บทที่ 19 พลังที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้
วันต่อมาเรียวได้มาสนามฝึกที่ 3 กับคุชินะ หลังจากที่ซ้อมต่อสู้แล้ว คุชินะก็สามารถจับทางและเทคนิคของเรียวได้ ทำให้เรียวสู้ได้ไม่ถึง 1 นาทีเลยด้วยซํ้า
หลังจากที่ออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จแล้วคุชินะกับเรียวเสร็จพวกเขาก็บ่นกันเรื่องรุ่นที่ 3 กับมินาโตะ
อาจจะเป็นความรู้สึกส่วนตัวของคุชินะก็ได้ที่เธอไม่ได้รับรู้สึกถึงอะไรเลยนอกจากความหวังดีจากเรียว จากนั้นเธอก็เริ่มเปิดใจให้กับเรียวทีละน้อยๆ
นินจาส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไม่กล้าคุยกับเธอที่มีผมสีแดงเหมือนกับพริกฮาบาเนโร่ เธอจึงไม่มีเพื่อนให้คุยมากนัก การกระทำของเรียวทำให้เธอเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันได้ไม่ถึง 2 วันแต่เขาก็ได้รับความเชื่อใจจากคุชินะแล้ว
“เจ้าเฒ่าหงํ่าเหงือกนั้นไม่ยอมให้ชั้นไปทำภารกิจสักที เจ้าแก่นั้นมีปัญหาอะไรกับจักระ 9 หาง? ชั้นควบคุมมันได้ย่ะ!”
คุชินะพูดสิ่งที่เหมือนจะเป็นความในใจของเธอออกมาหมด ถึงเธอจะดูเหมือนไม่ค่อยระวังตัว แต่ว่าเรียวเป็นหนึ่งในเพื่อนใหม่ของเธอก็ว่าได้ และคนส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงเธอเพราะว่ากลัวพลังของจิ้งจอก 9 หาง
“เออ พี่สาวคุชินะ ไม่ใช่ว่าเรื่อง 9 หางนี้ต้องเก็บเป็นความลับไม่ใช่หรอครับ?” เรียวได้ถามออกมา ทำให้คุชินะถอนหายใจออกมา สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เธอตบไหล่ของเขาก่อนที่จะพูดว่า
“ชั้นรู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้กับเธอ แต่ชั้นรู้ว่าเธอจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
เมื่อเรียวได้ยินเช่นนั้นเขาก็นิ่งไปพักนึง เขาไม่คิดว่าวันนี้เขาจะได้ความเชื่อใจจากคุชินะได้มากขนาดนี้!
“เธอไม่แปลกใจกับเรื่องนี้บ้างหรอ?” คุชินะถามเรียวออกมา
“ก็ผมรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แถมผมยังได้อ่านหนังสือมากมายในห้องสมุด มันเป็นสัญลักษณ์ของพลังของสัตว์หางไม่ใช่หรอครับ?”
ในโคโนฮะมีหนังสือแบบนั้นจริงๆด้วย เขาบังเอิญได้อ่านมันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
“แล้ว…เธอไม่กลัวบ้างหรอ?” เสียงของเธอดูแผ่วเบาเล็กน้อย แม้แต่ตาของเรียวเธอก็ยังไม่กล้ามอง
“แน่นอนว่าผมไม่กลัว ยังไงซะร่างสถิตย์ของสัตว์หางเองก็เป็นมนุษย์เหมือนเราๆ และพวกสัตว์หางก็ไม่ได้นิสัยแย่ไปทุกตัว ผมยังได้ยินลุงซาคุโมะพูดว่า 7 หางเองก็เป็นสัตว์หางที่เป็นมิตรมาก แถมยังเป็นเพื่อนกับร่างสถิตย์ของเขาด้วย ในหมู่บ้านหมอก พี่สาว ไม่ใช่ว่าพี่เป็นเพื่อนกับ 9 หางหรอกหรอ?”
เรียวรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุรามะ มันเป็นแค่จิ้งจอกตัวใหญ่เท่านั้นเอง เมื่อเข้าใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร
คุชินะที่ได้ยินคำพูดของเรียวก็เงียบไปชั่วครู่ เธอนั้นไม่ได้เกลียดคุรามะ และพูดกับคุรามะบ่อยครั้ง ถึงแม้ว่า 9 หางจะไม่ตอบก็ตาม
คุรามะเป็นหนึ่งในผู้ฟังที่ดีสำหรับเธอ ถึงแม้ว่าเจ้า 9 หางตัวนี้จะไม่เคยตอบอะไร เธอคิดว่าเธอกับคุรามะอาจจะเป็นถึงเพื่อนกันเลยด้วยซั้า เธอไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคุรามะเท่าไหร่ แต่คุรามะก็ให้เธอยืมจักระใช้อยู่บ่อยครั้ง
คำพูดของเรียวทำให้เธอคิดว่า สัตว์หาง กับมนุษย์ นั้นสามารถที่จะเป็นเพื่อนกันได้
“อืม แล้วเธอคิดว่าพวกเราจะใช้ชีวิตกับสัตว์หางอย่างสันติได้ไหม?” เธอถาม
“วันนั้นจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน!” เรียวพยักหน้าก่อนที่จะถามต่อ
“แล้วจักระที่พี่สามารถยืมมาจาก 9 หางนี้มากเท่าไหร่หรอครับ?”
“3 หางน่าจะปลอดภัย แต่ถ้าเป็น 4 หางนี้ชั้นควบคุมไม่ได้” คุชินะตอบเรียบๆ
“พี่แสดงพลังนั้นให้ผมเห็นได้ไหม?” เรียวเอ่ยแกมร้องขอ
“ได้สิ!” หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นก่อนที่จะปลดปล่อยพลังสัตว์หางออกมา หนึ่งหาง สองหาง สามหาง! จักระสีแดงได้เข้าเคลือบอยู่ที่ร่างกายของเธอราวกับผ้าคลุม
เรียวเมื่อเห็นพลังอันน่าเกรงขามนี้เขาก็แอบเหงื่อไหลเล็กน้อย นารูโตะนั้นมีพลังครึ่งนึงของคุรามะ และ 4 หางก็มีพลังมากเพียงพอที่จะฆ่าจิไรยะ! ถ้ามีผนึกควบคุมในร่างกายของคุชินะพลังของ 3 ของคุชินะในตอนนี้น่าจะมีเทียบเท่ากับ 4 หางของนารูโตะ
“พี่สาว พี่วิ่งที่ประตูตรงนั้นได้ไหม?” เรียวขออีกครั้ง
เธอพยักหน้า เรียวได้เปิดเนตรวงแหวนก่อนที่จะมองไปที่เธอวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว เขาแทบจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
“ว้าว นี้มันแค่โหมดสามหางนะเนี้ย!” ในอนิเมะนั้นบอกว่าพลังของ 9 หางนั้นมีเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนโลกทั้งใบได้ เมื่อเขาได้เห็นพลังแบบนี้ความสงสัยของเขาที่เคยมีก็หายไปหมด
ในมังงะนั้น มาดาระกับโอบิโตะนั้นสามารถควบคุม 9 หางได้ หากว่านั้นเกิดขึ้นจริงมันคงจะเป็นแรงกดดันที่มากสำหรับเรียว
“เรียว เธอไม่ใช่คนตระกูลยามานากะหรอกหรอ? ทำไมเธอถึงมีเนตรวงแหวนได้ละ?” หลังจากที่คุชินะปิดโหมดสัตว์หาง เธอก็สนใจเกี่ยวกับดวงตาของเรียว
“พ่อของผมคือคนของตระกูลอุจิวะ เรื่องนี้อย่าไปบอกใครละครับ” เรียวเองก็เปิดเผยความลับอีกอย่างของตน
“ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะมีผมสีดำ เอาเถอะเรื่องนี้ชั้นจะเหยียบไว้ให้มิดเลย” คุชินะพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
วันต่อมาคุชินะได้ทำการฝึกซ้อมให้กับเรียว เขาค่อยๆพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ เขาสามารถสู้กับเธอได้นานขึ้น รับแรงกดดันได้มากขึ้น
ตอนนี้เป็นปีที่ 40 เหลืออีกตั้ง 22 ปีถึงจะมีมหาสงครามนินจาครั้งที่ 4 เขาเหลือเวลาอีกตั้ง 22 ปี มันเป็นเวลาที่เหลืออีกบานสำหรับเขา
อีกสองสามวันเรียวได้พบว่าวิธีการต่อสู้ของคุชินะนั้นเรียบง่ายเป็นอย่างมาก เธอแทบไม่ได้ใช้วิชานินจาหรือคาถาลวงตาเลย เธอใช้แค่คาถาแยกเงาและก็ไทจุตสึ (ศิลปะการต่อสู้รูปแบบนินจา ปล.ต่อจากนี้ขอเรียกไทจุตสึนะครับ มันดูสละสลวยกว่า) ทำให้เธอสูญเสียจักระเป็นจำนวนมากซึ่งมันจำเป็นเลย เขาเลยบอกเธอให้เปลี่ยนสไตล์การต่อสู้ ซึ่งมันจะไม่กินจักระเป็นจำนวนมาก
“พี่คุชินะ พี่แยกเงาได้กี่ร่างกันหรอ” เรียวถามออกมา
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวลองดูนะ!” หลังจากนั้นเธอก็ประสานอินออกมาทันที อีกไม่กี่วินาทีตรงที่สนามฝึกนั้นก็เต็มไปด้วยร่างแยกของเธอ
“ว้าว มีกี่ร่างกันเนี้ย?”
“น่าจะพันกว่าๆ ชั้นเพิ่มได้อีกนะ!”
พระเจ้าช่วย! 1000 เลยหรอ!? เรียวคิดอยากจะเป็นคนของตระกูลอุซึมากิแล้วสิ ด้วยจักระที่มากกว่าปกติถึง 2 เท่า จะทำให้เขาสามารถแช่แข็งทั้งสนามรบได้ และก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้แน่อน!
เรียวเริ่มเพ้อฟันแล้วมองไปยังผมสีแดงของเธอ คุชินะได้ตบหลังของเขาดังเพี้ยะ
“พี่คุชินะตีผมทำไมอะ?” เรียวที่ฝันกลางวันอยู่ก็ถูกขัดโดยเธอ
“ชั้นกำลังถามเธอว่า ทำให้เธอถึงให้ชั้นทำแบบนี้ยังไงเล่า!”
“โอ้ ใช่ๆ ผมคิดว่ามีวิชานึงที่น่าจะเหมาะสำหรับพี่!” รอยยิ้มอันชั่วร้ายของเรียวทำให้คุชินะรู้สึกขนลุก
ในขณะที่เขาบอกเธอเกี่ยวกับวิชานี้ เธอได้หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายยิ่งกว่าเขา ทำให้เขาขนลุกเป็นอย่างมาก!