั้น ถึงเวลาต้องดูถูกเยาะเย้ยเขาแน่นอน
กวนจิ้งพยักหน้า ลูกขึ้นยืน ถามว่า “มีอะไรที่ผมทำแทนคุณได้บ้างครับ”
จงจิ่งห้าววางปากกาในมือลง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แสดงความหมายว่าเอกสารสองกองตรงหน้าเขาเอาไปได้เลยกวนจิ้ง “….”
“นี่คุณบีบคั้นผมเหรอ”
“ฉันให้โอกาสนายได้แสดงความสามารถ” จงจิ่งห้าวขยับคอเล็กน้อย
ตี๊ดๆ–
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น เขาหยิบมาแล้วกดปุ่มรับสาย ทางนั้นมีเสียงแหบพร่าดังมา “วันนี้คุณกลับมาเร็วๆหน่อยนะคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
จงจิ่งห้าวฟังออกว่ามีความผิดปกติอยู่ในน้ำเสียงหลินซินเหยียน ถามว่า “คุณเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”
“เปล่าค่ะ กลับมาเร็วๆนะคะ จะดึกแค่ไหนฉันก็จะรอคุณ”
พูดจบเธอก็วางสาย จงจิ่งห้าวหยิบโทรศัพท์ออก คิ้วค่อยๆขมวดขึ้นมามองดูการสนทนาที่ถูกตัดไปบนหน้าจอ แล้วจึงวางโทรศัพท์มือถือลง
กวนจิ้งอุ้มกองเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา “ผมต้องติดหนี้คุณแน่นอน”
จงจิ่งห้าวฉีกมุมปาก “ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้นาย”
จะขึ้นเงินเดือนให้อีกแล้ว เขาจะพูดอะไรได้ ไปทำงานเถอะ
เขาอุ้มกองเอกสารเดินไป
ที่คฤหาสน์ หลินซินเหยียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วเดินออกมา มองเห็นเหวินเสี่ยวจี้แม้จะมีเรื่องอะไรในใจ ใบหน้าก็ยังยิ้มออกมา”ทำไม
พวกคุณมาด้วยกันได้”
ฉินยาพูดว่า “เจอกันตรงที่ประตู”
“ผมกลับมาเยี่ยมซือหานมีเวลาว่างก็เลยมาเยี่ยมคุณพร้อมกับเธอ แล้วเด็กน้อยล่ะครับ ผมอยากอุ้ม” เหวินเสี่ยวจี้ยิ้ม ผิวที่ขาวใสในตอน
แรก เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน เสียงแบบเด็กน้อยเมื่อก่อนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงแตกหนุ่มแล้ว
หลินซินเหยียนพูดว่า “ไม่อยู่ที่บ้านค่ะ”
เฉิงยู่เงินครั้งนี้กลับมาพร้อมกับฉินยา ก็เพื่อที่จะมาหาเด็กน้อยตอนนี้อากาศเย็นเร็ว เขากับจวงจื่อจิ่นพาลูกน้อยออกไปแล้ว
“อ๋อ” เหวินเสี่ยวจี้ผิดหวังเล็กน้อย
หลินซินเหยียนนั่งลง ถามว่า “คุณกลับมาเยี่ยมซือหาน เธอไม่อยู่ที่กรมทหารแล้วเหรอคะ”
“ไม่อยู่ตั้งนานแล้วครับ” เหวินเสี่ยวจี้เกาศีรษะ “เธอตั้งท้องแล้ว”
“จริงเหรอ” หลินซินเหยียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ยินดีกับคุณด้วย จะได้เป็นคุณพ่อแล้ว”
แววตาของฉินยามองไปที่ท้องน้อยของเฉินซือหานนัยน์ตาสีดำก็ฉายความท้อแท้ผิดหวังอย่างรวดเร็ว
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คนอื่นมีลูกได้ แต่เธอมีไม่ได้
เธอหลบสายตาอย่างเงียบๆ
เหวินเสี่ยวจี้ที่จะได้เป็นคุณพ่อครั้งแรกเฝ้ารออย่างตื่นเต้น ตอนนี้มีความเขินอายเล็กน้อยด้วย
“พวกเราซื้อของขวัญมาให้ลูกน้อย” เฉินซือหานยื่นของที่ซื้อมา หลินซินเหยียนยื่นมือไปรับ พูดว่า “ขอบคุณค่ะ มาก็มา ครั้งหน้าไม่ต้อง
ซื้ออะไรมาแล้วนะ ในบ้านไม่ได้ขาดเหลืออะไร เขาโตเร็ว ไม่ทันไรก็ทิ้งสิ้นเปลืองเปล่าๆ”
เฉินซือหานยิ้มแล้วพูดว่า “แบบนั้นก็มามือเปล่าไม่ได้อยู่ดี”
“ไม่ต้องเกรงใจ” หลินซินเหยียนพูด
“งั้นต่อไปฉันมาเที่ยวเล่นหาคุณได้มั้ยคะ คุณเคยมีลูกมีประสบการณ์” เฉินซือหานยังกลัวว่าในใจหลินซินเหยียนจะไม่สบายใจเรื่องก่อน
หน้านี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ความจริงแล้วในใจเธอก็ยังไม่สบายใจ แต่ว่าเธอรู้ดีว่าหล่อนโง่เขลาเบาปัญญา ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นออกมา
หลังจากคบหาอยู่กับเหวินเสี่ยวจี้แล้ว เธอก็เข้าใจเรื่องราวมากมาย
เธอหวงแหนทะนุถนอมชีวิตที่เงียบสงบในตอนนี้
“ได้แน่นอน” หลินซินเหยียนยิ้มพลางเอ่ยว่า
“ใช่แล้ว เสี่ยวจี้เขาได้เป็นหัวหน้ากองแล้วนะคะ” เฉินซือหานพูด
“จริงเหรอ” หลินซินเหยียนมองไปยังเหวินเสี่ยวจี้ “คุณเป็นหัวหน้ากองที่อายุน้อยที่สุดเลยหรือเปล่า ฉันดีใจกับคุณด้วย”
“นี่ไม่ใช่เป้าหมายของผม ผมต้องฟื้นฟูตระกูลเหวินให้รุ่งเรื่องขึ้นมา” เหวินเสี่ยวจี้พูดอย่างเคร่งขรึม
หลินซินเหยียนพูดว่า “คุณทำได้”
เฉินซือหานมองในดวงตาที่เปล่งประกายของเหงินเสี่ยวจี้ เมื่อก่อนไม่คิดว่า เธอจะฝากฝังชีวิตไว้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ ความ
พยายามของเขา ความใจกว้างของเขา ช่างน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
เธอเชื่อว่า เขาจะต้องทำให้ตระกูลเหวินกลับมาเจริญรุ่งเรื่องได้อีกครั้ง
สายตาของเฉินซือหานไม่ได้มีการปิดบังเลยแม้แต่น้อย หลินซินเหยี่ยนยิ้มมุมปากเบาๆ ดีใจแทนเธอกับเหวินเสี่ยวจี้
วกไปวนมาทั้งสองตระกูลได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มาอยู่ด้วยกันยามที่อีกฝ่ายตกต่ำที่สุด ก็ต้องมีน้ำใจที่จริงใจต่อกัน ท้ายที่สุด
ก็จะเห็นความจริงในความทุกข์ยาก