ที่แท้ คนสั่งการในการฆ่าลุงเย่คือสำนักไร้หน้า แต่ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือคำสั่งของเพลิงเสวน สำนักไร้หน้าฆ่าลุงเย่ พวกเขาต้องถูกล้างบางแน่นอน สำนักไร้หน้าทั้งสำนักต้องหายไปจากบนโลกนี้!หายไปโดยสิ้นเชิง!
ไม่มีกรงในที่ทำลายไม่ได้ ไม่มีกรงรวมชี่อะไร ต่อให้สามารถปิดกั้นชี่ของตนได้จริง แล้วยังไง?
ฟางเหยียนดูแคลนออกมา แล้วกล่าวอย่างไม่สนใจ “สำนักไร้หน้าไม่มีค่าที่จะอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฉันไม่ยอมให้พวกแกอยู่บนโลกได้อีกแม้แต่นาทีเดียว”
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ!” อู๋หมิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา เขาเหมือนได้ยินเรื่องตลกที่น่าขำที่สุดในโลกนี้แล้ว เขาจ้องฟางเหยียน แล้วกล่าวอย่างพึมพำว่า “แกออกมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!เคล็ดขังมังกรของจอมคาถาทั้งสี่ของสำนักไร้หน้า ยังไม่มีใครทำลายได้!รู้มั้ยว่าอะไรคือเคล็ดขังมังกร?”
“เคล็ดขังมังกรก็คือกรงที่แม้แต่มังกรสัตว์ประหลาดที่เรียกลมเรียกฝนได้ยังไม่สามารถทำลายได้ กรงที่แม้แต่มังกรยังหนีไม่ได้ แล้วแกคิดว่าตัวเองมีความสามารถที่จะหนีได้มั้ย?” อู๋หมิงพูดจบก็หัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง
หลังจากหัวเราะบ้าคลั่งแล้ว หน้าของเขาค่อยๆบูดบึ้งขึ้น จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “พอล่ะ!”
อู๋หมิงยืนขึ้นจากกรงที่อยู่บนหัวของฟางเหยียน แล้วกล่าว “ฆ่ามัน!”
พูดจบ จู่ๆผู้เฒ่าทั้งสี่ก็ลืมตาขึ้นมา สายตาของพวกเขาเหมือนปิดมานานหลายปี เพิ่งจะเปิดตาออกในตาก็เปล่งแสงที่แหลมคมออกมา แสงแปดเส้นส่องไปที่ฟางเหยียน แม้กรงจะเล็ก แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการเอาตัวรอดของฟางเหยียนได้ เขาปล่อยกำลังภายในออกมา ขวางการโจมตีของแสงทั้งแปดนั้นไว้
จากนั้น แสงขยับเคลื่อนที่อย่างช้าๆ เคลื่อนไหวไปยังด้านบนของหัวของฟางเหยียน รอบๆกรงนั้นที่ขังฟางเหยียนไว้กลายเป็นกรอบดักศัตรู จากนั้น ผู้เฒ่าทั้งสี่ทำท่ามือซ้ายประสานมือขวา มือขวาชูสองนิ้วขึ้นมา นิ้วที่ชูขึ้นอยู่ข้างๆปาก หลังจากที่พวกเขาท่องไปได้สักพัก แล้วนิ้วยิงไปที่ฟางเหยียนควบคู่กันไป
ขณะนี้ มีคลื่นยักษ์มหึมาม้วนไปที่ฟางเหยียน ทั้งสี่ออกแรงพร้อมกัน ความกดดันอันแรงกล้าดันไปที่ด้านบนของฟางเหยียน เขารู้สึกได้ถึงแรงดันที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฟางเหยียนใช้กำลังภายในแบบนี้กดคนอื่นมาโดยตลอด ไม่เคยถูกกดมาก่อน วันนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาได้เจอเข้ากับการกลืนกินแบบนี้เข้าให้แล้ว ฟางเหยียนรู้ดีมากว่าพวกเขาจะทำอะไร พวกเขาจะใช้กำลังภายในแข็งแกร่งกดตัวเอง บีบห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวงของตนแตก จนตาย ที่แท้ก็บ้าพลัง เหี้ยมโหด
ไม่น่าล่ะอู่หมิงพูดว่านี่คือเคล็ดขังมังกร ที่แท้ก็มีความสามารถอันทรงพลานุภาพนี่เอง เมื่อผู้เฒ่าทั้งสี่คนปล่อยพลังออกมาพร้อมกัน ราวกับเห็นพ้องต้องกันมานานแล้ว พลังที่ปล่อยออกมา ทรงพลานุภาพ แข็งแกร่งกว่านักเต๋าอีเหมย อ๋าวไท่ สาวไร้หน้ามากๆ สีหน้าของฟางเหยียนแย่ลง ราวกับความกลัดกลุ้มใจได้เจาะเข้าไปในร่างกายของตัวเองแล้ว
อู๋หมิงที่ยืนอยู่ที่ห้องโถงเอามือไขว้หลัง เดินไปมารอบๆ เขาเดินอยู่บนศพพวกนั้นที่เลือดไหลออกมา แล้วกล่าวอย่างยโสโอหังว่า “นี่ ก็คือจุดจบของการที่เป็นศัตรูกับสำนักไร้หน้าของฉัน!แม้แต่จอมคาถาทั้งสี่ของสำนักไร้หน้าของฉันแกยังเอาชนะไม่ได้ แล้วแกมีสิทธิ์อะไรที่จะให้ปรมาจารย์ของเราออกโรง สำนักไร้หน้าของเราสืบทอดมากว่าพันปี แค่พูดว่าพังพินาศก็ต้องพังพินาศงั้นเหรอ?ปรมาจารย์กุ่ยซือ แกเห็นแล้วยัง?ฮองซูน้อย แกเห็นแล้วยัง?นี่ เป็นจุดจบของการที่จะทำลายสำนักไร้หน้าของพวกเรา!”
คำพูดของเขาดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งห้องโถง เหมือนกับเสียงหอนของปีศาจนรก ทำให้หุบเขาไม่สงบ สิงสาราสัตว์และนกนานาชนิดเตลิดเปิดเปิง!
และแล้ว พลังของจอมคาถาทั้งสี่ไปถึงจุดสุดยอด ในกรงที่รวบพลังของพวกเขาได้ปล่อยออกมาเป็นแสงสีทอง เหมือนกับแสงของเปลวไฟ แสงนี้สาดส่องจนคนลืมตาไม่ขึ้น เห้ออีกางที่อยากจะมองลงไปด้านล่างต้องหลบสายตาทันใด เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาบอดแล้ว อู๋หมิงไม่ได้ดู แต่เขารู้ว่าคนนั้นใกล้ตายแล้ว
เขาแข็งแกร่งมาก สามารถฆ่าคนเป็นพันได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมคาถาทั้งสี่ ก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น ในโลกนี้จะมีคนที่ต่อกรกับจอมคาถาทั้งสี่ได้อย่างไรกัน ต่อให้เป็นคนในองค์กรนั้น อาจจะไม่กล้าต่อกรก็เป็นได้!
อู๋หมิงชูมือทั้งสองขึ้น เงยหน้า แล้วพูดกับตัวเองว่า “และแล้วก็ยังไม่มีใครต่อสู้กับสำนักไร้หน้าได้!”
จู่ๆ แสงทรงพลังถูกยิงออกมาจากคุกใต้ดิน แสงทรงพลังนี้โจมตีเหล็กแผ่นแข็งจนพัง ทะลุหลังคา ผ่าชั้นบรรยากาศไป สะท้านฟ้าดิน!
หุบเขาสำนักไร้หน้าต่างสั่นสะเทือนเพราะปรากฏการณ์นี้ นั่นเป็นการสั่นสะเทือนที่ไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับแผ่นดินไหว!
ขณะนี้ เหล่านักศึกษาที่กำลังขึ้นบันไดมารู้สึกแผ่นดินสั่นสะเทือน ก็หยุดเดินลงอย่างควบคุมไม่ได้ พวกเธอรีบนั่งยองๆลง กอดหัว แล้วส่งเสียงฮือๆๆ “เกิดอะไรขึ้น?เกิดอะไรขึ้น?แผ่นดินไหวเหรอเนี่ย?”
ฉินเข่อเงยหน้าขึ้นเป็นคนแรก เธอเห็นลำแสงที่หลังคาผ่าขึ้นชั้นบรรยากาศไป แสงทองส่องออกมาเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า แว็บนั้นที่ฉินเข่อเห็นแสงสีทองก็กล่าวอย่างประหลาดใจสุดๆว่า “ดูเร็ว ฉันเห็นแสงของพระพุทธเจ้า”
เมื่อหลายๆคนได้ยิน ก็รีบเงยหน้าไปมองที่หลังคาอย่างเร็ว แว็บนั้นที่เห็นลำแสง หลายๆคนก็ตาลุกวาว ผ่านไปสักพัก หนึ่งในหญิงสาวจึงได้พูดขึ้นมาว่า “พระเจ้า นั่นคือเทพเซียนหรือเปล่า?ที่นี่คงไม่ใช่สถานที่ที่เป็นที่อยู่ของเทพเซียนจริงๆหรอกนะ?รีบเก็บภาพไว้ นี่ถ้าอัปโหลดลงเว็บไซต์ แล้วบรรยายว่าเป็นแสงของพระพุทธเจ้าที่สาดส่องไปทั่ว จะต้องสะเทือนไปทั่วแน่ๆ”
พูดพลาง หนึ่งในหญิงสาวหยิบกล้องออกมาถ่ายภาพแชะๆหลายภาพ
“ไม่ๆๆ นั่นไม่ใช่แสงของพระพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่เหมือนที่เจียเจียพูดไว้เหรอ?ฟ้าผ่าทัณฑ์!หรือมีคนฟ้าผ่าทัณฑ์งั้นเหรอ?”
“ฟ้าผ่าทัณฑ์ แสดงว่ามีคนเป็นเทพเซียนแล้วไม่ใช่งั้นเหรอ ต้องมีคนที่เป็นเทพเซียนแน่เลย!” หญิงสาวคนหนึ่งมองแสงนั้นด้วยความรอคอย
แต่ตอนนี้มีคนตั้งคำถามออกมา “ไม่ใช่สิ!ตอนที่ฟ้าผ่าทัณฑ์ต้องฟ้าผ่า จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องไม่ใช่เหรอ?นี่ไม่ได้ฟ้าผ่า และไม่มีฟ้าร้อง แล้วจะฟ้าผ่าทัณฑ์ได้อย่างไรกัน!”
“เห้อ!จะเดาให้มากมายไปทำไมกัน ยังไงลำแสงนี้ก็เกี่ยวข้องกับเทพเซียน ฉินเข่อ แกนี่ดีมากจริงๆ พาพวกเรามาที่ของเทพเซียนแบบนี้ ต่อให้ที่นี่ไม่มีเทพเซียนอาศัยอยู่ ก็ต้องมีคนบำเพ็ญพรตแน่นอน เดี๋ยวถ้าเราเจอคนที่บำเพ็ญพรต ต้องเคร่งให้มากๆนะ”
“ไป พวกเรารีบไปกันเถอะ!ฉันอยากเจอเทพเซียนไม่ไหวแล้วเนี่ย”
เหล่าหญิงสาวพูดพลาง ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวให้เร็วขึ้น
ลำแสงอันแรงกล้าทำให้อู๋หมิงถอยหลังไปไม่หยุด เมื่อลำแสงนี้สาดส่องออกมา ในห้องก็สั่นคลอนไปมา สิ่งของจำนวนมากบนโต๊ะล้วนหล่นลงบนพื้น แตกกระจายทันที
แสงแรงกล้านั่นค่อยๆ ค่อยๆเบาลง และแล้ว ก็สามารถมองมันด้วยตาเปล่าได้แล้ว
อู๋หมิงรีบก้มหน้าลงไปมองคุกใต้ดิน เมื่อมอง ก็ทำให้เขาตาโตอย่างไม่รู้ตัว