The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 82 สัญญาสิบปี

ตอนที่ 82 สัญญาสิบปี

 

ในขณะที่เซียวเฉินตื่นขึ้นมาดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงอยู่เหนือหัวเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว

 

“ข้าฝืนตัวเองมากไปหน่อย คาดว่าต้องใช้เวลาถึงสามวันเพื่อฟื้นพลังทั้งหมดกลับมา ข้าเหนื่อยล้าจากการใช้ปราณโลหิตมากเกินไป” เซียวเฉินลุกขึ้นและนวดไปที่จุดไท่หยางพร้อมกับเดินไปยังด่านของตระกูลเซียว

 

*** จุดไท่หยางอยู่แถวๆขมับ

 

เมื่อยามสองคนเห็นเซียวเฉินปรากฎตัวขึ้นพวกเขาก็รีบวิ่งตรงเข้ามากล่าวขึ้นอย่างเป็นสุข “นายน้อยสองในที่สุดท่านก็กลับมา ผู้นำตระกูลตามหาท่านไปทั่วตลอดทั้งเช้า ท่านควรรีบตรงไปที่โถงใหญ่โดยเร็ว”

 

เซียวเฉินประหลาดใจพวกเขาตามหาเขามาตลอดทั้งเช้า… จะต้องมีเรื่องอะไรเร่งด่วน หลังจากกล่าวขอบคุณเขาก็รีบตรงไปที่โถงใหญ่ทันที

 

ในขณะนี้คนส่วนใหญ่แยกตัวออกไปหมดแล้วเหลือเพียงเซียวฉงและเซียวเฉียง เซียวเฉินรีบวิ่งเข้ามาและกล่าวขึ้น “ขออภัยที่ข้าชักช้า”

 

เซียวฉงมองไปที่เซียวเฉินด้วยสายตางุนงงและถามขึ้น “ทำไมสีหน้าเจ้าดูซีดเซียว? เจ้าไปที่ไหนและทำอะไรมาเมื่อคืน? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ที่ห้องของอวี่หลันและกลับออกไปตอนดึก”

 

เซียวเฉียงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มองเซียวเฉินด้วยสีหน้าตกตะลึง เห็นชัดว่าเขาก็รอฟังคำตอบอยู่เช่นกัน สภาพของเขาในตอนนี้ดูราวกับไปทำอะไรบางอย่างมา นอกจากนั้นด้วยชื่อเสียงของเขาก่อนหน้านี้มันก็ยากที่ผู้คนจะไม่คิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา

 

เซียวเฉินรู้สึกละอายใจและรู้อธิบายขึ้น “ผู้อาวุโสหนึ่งโปรดอย่างเพิ่งเข้าใจผิด เมื่อคืนหลังจากพูดคุยกับเซียวอวี่หลันข้าก็กลับออกมาทันที ที่ข้ามีสภาพเช่นนี้ก็เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างการบ่มเพาะพลัง”

 

“ไม่เป็นไรนั้นไม่สำคัญ เหตุที่ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับศึกสัญญาสิบปี” เซียวฉงเห็นว่าเซียวเฉินกำลังพยายามจะพูดอธิบายต่อ ดังนั้นเขาจึงขัดขึ้นมา

 

มองดูสีหน้าของผู้อาวุโสหนึ่งเซียวเฉินก็อยากอธิบายลงลึกรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตามเมื่อเซียวฉงกล่าวเช่นนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

 

เซียวฉงพูดต่อ “เจ้าคงรู้เกี่ยวกับกฎของสัญญาสิบปีดี ผู้เข้าร่วมที่ถูกเลือกตัวไว้แล้วไม่อาจเปลี่ยนได้ เซียวเจี้ยนและเซียวอวี่หลันไม่อาจเข้าร่วมการประลองได้อีกต่อไป หากมันกดดันเกินไปสำหรับเจ้าข้าก็ไม่บังคับ”

 

“ข้าไม่ได้พูดขึ้นเพื่อพอเป็นพิธี แม้ว่าพวกเราจะเสียภูเขาชีเจี่ยวไปพวกเราก็ทวงมันคืนได้ในอนาคต ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดให้ดีก่อนที่จะให้คำตอบ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นลูกชายของข้า” คำพูดของเซียวฉงตรงไปตรงมาไม่มีความหน้าซื่อใจคด

 

เซียวเฉินตัดสินใจก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรข้าก็จะพยายามต่อไป”

 

เขาได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าผลของสัญญาสิบปีจะเป็นเช่นไรเขาก็วางแผนจะออกไปจากตระกูลเซียวอยู่ดี หากเขาจากไปโดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเขาก็รู้สึกไม่สงบใจ

 

เซียวฉงมองไปที่เซียวเฉินด้วยสายตาภาคภูมิใจก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ “มากับข้า ผู้อาวุโสหนึ่งก็โปรดตามมาด้วย ถึงเวลาที่จะต้องใช้สมบัติที่ตระกูลเซียวสะสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี”

 

หัวใจของเซียวเฉียงสั่นสะท้าน เขารู้ดีว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหน สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึมและให้เกียรติ

 

เซียวเฉินเดินตามพวกเขาทั้งสองไปและเดินมาค่อนข้างไกลตลอดทางพวกเขาได้ใช้ข้อความลับเพื่อเปิดทางสิ่งกรีดขวาง

 

เซียวเฉินเคยมาที่เช่นนี้มาก่อน เขาไม่เคยพบกับข้อความลับ มันเป็นโลกที่ต่างเดิมโดยสิ้นเชิง ในที่สุดคนทั้งสองก็มาหยุดที่หน้าประตูห้องใต้ดิน

 

เซียวเฉียงและเซียวฉงต่างหยิบชิ้นส่วนกุญแจออกมาและประกอบเข้าด้วยกัน พวกเขาใช้กุญแจนั้นเปิดประตูห้องใต้ดิน จากนั้นเซียวเฉินก็ตามพวกเขาทั้งสองเข้าไปข้างใน

 

ห้องใต้ดินจริงๆแล้วเป็นห้องเก็บของลับ ของที่ตระกูลเซียวสะสมมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีถูกเก็บไว้ที่นี่ มีทั้งอาวุธวิญญาณ,เกราะศึก,สมบัติลับ,เม็ดยาและทักษะต่อสู้…ทุกสิ่งอย่างที่ต้องการถูกเก็บไว้ที่นี่

 

เซียวเฉินตกตะลึงในใจเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีห้องเก็บสมบัติขนาดใหญ่เช่นนี้อยู่ในตระกูลเซียว อาวุธวิญญาณทั้งหมดเป็นระดับลึกซึ้ง ยังมีทักษะต่อสู้ระดับลึกซึ้งและเม็ดยาระดับ 4 ระดับ 5 อีกมากมายด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามเซียวเฉินนั้นมีกระบี่เงาจันทร์อยู่แล้ว,รูปสลักไม้ที่เทียบได้กับสมบัติลับระดับสูงและมรดกทักษะต่อสู่ที่สืบทอดมาจากจักรพรรดิสายฟ้า สำหรับคนอื่นๆในตระกูลเซียวของในห้องลับนี่อาจจะทำให้พวกเขาตาลุกวาว แต่กับเซียวเฉินเขาไม่ได้มีความสนใจมากนัก

 

เซียวฉงหยิบชุดเกราะศึกขึ้นมาและพูดขึ้น “สำหรับอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งและทักษะต่อสู้เจ้าไม่ได้ขาดแคลนนัก ชุดเกราะศึกชุดระดับลึกซึ้งนี้ทำมาจากหนังอ่อนของอสูรปีศาจ ในช่วงจังหวะสำคัญมันสามารถช่วยชีวิตเจ้าไว้ได้”

 

เซียวเฉินรับชุดเกราะศึกมาและสำรวจมันจนทั่ว เกราะชุดนี้มันบางมากบางยิ่งกว่าเสื้อผ้าทั่วไปเสียอีกและเคลื่อนไหวได้สบายในยามที่สวมใส่

 

เป็นของดีเซียวเฉินคิดในใจอย่างเป็นสุข เป็นไปได้ยากที่จะหาซื้อชุดเกราะเช่นนี้ตามตลาดทั่วไปและนี่ก็เป็นแบบที่เซียวเฉินต้องการ

 

“สำหรับสมบัติชิ้นอื่นมันอาจจะไม่ได้เข้าตาเจ้า” เซียวฉงหยุดลงครู่หนึ่งมองไปที่เซียวเฉินก่อนที่จะพูดต่อ “เลือกมาอีกสักสองสามอย่าง เจ้าตัดสินใจได้เอง”

 

เซียวเฉินไม่ปฏิเสธและเลือกของมาสองสามอย่าง หลังจากที่เขาสวมชุดเกราะลงบนร่างของเขาเขาก็ออกจากที่นี่ไป

 

หกวันผ่านไปอย่างรวดเร็วและการประลองสัญญาสิบปีในที่สุดก็เริ่มขึ้น

 

ในหกวันที่ผ่านมาเซียวเฉินค้นคว้าเกี่ยวกับทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลัน ทักษะต่อสุ้ของเขาส่วนใหญ่ใช้รากปัญญาแห่งการต่อสู้เปลี่ยนรูปลักษณ์ลอกเลี่ยนมา มันยากที่เขาจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของทักษะได้

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็มีตำราทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันฉบับสมบูรณ์อยู่ในมือ แน่นอนว่าเขาพยายามอย่างที่สุดเรียนรู้ทุกอย่างในตำราด้วยเวลาที่เหลืออยู่โดยเฉพาะสายฟ้าฉับพลันสามโซ่คล้อง ระดับมันอาจจะใกล้เคียงกับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี

 

เมื่อท้องฟ้าส่องแสงเซียวเฉินก็รีบลุกขึ้น คนของตระกูลเซียวได้มารวมตัวกันที่ทางเข้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อเซียวฉงเห็นเซียวเฉินมาถึงเขาก็นำกลุ่มต่อไปที่ลานนักบ่มเพาะพลังทันที

 

การประลองประจำปีของเมืองม่อเหอได้จัดขึ้นมาแล้วเมื่อสามวันก่อน อย่างไรก็ตามทุกคนต่างรู้ว่าเรื่องเด่นประจำปีนี้คือศึกสัญญาสิบปีการประลองกันระหว่างสามตระกูลใหญ่

 

มีฝูงชนมากมายในลานและตระกูลใหญ่ทั้งสามก็เดินแหวกฝูงชนเข้ามาประจัญหน้ากัน บนแท่นหินในลานกว้างมีศาลาอยู่สามหลังจัดขึ้นไว้สำหรับสามตระกูลใหญ่โดยเฉพาะ พวกเขาสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งลานกว้างเมื่อมองจากบนนั้น

 

“ตระกูลเซียวมาถึงแล้ว ไม่ใช่ว่าผู้เข้าร่วมสองคนบาดเจ็บสาหัส? ทำไมพวกเขายังกล้าโผล่หน้ามา?”

 

“มองดูสีหน้ามืดมนของพวกเขา ดูเหมือนที่ว่าผู้เข้าร่วมเกิดบาดเจ็บจะเป็นเรื่องจริง พวกเขามาที่นี้เพื่อลองเสี่ยงดู?”

 

“เจ้าไม่รู้? เซียวเฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขายังมีหวังอยู่”

 

“เซียวเฉิน? ต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนถูกหลายคนลุมผลัดกันสู้ในที่สุดเขาก็ต้องเหนื่อยล้า ข้าว่าตระกูลเซียวจะต้องพ่ายแพ้”

 

เสียงซุบซิบหลากหลายทางบินมาเข้าหูของคนตระกูลเซียวทำให้ใบหน้ามืดมนของพวกเขาดำสลัวลงไปอีก

 

“พี่น้องเซียวไม่เจอกันนาน ในที่สุดเจ้าก็ออกจากการเก็บตัว!” ในขณะที่ตระกูลเซียวกำลังเข้าไปในศาลาผู้นำตระกูลจางและตระกูลถังก็เดินตรงเข้ามา

 

เซียวฉงยิ้มอย่างไม่แยแส “แน่นอนมันก็นานมาแล้ว ถังเทียน ที่ตระกูลจางกับตระกูลเหลิงร่วมมือกันมันอยู่ในการคาดการของข้า ข้าไม่นึกฝันว่าเจ้าจะเอากับเขาด้วย”

 

ถังเที่ยนยิ้มเย็นชา “พวกเราไม่อาจปล่อยให้ภูเขาชีเจี่ยวถูกผูกขาดโดยพวกตระกูลนอก”

 

ผู้นำตระกูลจางก็เปิดปากพูดบ้าง “เซียวฉงพวกเราไม่ได้มาเพื่อพูดไร้สาระ พวกเรามีเรื่องมาหารือกับเจ้า พวกเรามีข้อเสนอมาให้เจ้าลองพิจารณาดู”

 

“เอาเป็นว่าเพื่อลบความบาดหมางระหว่างตระกูลเราในหลายร้อยปีมานี้? หากเซียวเฉินเอาชนะถังเฟิงและจางเหอได้ในวันนี้สี่คนที่เหลือไม่ต้องขึ้นมาสู้ พวกเราจะถือว่าตระกูลเซียวได้รับชัยชนะไป”

 

สมองของเซียวฉงทำงานอย่างหนักคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้นำตระกูลจางหมายความว่าจะส่งเพียงสองคนมาสู้กับเซียวเฉินแต่เงื่อไขก็คือสู้กับทั้งสองคนภายในวันนี้

 

ความตั้งใจของพวกเขาชัดเจน พวกเขาจะใช้กลยุทธ์ทำให้เซียวเฉินอ่อนแรงและไม่ให้โอกาสเขาได้พักฟื้น อย่างไรก็ตามนี่หมายความว่าเขาไม่ต้องสู้ถึงสี่ครั้ง

 

เมื่อเซียวเฉินได้ยินข้อเสนอนี้ดวงตาเขาสว่างใสและเต็มไปด้วยสุขในใจ เขาไม่ได้มีทักษะต่อสู้หลากหลายและหากเขาแสดงพลังมากเกินไปจะกลายเป็นว่าคู่ต่อสู้จะเริ่มจับทางเขาได้ ข้อเสนอนี้ตรงต่อความต้องการของเซียวเฉินพอดี

 

เมื่อเห็นเซียวเฉินพยักหน้าอยู่ในความมืดเซียวฉงก็กล่าวขึ้น “บ้าบอ! คิดว่าข้าจะเห็นพร้อมกับพวกเจ้า? หลังจากที่ตระกูลเหลิงส่งคนมาทำลายผู้เข้าร่วมของตระกูลเซียวเจ้าก็โผล่มากล่าวเช่นนี้? เจ้าคิดว่าข้าเซียวฉงเป็นคนโง่?”

 

ถีงเที่ยนยิ้มขึ้น “เซียวฉงคิดว่าเจ้ามีตัวเลือกอื่น? นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเจ้าแล้ว จากหกสนามลดเหลือเพียงสอง ข้าไม่เห็นว่าทำไมเจ้าจะต้องปฏิเสธ”

 

ผู้นำตระกูลจางกล่าวขึ้น “พี่น้องเซียวข้าส่งคนไปตามท่านเจ้เมืองมาแล้วดังนั้นเจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี”

 

หลังจากนั้นตู้กู่เฟิงก็มาถึงและเมื่อเขาเห็นเซียวฉงเขาก็รีบพูดขึ้น “ยินดีด้วยพี่น้องเซียวในกลับออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว ข้าได้ยินมาว่าผู้เข้าร่วมของเจ้าสองคนได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องจริง?”

 

ไม่รอให้เซียวฉงได้ตอบกลับ ถังเที่ยนก็กล่าวของเสนอของเขาให้กับตู้กู่เฟิง หลังจากตู้กู่เฟิงได้ยินของเสนอนั้นเขาก็มาพึมพำกับเซียวฉง “ตามกฎของการประลองเมื่อกำหนดชื่อผู้เข้าร่วมไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนได้ เซียวฉงหากผู้เข้าร่วมของเจ้าสองคนไม่อาจเข้าร่วมได้จริง เจ้ารับข้อเสนอนี้ไปเป็นเช่นไร?”

 

ในที่สุดภายใต้การแนะนำของตู้กู่เฟิง เซียวฉงก็ถูก ‘กดดัน’ ให้รับข้อเสนอนี้ไป เซียวเฉินผู้ที่ยืนอยู่อย่างอดทนเม็ดเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ทักษะการแสดงของเซียวฉงนั้นระดับสูงเกินไปแล้วแม้แต่เขาก็ยังเกือบถูกหลอก

 

ตู้กู่เฟิงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเวทีในลานนักบ่มเพาะพลัง เผชิญหน้ากับฝูงชนและพูดขึ้น “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประลองประจำปี ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าหลายคนมาที่นี่เพื่อชมการประลองศึกสัญญาสิบปี ตอนนี้ข้าจะขอกล่าวอะไรก่อน”

 

“เป็นเพราะผู้เข้าร่วมสองคนของตระกูลเซียวได้รับบาดเจ็บและไม่อาจมาเข้าร่วมการแข่งขันได้หลังจากปรึกษากันทั้งสามตระกูลตัดสินใจเปลี่ยนกฎของการประลองในนาทีสุดท้าย หากเซียวเฉินล้มจางเหอและถังเฟิงลงได้ตระกูลเซียวก็จะเป็นผู้ชนะไป แต่หากพวกเขาแพ้เพียงนัดเดียวพวกเขาก็จะเสียสิทธิ์ในภูเขาชีเจี่ยวไป”

 

“ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ผู้เข้าร่วมสองคนของตระกูลเซียวบาดเจ็บจะเป็นเรื่องจริง” บางคนข้างล่างกล่าวอย่างตกใจ

 

“ฮ่าฮ่า การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้อาจจะมองว่าเป็นประโยชน์กับตระกูลเซียวแต่แท้จริงแล้วพวกเขาตั้งใจจะใช้กลยุทธ์โม่เซียวเฉินจนเหนื่อย ดูเหมือนตระกูลจางและตระกูลถังจะร่วมมือกัน”

 

“แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเซียวถูกโจมตีโดนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในยามวิกาล ข้าสงสัยว่าทั้งสองตระกูลนั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง”

 

“เจ้าต้องโง่เพียงใด? มันจำเป็นไหมต้องไปสงสัย? ไม่ต้องไปคิดให้เหนื่อยทั้งสองตระกูลนั้นอยู่เบื้องหลังแน่นอนอยู่แล้ว”

 

เสียงซุบซิบโต้เถียงกันไม่จบสิ้นลอยมาเข้าหูของเซียวเฉินแต่ใจของเขาก็ยังสงบนิ่งก่อนที่เข้าจะเดินฝ่าฝูงชนตรงไปที่สนามประลองอย่างช้าๆ เงาของรูปปั้นจักรพรรดิเทียนวู่พาดลงมาที่สนามประลองดึงความรู้สึกให้รุนแรงขึ้น

 

ข้าต้องชนะการประลองในวันนี้ ข้าจะไม่กลายเป็นแท่นหินให้คนอื่นเหยียบขึ้นไป นับหมื่นปีจากนี้ไปข้าจะเป็นดั่งจักรพรรดิเทียนวู่ผู้ยืนอยู่สูงเหนือผู้อื่นโดยไม่อาจล้มลง เซียวเฉินพึมพำในใจ

 

เมื่อเซียวเฉินเดินมาใกล้สนามประลองเขาผลักเท้าเบาๆลอยขึ้นสนามประลองอย่างมั่นคงสายตาของเขาแน่วแน่ ในอีกมุมหนึ่งจางเหอผู้ที่กำลังยืนรอมาสักพักสายตาเย็นชา

 

การต่อสู้สนามแรกของศึกสัญญาสิบปีเริ่มขึ้นแล้ว!

The Soul Purchasing Pirate

The Soul Purchasing Pirate

ข้ามไปยังโลกวันพีชกลายเป็นน้องชายของโรเจอร์ ใครจะคาดคิดว่า โกล ดี โรเจอร์ ที่อยู่ในวัยห้าสิบนั้นจะมีน้องชายที่เป็นวัยรุ่น แต่ถึงยังงั้นเขากลับอ่อนแอมาก โชคดีที่ตอนอายุสิบหกเขาพบว่าตัวเองนั้นมีระบบครอบครองวิญญาณอยู่ เขาได้รวมเข้ากับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อย่างปรมาจารย์ยิปมัน,นกฟินิกซ์เพลิงขาวและ เก๋อ เนี่ย ด้วยความสามารถอันแข็งแกร่งของเขาอย่างดาบบินร้อยก้าว คุณคิดว่าเขามีแค่นี้งั้นเหรอ? ถ้าคุณคิดอย่างนั้นคุณคิดผิด! เพนนางาโตะ,อุจิวะ อิทาจิ,คุโรซากิ อิจิโกะตราบใดที่มีเงินไม่ว่าจะเป็นวิญญาณของใครเขาก็สามารถอัญเชิญมาได้ทั้งนั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset