เมื่อพูดออกไป ทุกคนก็งงงวย ไม่ใช่แค่คนของตระกูลฟาง แม้แต่กู่ซู๋เองก็ยังงงเลย
คนของตระกูลฟางล้วนรู้กันว่าฟางจินหยวนไม่เป็นศิลปะการต่อสู้ และก็ไม่ใช่นินจาด้วย เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ถึงแม้เขาจะมีชีวิตในตระกูลแบบนี้ตั้งแต่เด็ก และรู้จักยอดฝีมือไม่น้อย แต่เขาไม่เป็นหรือไม่เป็นศิลปะการต่อสู้จุดนี้ทุกคนของตระกูลฟางรู้กัน
“พ่อ พ่อกำลังจะทำอะไร?” ฟางไห่เซิงตะคอกใส่ฟางจินหยวน จากนั้นเมื่อเสียงตะโกนของเขาดังขึ้น ผู้คนของตระกูลฟางล้วนตะโกนใส่ฟางจินหยวน บางคนถึงขั้นไปข้างหน้าพยุงแขนของเขาไว้
ฟางจินหยวนยกมือขึ้นมาขัดจังหวะพวกเราไว้ ส่งสัญญาณว่าอย่าพูดมั่วซั่ว ตนได้มองกู่ซู๋ด้วยสีหน้านิ่งสงบ แล้วยังเดินไปที่กู่ซู๋ทีล่ะก้าวทีล่ะก้าว เมื่อกู่ซู๋เห็นท่าทางของฟางจินหยวน ตนก็อดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้
ดูจากรูปร่างของฟางจินหยวนแล้ว เขาก็เป็นแค่ผู้เฒ่าตัวเล็กๆที่ธรรมดาคนหนึ่ง แล้วเมื่อกี๊ยังไออย่างรุนแรงอีกด้วย ถ้าตนเดาไม่ผิด เขาน่าจะมีโรคประจำตัว แม้แต่ผู้เฒ่าขี้โรคคนหนึ่งแบบนี้ ยังกล้าเข้ามา นี่ทำให้เขาไม่กล้ามองข้าม ยิ่งเป็นคนที่ธรรมดามากเท่าไหร่ บางทียิ่งเป็นยอดฝีมือก็เป็นได้ นี่เป็นสัจธรรมชีวิตที่กู่ซู๋ตระหนักขึ้นมา
ฟางจินหยวนมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่เล็กต้องพบเจอกับยอดฝีมือไม่น้อยแน่นอน ไม่แน่เขาอาจจะฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเล็ก ฝีมือในตอนนี้ก็เป็นไปได้สุดๆว่าจะเป็นยอดฝีมือของนินจา ใช่ สามารถมั่นคงในตำแหน่งผู้นำตระกูลของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเจียงตูได้ แล้วยังไม่เผชิญกับการท้าทายไม่ว่าของใครมาหลายปีอีกด้วย จะต้องมีฝีมืออย่างแน่นอน
ตระกูลใหญ่แบบนี้ปกติจะให้ความสำคัญกับทักษะรอบด้าน ดังนั้นฟางจินหยวนต้องเป็นคนที่มีทักษะรอบด้านที่เก่งมากแน่ๆ เมื่อนึกถึงจุดนี้ กู่ซู๋ระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นไปอีก เธอมองไปที่ฟางจินหยวนอย่างสุขุม กู่ซู๋เข้าใจคนเราไม่อาจตัดสินได้จากหน้าตาคำนี้ดีมาก ยอดฝีมือมากมายล้วนดูไม่ออกจากหน้าตา เธอเจอมากเยอะมาก
ฟางจินหยวนเดินไปถึงระยะที่ห่างจากกู่ซู๋ห้าเมตรโดยประมาณแล้วหยุดเดิน สายตาทั้งสองของเขาจ้องไปที่กู่ซู๋แล้วกล่าว “มา!ลงมือ ให้ฉันเห็นหน่อยว่าแกมีอะไรบ้าง!ถ้าแม้แต่ฉันแกยังไม่ชนะ งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงฟางเหยียนหลานชายของฉันแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ กู่ซู๋ก็อดที่จะหรี่ตาลงไม่ได้ แล้วถาม “ท่านแน่ใจว่าจะต่อสู้กับฉัน?”
ฟางจินหยวนพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “หรือแกคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นกับแกอยู่งั้นเหรอ?”
สายตาของกู่ซู๋หรี่ลงเข้าไปอีก ฟางจินหยวนพูดต่อว่า “ฉันหวังว่าแกจะใช้แรงทั้งหมดที่มี จะให้ดีที่สุดคือโจมตีครั้งเดียวแล้วชนะฉันเลย มิเช่นนั้นแกจะตายอย่างอนาถมากอนาถมาก!”
พูดจบ ฟางจินหยวนเอามือทั้งสองข้างไขว้หลังไว้อย่างยากที่จะคาดเดาได้ แล้วยังหลับตาลง ทำท่าทางที่ยากจะเดาทางได้ ต้องพูดว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลมาก กู่ซู๋เห็นท่าทางที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีของฟางจินหยวน ราวกับถูกทำให้ตกใจไปแล้ว ความรอบคอบของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนมาก
“พี่ใหญ่ นี่พ่อกำลังทำอะไร?” ฟางไห่อิงถามอย่างไม่เข้าใจมาก
ฟางไห่เซิงส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้าอีกแล้วถาม “แกจำได้มั้ยว่าครั้งที่แล้วขวังซือออกมาตอนสถานการณ์ไหน?”
ตอนนั้นฟางไห่อิงก็อยู่ที่บ้าน เธอเงียบไปสักพัก แล้วกล่าว “ตอนที่เสี่ยวเหยียนพูดว่าจะทำลายตระกูลฟางของเรา จากนั้นเขาเกือบจะฆ่าพ่อ ขวังซือถึงได้ออกมา”
ฟางไห่เซิงพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ใช่ การกระทำของพ่อก็คืออยากเรียกขวังซือออกมา ขวังซือจะปกป้องแค่ผู้นำตระกูลของตระกูลฟาง!และเมื่อผู้นำตระกูลตกอยู่ในสภาวะการถูกเข่นฆ่าจึงจะออกมา ที่พ่อทำแบบนั้น ก็คือจะเรียกขวังซือ”
ขวังซือสัตว์ในตำนานของตระกูลฟางไม่ใช่ทุกคนจะรู้การมีตัวตนอยู่ของมัน ยุคที่มันมีชีวิตอยู่ไกลโพ้นมากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าขวังซือมีชีวิตมานานขนาดไหนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าไม่ใช่ครั้งที่แรกฟางเหยียนกลับมาเรียกขวังซือออกมา เกรงว่าตระกูลฟางคิดว่าขวังซือเป็นเพียงตำนานไปแล้ว แม้แต่คนของตระกูลฟางล้วนรู้สึกว่าขวังซือเป็นเพียงตำนาน แล้วคนนอกจะรู้ได้อย่างไรกัน
ถึงแม้ชื่อของกู่ซู๋จะโด่งดังมาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตระกูลฟางยังมีขวังซือสัตว์ในตำนานอยู่!ถ้าเธอรู้ บางทีอาจจะไม่บุกรุกอย่างผลีผลามเข้ามาในตระกูลฟาง และจะยิ่งไม่ทำการกระทำโง่เง่าแบบนี้ออกมา
จ้องมองฟางจินหยวนท่าทางเตรียมพร้อมมาอย่างดี กู่ซู๋มองไปรอบๆ แล้วมองคนของตระกูลฟางทุกคนที่อยู่ด้านหลังของฟางจินหยวน หลังจากที่มองไปรอบๆแล้ว เธอตัดสินใจ โจมตีนัดเดียวจอด เผชิญหน้ากับยอดฝีมือ เธอต้องโจมตีนัดเดียวจอด แล้วยังต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีด้วย เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอได้อ้าแขนออกอีกครั้ง
พลังที่ไม่ชัดเจนรวบเข้ากันในฝ่ามือของเธอ พลังนี้ตอนแรกมีขนาดเท่าลูกปิงปอง แต่ได้มีขนาดเท่ลูกบอลอย่างช้าๆ มันไหลเวียนอยู่ในมือของกู่ซู๋ เร็วมาก แล้วยิ่งไหลเวียนยิ่งใหญ่ขึ้น แรกเริ่มรอบๆแค่เริ่มมีลม ไม่นานทั้งสวนก็มีลมพัด ลมนั้นจากเบาเป็นแรงขึ้น
จากนั้น ใบไม้ร่วงหลายใบได้ถูกพัดขึ้นบนฟ้าอีกครั้ง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เมื่อกี๊แม้ท้องฟ้าจะไม่ฟ้าโปร่ง แต่ก็ไม่ถึงขึ้นที่เต็มไปด้วยเมฆ ท้องฟ้าตระกูลฟางในขณะนี้เต็มไปด้วยก้อนเมฆ
มุมเสื้อของฟางจินหยวนถูกลมพัด ทั้งสวนกระจายไปด้วยแรงอาฆาต นี่เป็นแรงที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของกู่ซู๋
ขณะนี้ พลังที่อยู่ในมือของกู่ซู๋ได้กลายเป็นใหญ่ขึ้น และไม่ใช่แค่กู่ซู๋ที่เห็นเท่านั้น แม้แต่คนตระกูลฟางที่อยู่ในสวนก็เห็นพลังที่อยู่ในมือของกู่ซู๋เช่นกัน
ฟางจินหยวนยังคงไม่ขยับ เขากำลังรอ เขากำลังท่องอย่างลับๆ “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว!”
เขารู้ว่าขวังซือต้องออกมา เพียงแต่ต้องได้รับการบีบ ต้องมีการแพร่กระจายของแรงอาฆาต ถึงแม้กู่ซู๋ไม่แข็งแกร่งเหมือนฟางเหยียน ที่เมื่อลงมือก็เรียกขวังซือออกมาได้ แต่เขาเชื่อ ว่าขวังซือต้องออกมาแน่
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เขาลืมตาขึ้นอย่างเร็ว สายตาแดงก่ำสบตากับกู่ซู๋พอดี เขากัดฟัน แล้วพูดกับกู่ซู๋อย่างตัวสั่นว่า “มา ให้ฉันดูหน่อยว่าแกมีสิทธิ์อะไรเป็นอาจารย์ของหลานชายฉัน”
กู่ซู๋ส่งเสียงอ๊ากออกมา พลังในมือของเธอรวมเข้าด้วยกัน ลอยไปที่บนหัวของเธอ รวมกันเป็นบอลแสงสีทอง ลูกบอลแสงทองกำลังเคลื่อนไหว ต้นไม้ใหญ่สองต้นในสวนกิ่งก้านแตกหัก สิ่งของจำนวนไม่น้อยในห้องล้วนหล่นลงบนพื้น นี่เป็นพลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดที่ปล่อยออกมาของกู่ซู๋ ไม่ถึงกับทำลายล้างฟ้าดิน แต่คนธรรมดาไม่มีทางขัดขวางได้แน่นอน
“ไปตายซะ!” มือทั้งสองของกู่ซู๋โบกไปด้านหน้า เห็นลูกบอลแสงนั้นมาพร้อมกับพลังที่มหาศาลลอยมาที่ฟางจินหยวน
ฟางจินหยวนอดที่จะถอยไปสองก้าวไม่ได้ เขารู้ ว่านาทีนี้ต้องมาถึง
และแล้ว พื้นดินราวกับถูกอุกกาบาตอันมหึมาชนเข้า ทั้งตระกูลฟางรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นไหว
จากนั้น เสียงคำรามของสัตว์ขนาดใหญ่ดังสนั่นทั่วท้องฟ้าของเจียงตู
เสียงคำรามนี้เหมือนกับจะกลืนกินเวหา มาพร้อมกับพลังอันทรงพลัง!