อันที่จริงแม่หวังเองก็เป็นห่วงว่าหวังชิงชิงจะคิดไม่ตก จนทำเรื่องโง่เขลาอะไรออกมา เคยโทรศัพท์ให้โจวเจิ้งมาเยี่ยม วันที่คนมากมายอยู่ในงานแต่งงานจะเลือกฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะคนที่ไม่เต็มใจเช่นนี้ยิ่งจะทำเรื่องโง่เขลาออกมาได้ง่าย
หวังชิงชิงไม่เต็มใจแต่งงานกับโจวเจิ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะถูกขู่ เธอไม่มีทางกลับมาง่ายดายเช่นนั้นแน่ ลูกสาวตัวเอง แม่หวังยังคงเข้าใจได้ดีกว่า นิสัยเธอดื้อรั้นอย่างมาก เรื่องที่ไม่ชอบไม่มีทางประนีประนอมอย่างเด็ดขาด
เวลานี้ หวังชิงชิงกำลังนั่งอยู่บนระเบียงในห้องตัวเอง เธอเปลือยเท้า สวมชุดนอนค่อนข้างสบายตัว ผมเธอมวยขึ้นอย่างลวกๆ อยู่บ้าง สองตาเลื่อนลอย สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย เธอนั่งกอดขาตัวเองขดตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งของระเบียง มองดูเหี่ยวเฉาหาใดเปรียบ
นิ้วเท้าของเธอยาวได้สัดส่วน นี่คือคนที่สวยตั้งแต่หัวจรดนิ้วเท้าคนหนึ่ง บนกายแทบหาตำหนิใดๆ ไม่ได้เลย หากยืนกรานจะต้องหาตำหนิให้ได้ นั่นก็คือใบหน้าของเธอไร้ความรู้สึกเกินไป!
อันที่จริงการได้พบหน้าฟางเหยียนครั้งสุดท้ายในเวลาเช่นนี้ เธอควรจะรู้สึกพอใจแล้ว อย่างน้อยเธอก็ได้พบฟางเหยียนแล้ว คุณชายเป็นห่วงเธอมาก แถมยังพูดคำที่ทำให้ใจเธออบอุ่นเป็นพิเศษ คุณชายบอกว่าตนเป็นคนของเขา แม้คุณชายจะไม่ได้พูดว่าตนเป็นผู้หญิงของเขาก็ตาม แต่นี่ก็ทำให้หวังชิงชิงรู้สึกดีมากแล้ว อย่างน้อยในใจคุณชายก็ยังคงมีเธอ
พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ไม่ถือสาที่จะทำธุระให้คุณชาย!
หลังจากทำเรื่องหนึ่งแล้ว ก็จะไม่มีเรื่องที่เป็นภัยต่อความปลอดภัยของคุณชายอีกต่อไป! ต่อให้เรื่องนี้ต้องจ่ายราคาด้วยการเสียสละตัวเธอ เธอก็ไม่ติดใจที่จะทำมัน
พอคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ น้ำตาก็หยดลงมาจากเบ้าตา บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง บางทีนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้สูดอากาศจากธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับจะเปลี่ยนแปลงไป
พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็กอดขาสองข้างแน่นขึ้น ดวงตาเหม่อมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนนอกหน้าต่างอีกเป็นครั้งสุดท้าย
เวลานี้เอง ประตูถูกผลักเปิดออกเสียงดังแอ๊ด เสียงประตูนี้ดึงความคิดของหวังชิงชิงกลับมา เธอหันไปมองที่ประตู เห็นเพียงที่หน้าประตูมีเงาร่างที่ตนเองไม่อยากเห็นมากที่สุดยืนอยู่ โจวเจิ้ง
ใบหน้าของโจวเจิ้งแดงก่ำอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าจะดื่มมาไม่น้อย!
“คุณมาทำไม?” หวังชิงชิงถามออกมาอย่างรังเกียจอยู่บ้าง
โจวเจิ้งเรอออกมา แล้วพูดว่า “คุณป้าเป็นคนโทรเรียกฉันมา เขาให้ฉันมาดูเธอหน่อย”
พูดจบ โจวเจิ้งก็เดินเข้ามาหาหวังชิงชิง มาหยุดตรงข้างกายหวังชิงชิง เขาถือวิสาสะนั่นเสียเลย หวังชิงชิงไม่ได้หลบ ไม่เพียงแค่ร่างกายที่ไม่ได้หลบ แม้แต่สายตาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงโจวเจิ้งเหมือนก่อนหน้านี้
เห็นเช่นนี้ โจวเจิ้งก็หัวเราะฮึๆ พลางถามว่า “คุณป้าให้ฉันมาดูเธอ ถามเธอว่าเป็นอะไรไป? อันที่จริงฉันเองก็อยากรู้ว่าสองสามวันมานี้เธอเป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นสงบเสงี่ยมขนาดนี้ได้?”
หวังชิงชิงส่ายหน้าน้อยๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร เพียงแค่จู่ๆ ก็ปล่อยวางได้หลายเรื่อง! เมื่อก่อนนิสัยที่ดื้นรั้นของตัวเองล้วนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ฉันรู้สึกว่าตัวเองโง่มากจริงๆ ทำเรื่องใดก็ดีแต่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ไม่เคยคิดใคร่ครวญดีๆ เลย”
โจวเจิ้งได้ยินเช่นนี้ ก็ยกมือขึ้นมาจับมือเล็กขาวผ่องของหวังชิงชิงไว้ข้างหนึ่ง หวังชิงชิงไม่ได้ชักกลับมาตามสัญชาตญาณ ตรงกันข้าวเหมือนกับยอมรับชะตาชีวิต เห็นหวังชิงชิงโอนอ่อนผ่อนตามเช่นนี้ โจวเจิ้งก็ดีใจขึ้นมาทันที ต้องบอกว่า เขาตื่นเต้นอย่างมาก นี่คือครั้งแรกที่เขาจับมือหวังชิงชิง โดยที่เธอไม่ขัดขืน
เขารีบใช้สองมือจับหวังชิงชิงไว้ พูดราวกับมองเห็นสมบัติล้ำค่า “ชิงชิง เธอเป็นแบบนี้เสียตั้งนานก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? อันที่จริงตัวเธอก็รู้ว่า เราสองคนต่างหากถึงจะเป็นคู่กิ่งทองใบหยก คนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หลังผ่านไปแล้ว สุดท้ายก็ทีเพียงกิ่งทองใบหยกที่เหลืออยู่เป็นเพื่อนเธอ ฉันหาหมอดูมาดูดวงให้เราแล้ว หมอดูคนนั้นบอกว่าดวงชะตาของเราสมพงศ์กัน และมีแต่พวกเราสองคนอยู่ด้วยกัน นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนด”
พูดจบ โจวเจิ้งก็เขยิบเข้าไปใกล้หวังชิงชิงอีก แถมมือยังวางที่ขาของหว้งชิงชิงอย่างอยู่ไม่สุข
โจวเจิ้งกำลังลองหยั่งเชิง ดูว่าหวังชิงชิงจะทำการขัดขืนออกมาหรือไม่ เป็นอย่างที่คิด เธอยอมรับชะตากรรมแล้ว เธอไม่ได้ต่อต้าน โจวเจิ้งจึงกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ มือลูบไล้ไปมาอยู่บนขาเธอโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าโจวเจิ้งทำอะไร หวังชิงชิงก็ไม่ขัดขืน
หยั่งเชิงมาถึงตรงนี้ เขาก็ใช้ร่างกายตัวเองแนบชิดหวังชิงชิง ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นกายหอมๆ จากหญิงสาว
นี่เป็นกลิ่นชนิดหนึ่งที่ทำให้คนลุ่มหลงมึนเมา โจวเจิ้งในเวลานี้ได้ถูกกลิ่นนี้ทำให้มึนเมาเสียแล้ว หวังชิงชิงเป็นเทพธิดาน้ำแข็งที่แสนเย็นชาคนหนึ่ง มีคนนับไม่ถ้วนเพ้อฝันถึงเธอ อยู่ข้างนอกไม่รู้มีคนแอบมองเธออีกตั้งเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะเธอฐานะยอดเยี่ยม เป็นพนักงานคนสำคัญของตระกูลฟาง เกรงว่าคนที่คิดไม่ซื่อคงลงมือกับเธอนานแล้ว
นี่คือผลพวงจากการบำรุงร่างกายในยามปกติ หวังชิงชิงดูแลตัวเองดีมาก ดังนั้นจนถึงตอนนี้เธอยังผิวขาวเกลี้ยงเกลา หญิงสาวที่เข้าใกล้อายุสามสิบสามารถขาวผ่องได้ขนาดนี้ ทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนหลงใหล ที่พึ่งพาก็คือเสน่ห์ของตัวเอง
โจวเจิ้งจุมพิตที่แก้มของหวังชิงชิงอย่างละโมบ ค่อยๆ เคลื่อนไปยังริมฝีปากอย่างช้าๆ ทุกขั้นตอนหวังชิงชิงไม่ได้ขัดขืน ตรงกันข้าม ร่างกายยังโอนอ่อนอย่างให้ความร่วมมือ
นี่ทำให้โจวเจิ้งได้รับกำไรมหาศาล เขารีบยืนขึ้นมาจากระเบียง อุ้มหวังชิงชิงขึ้นมา ร่างของชิงชิงก็ครางออกมาเสียงเบา พลางถามว่า “คุณจะทำอะไร?”
แม้จะเป็นคำถาม แต่หวังชิงชิงกลับไม่มีความคิดขัดขืน ตรงกันข้ามกลับให้ความร่วมมือต่อการกระทำของโจวเจิ้ง
โจวเจิ้งหัวเราะออกมาฮึๆ สองตาจับจ้องใบหน้าของหวังชิงชิงอย่างจดจ่อแล้วกล่าวว่า “ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าฉันจะทำอะไร พี่สาว เธอในวันนี้ ทำให้คนจินตนาการเตลิดเปิดเปิง”
หวังชิงชิงเก็บสายตาและสีหน้ากลับมาทันที เธอสะอื้นไห้เล็กน้อย กล่าวอย่างนิ่มนวลว่า “พรุ่งนี้ได้ไหม?”
“ไม่!” เวลานี้โจวเจิ้งกำลังสติเลอะเลือนเหมือนถูกผีเข้าสิง เขาหัวเราะฮึๆ “ฉันรอนานขนาดนั้นไม่ไหว ฉันอยากทำมันคืนนี้เลย พรุ่งนี้กับวันนี้ก็เหมือนกัน ช้าเร็วเธอก็ต้องเป็นคนของฉันโจวเจิ้ง ไม่ใช่หรือ?”
หวังชิงชิงไม่พูดอีก ได้แต่กัดริมฝีปาก ทำสีหน้าท่าทางราวกับแม้ไม่ยินยอมแต่ก็จำใจต้องยินยอมออกมา
โจวเจิ้มอุ้มร่างของหวังชิงชิงมายังเตียงนอน หลังวางลงบนเตียงอย่างมั่นคงแล้ว ก็รีบโผเข้าหาทันที หลังเขาอยู่บนกายหวังชิงชิงเดี๋ยวก็เดินเครื่องอย่างบ้าคลั่ง เดี๋ยวก็เดินเครื่องอย่างเร่งร้อน
โจวเจิ้งที่อารมณ์พุ่งสูงขึ้นอยู่บ้างหลุบตามองหวังชิงชิงที่อยู่ใต้ล่างพลางถามว่า “ญาติผู้พี่ วันนี้เธอเป็นอะไรไป?”
หวังชิงชิงสองตามองโจวเจิ้งอย่างรางเลือน เม้มปากพูดว่า “นายอย่าพูดได้ไหม จะทำก็ทำ”
“หา!” ได้ยินเช่นนี้ เป็นการชี้นำให้โจวเจิ้งอย่างเห็นได้ชัด ความหมายคือทำได้
ในใจของโจวเจิ้งเต้นโครมครามไม่หยุด ในชีวิตของเขาเคยมีผู้หญิงผ่านเข้ามามากมาย มีแค่หวังชิงชิงที่เขาพบเจอแต่ไม่อาจร้องขอได้ แถมยังเคยจินตนาการถึงเธอเป็นคู่รัก คิดไม่ถึงว่าเวลานี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
โจวเจิ้งกลืนน้ำลายอย่างแรง พูดราวกับรำพึงรำพันกับตัวเอง “คืนนี้ เธอสวยจัง”