ฟางเหยียนยังไม่ทันพูด เทียนขุยก็อดกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็ดูแคลนออกมา ตบไปที่โต๊ะอย่างแรง แล้วกล่าวอย่างดุเดือด “เหรอ?คิดจะมากร่างที่ประเทศหวาของผม ผมจะดูว่ามันจะกล้าย่างเข้ามาในดินแดนประเทศหวาของผมมั้ย!เพียงแค่มันก้าวเข้ามา ผมจะฆ่ามัน ตัดเขามันทิ้งเสีย เอาหัวของมันแขวนไว้ที่ประตูเมือง ให้ทหารต่างชาติได้เห็นจุดจบของการรุกรานเข้ามาในประเทศหวาของผม” คำพูดของเทียนขุย ราวกับการคำรามของสัตว์ดุร้าย บ้าคลั่งถึงขีดสุด!
นี่เป็นความรุนแรงที่ถูกปล่อยออกมาจากคนที่คลุกคลีอยู่กับการรบ ความรุนแรงแบบนี้เกิดจากการที่ฆ่าคนเป็นประจำ ชีวิตคน ในสายตาของเทียนขุย ฟางเหยียนก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น พวกเขาเคยชินกับการตัดสินชีวิตคนตั้งนานแล้ว
ความรุนแรงของเขาได้เผยกระจายไปยังทุกคนที่อยู่ในที่นั้น เถาไห่หลงและคนที่อยู่ข้างๆต่างสบตากัน เขาไม่รู้ตัวตนที่เทียนขุย แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนขุย เหมือนกับไม่กลัวการล้างแค้นของพวกเขาเลยแต่อย่างใด สุดท้ายเถาไห่หลงมองไปที่หวงหยวนฉาว จึงได้พบว่าหวงหยวนเฉาไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แม้แต่อารมณ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยน
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้
สุดท้ายได้มองไปที่ฟางเหยียน ฟางเหยียนสบายๆ ในมือยังคงถือแก้วชาแล้วดื่ม
ผ่านไปสักพัก เขาเก็บความคิดทั้งหมดไว้ แล้วกล่าว “คุณเทียนขุย ผมรู้ว่าคุณมีฝีมือเก่งกาจมาก แต่ถ้านี่ต้องกระทบกระทั่งกันอย่างไม่จำเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป…”
“งั้นคุณหมายความว่าไง?ความหมายของคุณคือให้ผมยอมพวกเขา?” เทียนขุยว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก คำพูดเยือกเย็นขึ้น ทำให้บรรยากาศในห้องรับรองพิเศษอึดอัดขึ้น
ไม่รอประธานเถาและคนอื่นๆได้พูดอะไร เทียนขุยก็พูดต่อว่า “ประธานเถา วันนั้นความโอหังของไอ้นั่นท่านก็เห็นแล้ว มันกำลังเหยียดหยามศิลปะการต่อสู้ของประเทศหวาของผม ตบหน้าประเทศหวาของผม เอาจริงๆ ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมจะฆ่ามันโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!ดินแดนแห่งนี้ ไม่ใช่ใครจะมาทำอะไรตามอำเภอใจได้!”
คำพูดของเทียนขุย กระแทกเข้าไปในจิตใจของทุกคนอย่างรุนแรงอีกครั้ง นี่เป็นคำพูดของชายชาติทหารที่รักประเทศคำหนึ่งพูดออกมา ช่างน่านับถือ ดินแดนแห่งนี้อยู่ในความดูแลของเทียนขุย เขาทนไม่ได้ที่จะให้ใครมาบังอาจในดินแดนของตนอยู่แล้ว
“คุณเทียนขุยอายุยังน้อยก็มีอารมณ์แบบนี้แล้ว ทำให้ผมชายชาติทหารที่มีอายุมาหลายสิบปีนับถืออย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ!” ผู้เฒ่าที่ถือแก้วเหล้าคนหนึ่งกล่าวอย่างปลงว่า “เหล้าแก้วนี้ ผมขอดื่มให้คุณ ถือว่าเป็นการเคารพคุณเทียนขุย”
ความจริงความหมายของเหล้าแก้วนี้คือต้องการคลายบรรยากาศตึงเครียดลง แต่เทียนขุยกลับกล่าวอย่างไม่รับความรู้สึกนั้น “ตอนนี้ผมไม่ดื่มเหล้า!ถ้าประธานเถาอยากมอบผมให้พวกมัน งั้นก็ทำได้เลยครับ”
เถาไห่หลงรีบโบกมือแล้วกล่าว “ไม่ๆๆ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเพียงแต่…”
เทียนขุยยกมือขึ้นมาวางไว้ต่อหน้าของประธานเถา แสดงท่าทีขัดคอออกมาแล้วกล่าว “พอแล้วครับ ประธานเถา เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องกังวลครับ ผมเทียนขุยทำเองขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว!ถ้าพวกมันกล้ามาบังอาจที่ประเทศหวาของผม มาหนึ่งคนฆ่าหนึ่งคน มาสองคนผมก็ฆ่าทั้งคู่ ฆ่าจนกว่าพวกมันไม่กล้ามาจึงจะหยุด!”
ผู้คนทั้งหลายกลัวจนหน้าถอดสีอีกครั้ง คำพูดของเทียนขุยคนนี้ รุนแรงเหมือนกับต่อสู้กับเขา ราวกับว่าไม่ว่าคนที่มาจะเป็นใคร เขาก็ไม่สนใจ คนที่อยู่ข้างๆเขายิ่งไม่สะทกสะท้านใดๆ ราวกับทั้งหมดที่เทียนขุยพูดได้อยู่ในแผนการของเขาแล้ว
เทียนขุยชายผู้ตรงไปตรงมาก็เป็นชายชาติทหารหัวรุนแรงแบบนี้ งานของเขาก็คือการปกป้องประเทศ!รักษาความปลอดภัยของประเทศหวา ใครก็เข้ามาที่ประเทศหวาแม้แต่ก้าวเดียว จะต้องเจอกับการจู่โจมของเทียนขุย ใครก็เข้ามา เขาก็จะทำร้ายคนนั้น!
การที่เข้ามากร่างในดินแดนของประเทศหวา ก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!
ข่มขู่เขา เขาไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย คนที่ได้ทุ่มเทชีวิตในสนามรบแต่แรก แล้วจะหวาดกลัวกับความตายได้อย่างไรกัน?
ทุกคนต่างสบตากัน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
ฟางเหยียนมองท่าทีของหลายๆคน ยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร!ก็แค่พูดไร้น้ำยา ไม่ถึงขั้นที่จะมาข่มขู่อะไรประเทศหวาของผมได้หรอก ทุกคนสบายใจได้ ต่อไปถ้าพวกมันยังพูดแบบนี้อีก ให้พวกมันส่งทหารมาลองดูก็ได้นะ”
หวงหยวนฉาวรู้ตัวตนของฟางเหยียนและเทียนขุน จึงได้รีบยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วกล่าว “ความหมายของคุณฟางก็คือ ประเทศหวาของเรามีมายาวนานกว่าหลายพันปี มีผู้บุกรุกเข้ามาจำนวนไม่น้อย แล้วสุดท้ายล่ะ?ก็ถูกไล่ออกไปหมด ไอ้พวกที่ทะเยอทะยานโฉดชั่วเหล่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของประเทศที่มีจิตวิญญาณ ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่าง ชายแดนของประเทศหวาของเรามีสำนักเจ็ดพิฆาตอันแข็งแกร่งปกปักรักษาอยู่!ไม่ว่าใคร ล้วนไม่กล้าบุ่มบ่ามในดินแดนประเทศหวาของผม นี่คือความน่าเกรงขามของประเทศหวาของเรา!”
ฟางเหยียนเห็นชอบกับคำพูดของหวงหยวนฉาว ยิ้มน้อยๆแล้วกล่าว “ท่านหวงพูดถูกครับ นี่คือความน่าเกรงขามของประเทศหวาของผม!ประธานเถาวางใจได้ครับ มีสำนักเจ็ดพิฆาต ถ้ายุโรปกล้ามา จะให้พวกมันมาแต่กลับไปไม่ได้!”
สี่คำสุดท้ายที่ฟางเหยียนพูด มาแต่กลับไม่ได้พูดเบามาก ขาดความดึงดูดและความรุนแรงนั้นของเทียนขุย แต่เมื่อฟังแล้วกลับรู้สึกมั่นใจมาก ราวกับเขาก็คือคนในสำนักเจ็ดพิฆาต และคำพูดที่พูดออกมาทั้งหมด เรื่องที่ทำทั้งหมดล้วนมั่นใจอย่างแน่นอน ถึงแม้เถาไห่หลงและคนอื่นๆจะไม่รู้ตัวตนของเขา แต่ฟังจากคำพูดของเขาก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ยังไงก็ใช่ชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว ถ้าแค่จุดนี้ยังดูไม่ออก ก็เสียชาติเกิด และใช้ชีวิตได้อย่างไร้ค่าจริงๆ
พวกเขาไม่พูดอะไรอีก ยกแก้วขึ้นดื่มกับฟางเหยียน
หลังจากที่ดื่มเหล้าลงไปแล้ว เถาไห่หลงจึงได้ถามขึ้นมาว่า “คุณฟาง ผมพอจะถามตัวตนของท่านหน่อยได้มั้ยครับ?ผมเห็นท่านกับเทียนขุยและดูสะดุดตา คิดว่าพวกคุณต้องเป็นบุคคลสำคัญของประเทศหวาเป็นแน่?”
ฟางเหยียนหัวเราะฮ่าๆ ต้องไปที่เถาไห่หลงไม่พูดอะไร
เพียงแต่จิบน้ำชส แล้วถาม “อ้อ ประธานเถาท่านรู้จักเจ้าค้างมีดมั้ย?”
ดูออกชัดเจนว่าเขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากบอกตัวตนของตัวเองให้พวกเขาได้รู้
ผู้คนทั้งหลายก็ดูออก จากปฏิกิริยาของเทียนขุยเมื่อกี๊ รวมกับความสุขุมของฟางเหยียน คำพูดที่ทั้งคู่ไม่อยากพูดออกมา พวกเขาไม่มีทางรู้ได้เลยจริงๆ
ที่ฟางเหยียนถามพวกเขาเกี่ยวกับเจ้าค้างมีด นอกจากจะเปลี่ยนเรื่องคุยแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคืออยากรู้เกี่ยวกับเจ้าค้างมีด!ในสังคมผู้เฒ่าเหล่านี้ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา เรื่องที่ฟางเหยียนไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจจะหาทางออกได้ หลังจากที่กลับมาจากเจียงตูแล้ว ฟางเหยียนก็เริ่มสงสัยในเจ้าค้างมีดนี่ขึ้นมา
โดยเฉพาะประโยคเหล่านั้นที่เขาพูด ส่งสัญญาณว่าอะไรกันนะ?
เป็นดั่งที่คาดไว้ หลังจากที่ได้ยินคำถามนี้ของฟางเหยียน เถาไห่หลงได้กล่าวว่า “รู้รับ เจ้าค้างมีด!เป็นคนสำคัญในตำนานพื้นบ้าน เมื่อก่อนผมเคยศึกษาองค์กรนี้อยู่”
ฟางเหยียนมองเถาไห่หลง แล้วถาม “งั้น คุณรู้มากน้อยขนาดไหน?”