สีหน้าของหวังชิงชิงซีดขาว ดูๆแล้วค่อนข้างห่อเหี่ยว ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง ต่างจากประธานสาวที่เฉียบขาดเมื่อก่อนมาก เมื่อเห็นลักษณะแบบนี้ของเธอ ช่วงนี้น่าจะขาดสารอาหารจึงทำให้เป็นแบบนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลย ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน!
เมื่อเห็นแบบนี้ ฟางเหยียนได้ถามอย่างชิลล์ๆว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
หวังชิงชิงส่งเสียงหาออกมา ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ฉัน ฉันไม่เป็นไรค่ะ!”
แต่ฟางเหยียนไม่เชื่อคำว่าไม่เป็นไรที่หวังชิงชิงพูดออกมา เขาจับมือของหวังชิงชิงทันที นี่ทำให้หวังชิงชิงตัวสั่นทันที หวังชิงชิงอยากจะดึงมือกลับ แต่ฟางเหยียนกลับจับไว้แน่น แล้วยังส่ายหน้าให้เธออีกด้วย
หวังชิงชิงมองตาของฟางเหยียน ใจเต้นตุบๆ เธอก็ไม่คาดคิดว่าฟางเหยียนจะจับมือของเธอเอง มือของทุกๆคนเมื่อถูกจับ ก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ถ้าถูกคนที่ชอบจับ ก็จะใจเต้นตุบๆแน่นอน ถ้าถูกคนที่ไม่ชอบจับ ก็จะปฏิเสธตามธรรมชาติ โดยการผลักคนอื่น
หลังจากที่ฟางเหยียนจับมือของหวังชิงชิงแล้ว สองนิ้ววางไว้บนข้อมือของหวังชิงชิง หลังจากที่หาเส้นเลือดของเธอเจอแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรหวังชิงชิง หวังชิงชิงก็ตระหนักได้ถึงการกระทำของฟางเหยียน
ด้วยเหตุนี้จึงได้ถามว่า “คุณชาย นี่คุณกำลังทำ…”
“ชู่ว์!” ฟางเหยียนยกนิ้วตั้งขึ้นมาหนึ่งนิ้วตรงปาก ส่งสัญญาณให้หวังชิงชิงว่าอย่าพูด
หวังชิงชิงทำได้เพียงสังเกตฟางเหยียน แววตาของเธอในขณะนี้มีเพียงฟางเหยียน ฟางเหยียนเปลี่ยนไปแล้ว สีหน้ามีเลือดฝาดกว่าเมื่อก่อนแล้ว การแต่งกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก
คุณชายในอดีตใส่เพียงเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน ดูๆแล้วค่อนข้างเก๋ไก๋ ถึงขั้นพูดได้ว่าไม่เหมือนกับคนทั่วไป แต่คุณชายในตอนนี้ได้สวมชุดกันลมแล้ว นี่เป็นการแต่งกายของสองสไตล์ไปเลย คุณชายเปลี่ยนเป็นอีกคนไปแล้วจริงๆ
ผ่านไปประมาณสามสิบวินาที ฟางเหยียนวางมือของหวังชิงชิงลง สายตาทั้งสองมองไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วกล่าว “ช่วงนี้ไม่ได้กินดีใช่มั้ย?ตามผมมา” พูดพลาง ฟางเหยียนหันหลังแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร
หวังชิงชิงเห็นดังนี้ ก็เดินตามฟางเหยียนไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่มาถึงในร้านอาหารแล้วก็สั่งอาหารมาหลายอย่าง จากนั้นนั่งลงแล้วกล่าว “คุณเป็นผู้หญิง จะไม่กินข้าวได้อย่างไรกัน ในร่างกายของคนเราต้องการสารอาหาร ตอนนี้คุณขาดสารอาหาร จึงได้แสดงออกมาทางใบหน้าของคุณ ถัดไป คุณก็จะเป็นลมตอนเดินแล้วล่ะ”
“คุณชาย เมื่อกี๊คุณจับชีพจรให้ฉันเหรอคะ?” หวังชิงชิงไม่รู้ว่าฟางเหยียนยังสามารถรักษาโรคได้ จนถึงขั้นทำจับชีพจรสิ่งที่ตกทอดกันมาของประเทศหวาได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้ นี่เป็นระดับปรมาจารย์ของประเทศหวาจึงจะทำได้!
ฟางเหยียนพยักหน้าเบาๆแล้วกล่าว “ได้บ้าง!แต่คุณต้องทานข้าวเยอะๆ”
“อืม!” จู่ๆหวังชิงชิงก็รับรู้ได้ถึงความสนใจที่มีมากขึ้นมา ฟางเหยียนกำลังเป็นห่วงตนอยู่ แล้วตนจะทิ้งความตั้งใจของเค้าได้อย่างไรกัน ภายใต้การกำกับของฟางเหยียน หวังชิงชิงกินไปมื้อใหญ่ นี่เป็นครั้งหนึ่งในไม่กี่ครั้ง ที่กินมากขนาดนั้น บางทีอาจจะเพราะการกำกับของฟางเหยียน ทำให้เธอกินได้อย่างไม่อึดอัดขนาดนั้น
เธอไม่เคยคุยกับฟางเหยียนได้ใกล้ขนาดนี้มาก่อน ครั้งที่แล้วพูดไว้แล้วว่าจะเลี้ยงข้าวฟางเหยียนก่อนไป แต่ไม่คาดคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดออกมา เธอคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้กินข้าวกับฟางเหยียนแล้ว กลับไม่คาดคิดว่าวินาทีนี้ได้มาถึงแล้ว
หลังจากที่กินข้าวไปได้หลายคำ หวังชิงชิงเงยหน้ามองหน้าของฟางเหยียน ใบหน้าที่ผอมตอบยังคงเย็นชาเช่นเคย แต่ตอนที่สายตาของเขามองมาที่ตน กลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่อยู่ในแววตา
สามารถเจอฟางเหยียนสักครั้ง ก่อนที่จะแต่งงานกับโจวเจิ้งได้นั้น ถือว่าเป็นความโชคดีมากในความโชคร้าย
หวังชิงชิงไม่เสียใจที่ตนแอบหนีออกมาจากบ้านอย่างเงียบๆ ถึงแม้เธอรู้ว่าจะถูกจับได้อย่างรวดเร็ว แต่หวังชิงชิงไม่เสียใจเลย เธอเจอฟางเหยียนเพียงแป๊บเดียว ต่อให้เธอไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น แต่การมาครั้งนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ฟางเหยียนขึ้นไปบนรถกับหวังชิงชิง นั่งบนรถ หวังชิงชิงรับถามว่า “คุณชาย คุณมาดินแดนตะวันตกเพราะมีธุระอะไรมั้ย?”
ฟางเหยียนตอบอืม แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “มาจัดการเรื่องนิดหน่อย!”
หวังชิงชิงยังคงกล่าวด้วยความกระสับกระส่ายว่า “ความจริงคุณสามารถให้คนที่อยู่ด้านล่างมาจัดการได้หนิคะ ความสามารถเหล่าโจวที่บริษัทก็ไม่เลวนะคะ ความจริงคุณ…”
ฟางเหยียนยกมือขึ้นมาขัดจังหวะการพูดของเธอ แล้วกล่าว “เรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับบริษัท!”
“แต่ คุณชาย โจวเจิ้งจะมาหาคุณ เพราะเรื่องครั้งที่แล้วทำให้เขาเกิดความพะวงในใจตลอดเวลา ถ้าคุณสามารถให้คนอื่นทำได้ ก็ให้คนอื่นทำเถอะนะคะ!ครั้งที่แล้วเขาทำอะไรคุณที่เขตซีหนานไม่ได้ ที่นี่คือดินแดนตะวันตก เป็นถิ่นฐานของเขา ถึงตอนนั้นตระกูลโจวของพวกเขา จะต้องทำอะไรคุณแน่นอน” หวังชิงชิงพูดกับฟางเหยียนอย่างไม่สบายใจ
ฟางเหยียนดูแคลนเหอะๆออกมา พูดด้วยท่าทีกุมชัยชนะไว้ในมือ “ไม่เป็นไร เขาอยากมาก็มาสิ!แล้วก็ ในคำพูดของคุณมีสิ่งที่ผิดอยู่นะ ดินแดนตะวันตกไม่ใช่ถิ่นของตระกูลโจว เป็นถิ่นของประชาชนทุกคนในดินแดนตะวันตก”
หวังชิงชิงกลืนน้ำลาย คุณชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ทำอะไรก็สูงส่งแบบนี้ แต่เธอไม่มีทางให้คุณชายเป็นอะไรไป ไม่ว่าคุณชายจะทำอะไร เธอก็จะไม่ให้คุณชายเป็นอะไรไป
แต่ ถ้าสามารถปรามให้คุณชายไปได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงพูดต่อไปว่า “คุณชายค่ะ คุณอาจจะไม่ค่อยรู้สถานการณ์ของดินแดนตะวันตกสักเท่าไหร่ แม้ตระกูลโจวจะไม่มีกิจการอะไร แต่กลับเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ เพราะตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลนินจา ตั้งแต่หลังจากที่มาถึงดินแดนตะวันตกแล้ว ก็ครองตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งอย่างมั่นคง ไม่มีใครเขย่าได้ พวกเขาทำเรื่องชั่วช้า แล้วโจวเจิ้งนั่นก็ชั่วร้าย ถ้าเขาอยากจะเล่นงานคุณจริงๆขึ้นมาล่ะก็ เกรงว่าคุณจะต้านทานไม่ไหวนะคะ พูดไว้แล้วว่าต่อให้เก่งขนาดไหนก็ไม่ชนะเจ้าถิ่น ตระกูลโจวที่ดินแดนตะวันตกคือเจ้าถิ่นดั้งเดิม ดังนั้น คุณกลับไปดีกว่านะคะ!”
“พอแล้ว!” น้ำเสียงของฟางเหยียนพูดอย่างไม่ค่อยสบายใจแล้ว “ผมบอกแล้วไง ถ้าตระกูลโจวจะทำอะไร ก็ลองเข้ามาดู มากสุด ตระกูลโจวก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ผมสามารถทำให้พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนตระกูลเซียวได้”
ในสายตาของฟางเหยียนสำนักไร้หน้าก็ยังอ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้นนี่แค่ตระกูลโจวตระกูลเล็กๆเท่านั้น ถ้าเขาอยากจะล้างบางตระกูลโจวตระกูลนินจาแบบนี้ ก็แค่ประโยคเดียวเท่านั้น ใครกล้าต่อต้าน?ใครมีความสามารถต่อต้านได้บ้าง?
หวังชิงชิงมองฟางเหยียนผ่านกระจกมองหลังไป เดิมทียังอยากจะพูดอะไร สุดท้ายก็ได้แต่ปิดปากแล้วไม่พูดอะไรอีก
เธอรู้ถึงอารมณ์ของคุณชาย นี่ไม่ใช่คนที่เธอจะพูดโน้มน้าวได้ ช่วยไม่ได้ เธอทำได้เพียงพาฟางเหยียนไปตามถนนต่างๆในดินแดนตะวันตก ทำความเข้าใจกับเส้นทาง ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเค้า
ฟางเหยียนมาถึงตระกูลหยาง บ้านของตระกูลหยางอยู่ที่ชานเมือง ไม่ได้อยู่ในเขตวุ่นวาย ดินแดนตะวันตกกว้างขวางประชากรน้อย ดังนั้นเนื้อที่ของตระกูลหยางจึงใหญ่มาก ยิ่งกว่าตระกูลเซียวแห่งเมืองจินโจวมากๆ ดูๆแล้วใหญ่ได้ครึ่งหนึ่งของตระกูลฟาง