ตอนพูด หม่าจงหัวยังเงยหน้าขึ้นมา ราวกับกำลังเตือนเหล่าลูกชายของตน ในฐานะที่เป็นคนของประเทศหวาคนหนึ่ง พวกเราควรจะรู้สึกเป็นเกียรติ การที่ประเทศหวามีคนแบบนี้อยู่ เป็นความโชคดีของประเทศหวา
“แต่!” หม่ากวงชาวกล่าว “พ่อ นี่มันยุคไหนไปแล้ว จะมีคนทำสงครามได้ไง ต่อให้มี ก็เป็นสงครามอาวุธ เกี่ยวอะไรกับการประจัญบาน?ต่อหน้าอาวุธสงคราม ร่างกายของคนก็เป็นแค่เนื้อหนัง พ่อบอกว่ามันเก่งกาจ ผมว่าไม่ใช่เพราะมันเก่งกาจหรอก แต่เพราะอาวุธของประเทศเราเจ๋งมากกว่า!”
“เหอะ!” หม่าจงหัวมองลูกชายที่ไม่รู้อะไรเลย ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เขายืดอกแล้วพูด “แกจะไปรู้อะไร?อะไรคือยุคนี้ไม่มีทางทำสงครามกันแล้ว จะบอกให้นะ ทุกๆปีมีจะมีการทำสงครามเกิดขึ้น ช่วงหลายปีมานี้ประเทศหวาทำสงครามเล็กใหญ่มาแล้วประมาณสามสิบครั้ง ฉันคิดว่าแกจะตาสว่างบ้าง ใครจะไปรู้ว่าแกไอ้ลูกนอกคอกจะไม่รู้ถึงขั้นนี้”
“ที่ภายนอกประเทศหวาดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อให้ประชาชนดู ให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข สถานะและตำแหน่งของแก นึกไม่ถึงว่าจะเชื่อว่าประเทศหวาไม่มีใครรุกรานเข้ามา อยู่กันด้วยความสงบไม่ระรานกัน!ช่างน่าตลกสิ้นดี ประเทศหวาพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ประวัติความเป็นมากว่าห้าพันกว่า ของล้ำค่าของประเทศหวามีมากมายมหาศาล ชาวต่างชาติอยากจะขโมยของล้ำค่าของเรามาตั้งแต่แรกแล้ว พวกมันเคยล้มเลิกความคิดจะระรานประเทศหวาเมื่อไหร่กัน เพียงแค่มีโอกาส พวกมันไม่มีทางทิ้งความทะเยอทะยานอันโฉดชั่วของตัวเองแน่นอน”
เสียงของหม่าจงหัวดังยิ่งนัก ความทะเยอทะยานอันโฉดชั่วคำนี้ของเขาดังสนั่นทั้งห้องโถง
คนของตระกูลหม่าล้วนให้ความสนใจมองไปที่หม่าจงหัว เงียบจนเข็มเล่มหนึ่งตกพื้นยังได้ยิน
จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แววตามองไปที่มุมสี่สิบห้าองศา แล้วกล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะความยืนหยัดของสำนักเจ็ดพิฆาต สยบกองทัพต่างชาติได้ แกคิดว่าตอนนี้สังคมจะสงบสุขขนาดนั้นเลยเหรอ?แกคิดว่าพวกทหารที่คุ้มกันอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนแค่ยืนเฝ้าแค่นั้นเหรอ?คนที่ยืนเฝ้าเรียกว่าทหาร ส่วนคนที่ทำสงครามเรียกว่าแม่ทัพ”
“อาวุธ!” หม่าจงหัวกล่าวอย่างพึมพำ “อาวุธทำลายคนได้จริง แต่ที่ทำลายนั้นก็คือคนทั่วไป คนที่ถูกอาวุธทำร้าย จะถูกเรียกว่าราชามั้ย?จะเป็นความภาคภูมิใจของสำนักเจ็ดพิฆาตของประเทศหวาได้มั้ย?พวกแกรู้เรื่องสงครามสิบประเทศมั้ย?”
สีหน้าของหม่าจงหัวเคร่งขรึม ทุกคำพูดได้กระทบจิตใจคนมาก นี่เป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศหวา
พวกลูกชายต่างพากันสบตากัน ต่างพากันส่ายหน้าด้วยความไม่รู้
หม่าจงหัวพูดต่อว่า “เมื่อห้าปีก่อน ชายแดนวุ่นวาย เพราะมีการรุกรานของกองทัพต่างชาติ ส่งผลให้ชายแดนวุ่นวายมาก ตอนนั้นผู้นำทั้งเจ็ดเขตต่อสู้กับการรุกรานกองทัพศัตรูที่ชายแดน ทำได้เพียงเสมอกันกับศัตรู จะไปต่อก็ทำไม่ไหว สงครามยืดเยื้อเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้นำทั้งเจ็ดเขตเริ่มหมดแรง ถึงแม้จะแค่คุ้มกัน แต่ก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของฝ่ายศัตรูได้”
“และแล้ว กองทัพศัตรูก็หาจุดอ่อนเจอ ตีแตกในจุดของกองทัพนายพลท่านหนึ่งที่ชื่อว่าเทียนขุย แล้วยังจับเป็นนายพลท่านนี้อีกด้วย จับโจรให้จับหัวหน้า ทำสงครามต้องทำลายนายพล ในขณะที่กองทัพศัตรูคิดว่าจะได้ครอบครองเขตแดน แล้วฉวยโอกาสทำลายแนวป้องกันของประเทศหวา จู่ๆก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จู่ๆทหารวัยรุ่นคนหนึ่งปรากฏตัวในกลุ่มทหาร เขาเพียงคนเดียวขวางกองทัพนับหมื่นนับพันคนที่เข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือกลายเป็นดาบ ร่างกายเหมือนปีศาจ บุกเดี่ยวฆ่าเข้าไปในกองทัพของศัตรู ไม่ว่าปืนและระเบิดจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีทางเล็งไปที่เขาได้อย่างแม่นยำ เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก เร็วกว่ากระสุน และระเบิดไม่รู้กี่เท่าตัว เขาเพียงคนเดียว บุกเข้าไปในหมู่ศัตรู สังหารทหารนับพันนับหมื่น ชนะกองทัพที่มีทหารกว่าพันกว่าหมื่นคนได้ แล้วยังช่วยนายพลเทียนขุยคนนั้นมาได้อีกด้วย เหตุการณ์นั้นทำให้กองทัพศัตรูขนลุกขนพอง เหงื่อไหลไคลย้อย แม้แต่ทหารชายแดนของประเทศหวา ก็ต้องตะลึงกับการกระทำอันวิเศษของวัยรุ่นคนนี้”
“กองทัพศัตรูตกใจจนถอยทัพ ถูกพลังและความอาฆาต มหาศาลของเขาคนเดียวบีบ ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร แต่เขาก็ทำมันลงไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของเขาก็สะพัดไปทั่วกองทัพ นายพลเทียนขุยแหกกฎเลื่อนขั้นให้เขาเป็นทหารแนวหน้า ยุทธการหลังจากนั้นเขายิ่งอยู่ยิ่งทรงพลัง ในปีนั้นเขาคนเดียวฆ่ากองทัพศัตรูไปอย่างน้อยก็แสนกว่าคน ฆ่าจนกองทัพศัตรูขนลุก หนึ่งปีให้หลัง ก็คือเมื่อสามปีก่อน เนื่องจากเขาประสบความสำเร็จด้านการรบจำนวนมาก ประเทศชาติจึงแหกกฎเลื่อนขั้นให้เขาเป็นนายพลห้าดาว และเป็นผู้นำกองทัพทั้งหมดอีกด้วย เขาจึงได้ก่อตั้งกองทัพที่เรียกว่าสำนักเจ็ดพิฆาตขึ้น นายพลทั้งเจ็ดของประเทศหวาต่างเลื่อมใสกับความกล้าหาญของเขาทั้งหมด ทุกคนต่างซื่อสัตย์และภักดีต่อเขา แล้วยังปฏิญาณตนว่าจะฟังคำสั่งของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น”
“หลังจากนั้น สำนักเจ็ดพิฆาตได้ก่อตั้งขึ้น ได้เป็นกองทัพที่ฆ่าผู้รุกรานประเทศหวาโดยเฉพาะกลายเป็นที่สุดของประเทศหวา พวกประเทศที่พยายามรุกรานในเขตแดนของประเทศหวายังไม่ยอมแพ้ พวกมันพยายามรุกรานเข้ามาตลอด แต่ไม่มีใครแตกต่าง ทุกคนต่างพ่ายแพ้ให้กับสำนักเจ็ดพิฆาต ขอให้เป็นนักเจ็ดพิฆาต ประเทศหวาชนะแน่นอน!แล้วยังฆ่าจนไม่เหลืออะไรไว้เลย”
“ภายใต้ความจนปัญญา นายพลของทั้งสิบประเทศหารือกันเพื่อร่วมมือกันทางทหาร มีเพียงการร่วมมือกันทางทหารเท่านั้นจึงจะชนะสำนักเจ็ดพิฆาตที่โอหังเป็นอย่างยิ่งได้ นายพลของสิบประเทศล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูงบนโลก พวกเขาร่วมมือกันทางทหาร ต้องสะเทือนโลกนี้เป็นแน่ พูดอย่างไม่เกินไปก็ ถ้าพวกเขาร่วมมือกันสามารถครองโลกได้ แต่ต่อให้มีการร่วมมือกันทางทหารของนายพลทั้งสิบประเทศแบบนี้ก็ตาม ก็ยังคงไม่สามารถตีแตกสำนักเจ็ดพิฆาตได้ ไม่ใช่แค่นี้ นายพลห้าดาวของประเทศหวาท่านนั้นยังต่อสู้กับนายพลทั้งสิบประเทศสามวัน สุดท้ายต่อกองทัพทั้งหมดของนายพลสิบประเทศแตกพ่ายไป”
“สวมเกราะทองทำสงครามเป็นร้อยครั้งในทะเลทราย ไม่ชนะอาณาจักรโลวหลานไม่มีทางกลับมา เรื่องที่นายพลห้าดาวฆ่านายพลทั้งสิบประเทศดังกระฉ่อนไปทั่ววงการทหารทั้งโลก ไม่ว่าทหารรับจ้างหรือกองทัพต่างชาติล้วนตั้งประเทศหวาเป็นประเทศที่รุกรานไม่ได้ และราชาคนนั้นหลังจากวันนั้นบาดเจ็บหนัก ไม่มีใครรู้การรบของเขากับนายพลสิบประเทศ แต่ทุกคนล้วนเลื่อมใสในความกล้าหาญของทหารคนนั้น”
“นี่ คือนายพลของประเทศหวา ตำนานเพียงหนึ่งเดียวของนายพลห้าดาว เขาใช้การฆ่าจัดการการรุกรานของกองทัพต่างชาติ ทำให้จากนั้นเป็นต้นมากองทัพต่างชาติก็ไม่กล้าเข้ามาที่ประเทศหวาแม้แต่ก้าวเดียว!” หม่าจงหัวถอนหายใจ อารมณ์จริงจังอย่างหาที่เปรียบมิได้
เหล่าลูกชายที่นั่งอยู่ด้านล่างได้ฟังจนเลือดเดือดพล่าน ใครก็ไม่คาดคิดว่าชายแดนของประเทศหวาจะเผชิญกับเรื่องราวแบบนี้ และชายที่ถูกเรียกว่าเทพนั้น จะต้องมีเกียรติอย่างสูงส่งแน่นอน
สมองของหม่าเหาคิดออกทันใด เขาตาลุกโตแล้วกล่าว “พ่อ นายพลท่านนั้นที่พ่อพูดถึง ใช้จอมพลโผ้จวินคนนั้นหรือเปล่า?”
หม่าจงหัวพยักหน้าอย่างจองหองแล้วกล่าว “ใช่ เขานั่นแหละ!จอมพลโผ้จวินท่านนั้นที่ฆ่าซวี่ซง ฉันก็รู้สึกเสียใจกับการตายของเสี่ยวซง แต่ฉันไม่กล้าผูกใจเจ็บ เพราะกำลังของพวกเราเทียบกับเทพไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
หม่ากวงชาวกลืนน้ำลายอย่างหนัก เขาขยับมือ จึงพบว่าในมือเต็มไปด้วยเหงื่อแล้ว วันนั้นที่เขาไปฆ่าเทพของประเทศหวา ถ้าเขาลงมือ งั้นตอนนี้ตัวเองยังมีชีวิตอยู่อีกมั้ย?