กลิ่นอายความเจ็บปวดนี้กระจายไปทั่วร่างกาย ที่ที่ถูกแผดเผาเหมือนจะไม่ได้มีแค่อวัยวะภายในเท่านั้น แม้แต่ร่างกายก็ถูกเปลวไฟนี้กลืนกินไปด้วย
ร่างกายของหม่าจงหัวดิ้นไปดิ้นมาในอ้อมแขนของหม่าเหา เหมือนสัตว์เดรัจฉานที่ไม่ฟังคำสั่ง เนื่องจากพลังมากเกินไป หม่าเหากอดไว้ไม่อยู่ จึงทำให้ร่างกายของหม่าจงหัวล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“อ้า!” หม่าจงหัวเจ็บปวดจนร้องออกมา ดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนพื้น
“พ่อ พ่อ!” หม่าเหายืนขึ้น มองหม่าจงหัวที่เจ็บปวดสุดๆอย่างไม่สบายใจ หม่ากวงหรงและหม่ากวงชาวเดินมาพร้อมกัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงสุดๆ
“น้องสาม คงไม่ใช่ว่ายามีปัญหาหรอกนะ?” หม่ากวงหรงมองหม่าเหาแล้วถาม
หม่าเหาส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้ แต่ไม่น่าจะมีปัญหานะ เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายพ่อนะ!”
ไม่รู้ว่าดิ้นรนไปนานขนาดไหน ดิ้นไปดิ้นมากว่าสิบกว่าเมตร หม่าจงหัวส่งเสียงคำรามอ้าวออกมา แล้วเขาก็ไม่ดิ้นอีกต่อไป ในตอนนี้ร่างกายก็มีควันสีขาวออกมา เหมือนถูกเผาไหม้มาอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อ!”“พ่อ!”“พ่อ!” สามคนวิ่งไปที่เขาพร้อมกัน
ร่างกายของหม่าจงหัวปล่อยชี่สีขาวออกมา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยฝุ่น ร่างกายไม่ขยับ เหมือนตายแล้ว หม่ากวงชาวเห็นคนตายมาบ่อยกว่าทั้งสองคน เขาเป็นคนแรกที่นั่งยองๆลง ยกมือขึ้นไปเช็กที่คอของหม่าจงหัว
เมื่อเช็ก หม่าเหาจึงได้ถามอย่างเคร่งเครียดว่า “เป็นไงยังบ้าง?พี่รอง พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
หม่ากวงชาวหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด เขาเก็บมือกลับไปอย่างเร็ว แล้วนั่งลงกับพื้น เขามองร่างกายของหม่าจงหัวอย่างหวาดกลัว แล้วกล่าวอย่างตะลึงว่า “ตายแล้ว พ่อตายแล้ว!”
“อะไรนะ?” เมื่อทั้งสองได้ยินคำพูดนี้ ก็ตัวอ่อน อ่อนจนคุกเข่าลงกับพื้น
“เป็นไปได้ยังไง?เป็นไปได้ยังไง?” หม่าเหาส่ายหน้าแล้วกล่าว “เขาทำร้ายพ่อของเราได้อย่างไรกัน”
“ไอ้นั่น ไอนั่นมันยังนึกถึงเรื่องที่เสี่ยวซงหาเรื่องมันแน่ๆ ดังนั้นมันจึงใช้เรื่องนี้มาล้างแค้น ฆ่าพ่อของเรา!เสียแรงที่พวกเรานึกถึงแต่ประเทศนี้ แต่ทำไมพวกมันถึงทำกับเราอย่างโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้กันนะ…”
หม่ากวงชาวกัดฟันยืนขึ้นแล้วตะคอก “ฉันจะไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
“พี่รอง!” หม่าเหารั้งหม่ากวงชาวไว้ แล้วกล่าว “พี่สู้เขาไม่ได้นะ พี่ไปแบบนี้ ก็มีแต่จะเนื้อเข้าปากเสือเท่านั้นแหละ”
“ต่อให้เนื้อเข้าปากเสือ ฉันก็จะทำให้มันรู้ ถึงเกียรติยศของตระกูลหม่าของเรา”
“แค็กๆๆ!” จู่ๆ เสียงไอติดต่อกันดังขึ้น เป็นเสียงไอของหม่าจงหัว
สามคนมองไปที่หม่าจงหัวพร้อมกัน เขากำลังหอบหืดอย่างรุนแรง จากนั้นลืมตาด้วยความยากลำบาก ทั้งสามตาโตอย่างไม่เชื่อ ตื่นแล้วเหรอ?หรือฟื้นคืนชีพ?
“พ่อ!” หม่ากวงหรงที่ไม่พูดไม่จามาโดยตลอด เขานิ่งสงบมาก และนั่งยองๆอยู่ข้างๆหม่าจงหัว เมื่อเห็นหม่าจงหัวลืมตาขึ้น เขาก็รีบส่งเสียงออกมา
ลมหายใจของหม่าจงหัวค่อยๆคงที่ เขามองหม่ากวงหรงแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
หม่ากวงหรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ให้ฟัง เมื่อฟังจบ หม่าจงหัวก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว เขายกมือขึ้นมาแล้วกล่าว “ยกพ่อขึ้นที!”
หม่ากวงหรงรีบพยุงขึ้นมา เมื่อเห็นดังนี้ หม่าเหาจึงรีบนั่งยองๆแล้วช่วยพยุง
“พ่อ พ่อรู้สึกยังไงบ้าง?” หม่าเหาถาม
หม่าจงหัวพยักหน้าแล้วกล่าว “ฉันรู้สึกผ่อนคลายไปเยอะ”
ร่างกายของเขาผ่อนคลายไปได้มากแล้วจริง ยาเม็ดนั้นออกฤทธิ์พิเศษ
หม่าเหาสีหน้าผ่อนคลายลง เกิดเป็นความตื่นเต้นขึ้น เขามองหม่ากวงชาวแล้วกล่าว “พี่รอง พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว!”
หม่ากวงชาวกะพริบตา มองหม่าจงหัวแล้วถาม “พ่อ พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว?”
หม่าจงหัวค่อยๆพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ยาเม็ดนั้นของจอมพลเป็นยาเทพ!”
“พ่อ จอมพลคนนี้แข็งแกร่งมากขนาดไหนกันแน่?” หม่ากวงชาวนั่งยองๆลงข้างๆหม่าจงหัวแล้วถาม
หม่าจงหัวจ้องไปยังศพที่อยู่ที่พื้น ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆไม่ใช่อย่างที่พวกเราจินตนาการไว้แน่ๆ”
เพลิงเสวน กองทัพย่อยซีหนาน
นี่คือห้องโถงรูปแบบจีนๆ สร้างขึ้นที่บนช่องแคบของภูเขา เมื่อออกมาก็เป็นยอดเขาที่สูงตระหง่าน ด้านล่างของยอดเขาเป็นลุ่มน้ำไหลผ่าน ในระยะโดยรอบสิบลี้ ไม่มีผู้คน ดูๆแล้ววิเวก
แต่สถาปัตยกรรมแบบนี้กลับยอดเยี่ยม อยู่ในธรรมชาติรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับภูเขา และสายน้ำ เจ๋งกว่าโบสถ์และตึก บางๆๆแห่งของต่างประเทศไม่รู้กี่เท่า!
ในห้องโถง มีเสามังกรสีเหลืองทองสองเสาตั้งโด่อยู่ มังกรทอง หลอมมาจากทองคำบริสุทธิ์ ของปลอมไม่สามารถตีมูลค่าได้ ทำได้เพียงใช้คำว่าฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติ มาบรรยายความมีเอกลักษณ์เท่านั้น
บนห้องโถง มีคนที่ยืนอยู่สวมชุดดำ หันหลังให้โบสถ์ เผชิยหน้ากับชุดเกราะที่วางไว้ในโบสถ์ ดูจากด้านหลัง เป็นผู้ชายผมยาวคนหนึ่ง สวมใส่ชุดถัง ใส่รองเท้าบูตผ้า ดูๆแล้วเป็นเครื่องแบบที่เลียนแบบเครื่องแต่งกายโบราณ ที่มั่นใจว่าเป็นผู้ชาย ก็เป็นเพราะกระดูกของเขาขนาดพอๆกับกระดูกของผู้ชาย
ชุดเกราะที่อยู่ตรงข้ามเขาก็เป็นชุดเกราะที่ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ ดูๆแล้วน่าจะเป็นชุดที่กษัตริย์บางองค์สวมใส่ ดูจากภายนอกสดใสงดงาม โดดเด่นสะดุดตา
ข้างกายของผู้ชาย มีเครื่องแบบฮั่นฝูอยู่ ในมือของผู้ชายถือโซ่เหล็ก พันธนาการผู้เฒ่าที่ผมสีเงิน ร่างกายของผู้เฒ่าถูกมัดอยู่กับเสา เขาสวมใส่ชุดฉางผาวสีขาว นอกจากผมที่เป็นสีเงิน แล้วยังมีเครายาวสีขาว ดูๆแล้วอายุอย่างน้อยก็แปดสิบปี บนชุดฉางผาวสีขาวของเขามีเชือกหนามากมัดไว้ บนเชือกและชุดเต็มไปด้วยรอยเลือด ดูออกว่าถูกเฆี่ยนจนหนื้อตัวแตกยับ
“ปรมาจารย์กุ่ยซือ จะเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเรามั้ย?” ชายคนนั้นหยุดการกระทำของตัวเองลง แล้วถามอย่างเยือกเย็น
ผู้เฒ่าที่ถูกเฆี่ยนหัวเราะออกมา มองคนที่เฆี่ยนอย่างเหยียดหยาม แล้วถาม “เป็นแค่ไอ้ชั้นต่ำเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรจะมาพูดกับฉัน ไม่ว่ายังไงฉันปรมาจารย์กุ่ยซือก็เป็นคนที่ผู้คนให้ความเคารพ โลกขนานนามเขาว่าเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ แกแค่พูดมาว่าให้ฉันเข้าร่วมกับพวกแก แล้วฉันต้องเข้าร่วมกับพวกแกงั้นเหรอ?”
ปรมาจารย์กุ่ยซือ ผู้รอบรู้ด้านโหราศาสตร์ เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกนินจาของประเทศหวา ว่ากันว่ากว้าที่เขาคำนวณนั้นไม่เคยผิดพลาดเลย มีคนให้สรรพนามเขาอย่างเก๋ไก๋ว่า คนฉลาดขงเบ้งน้อย เขามีความชาญฉลาดเหมือนขงเบ้ง
แต่คนนี้มีชีวิตอย่างเสเพล รักอิสระเป็นชีวิตจิตใจ แล้วยังยโสโอหัง ไม่ค่อยดูดวงดูโหงวเฮ้งให้ใครง่ายๆ การดูดวงดูโหงวเฮ้ง ถ้าคนที่ไม่เชื่อ เขาจะใช้วิธีโหดเหี้ยมปลิดชีพ และเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงได้ถูกขนานนามว่าปรมาจารย์กุ่ยซือ เพื่อให้ผู้คนทั้งเคารพ ทั้งหวาดกลัวเขา ดังนั้นจึงได้เพิ่มคำว่ากุ่ยคำนี้เข้าไป
“สารเลว!การเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของแกแล้ว การที่สามารถทำงานเพื่อองค์กรที่มีมากกว่าสองพันกว่าปีได้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่แกต้องการหรอกเหรอ?สิ่งที่แกต้องการคือที่ๆสามารถเผยแพร่ความสามารถของแกให้แผ่วงกว้างได้ ตอนนี้ โอกาสนี้อยู่ต่อหน้าแกแล้ว แกเพียงแค่พยักหน้าเบาๆเท่านั้น ก็จะได้มาอย่างง่ายดายแล้ว ถึงตอนนั้น แกปรมาจารย์กุ่ยซือก็จะเป็นราชาของพื้นที่แห่งนี้แล้ว ชื่อเสียงของแกจะถูกแพร่ไปทั่วสารทิศ” ชายผู้นั้นพูดกับปรมาจารย์กุ่ยซืออย่างค่อนข้างตื่นเต้น