การฟางเหยียนเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ทำให้ความรู้สึกกดขี่นั้นยิ่งแรงกล้าขึ้นไปอีก เริ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก! อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เต้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และแล้ว กาวหรงก็ทรุดลง
น้ำตาของเขาเหมือนเขื่อนแตก ที่ทะลักออกมา ตัวอ่อนจนคุกเข่าลงกับพื้น
เขามองฟางเหยียนอย่างเจ็บปวด แล้วกล่าว “ขอโทษ ขอโทษ แก แกจะทำอะไรฉัน?”
เมื่อเห็นกาวหรงที่ทรุดแล้ว ฟางเหยียนก็เก็บพลังอันแรงกล้าของตัวเองกลับไป ขณะนี้กาวหรงรู้สึกสบายตัวขึ้น ความรู้สึกนั้นหายไปแล้ว ต้องเป็นมัน มันแน่ๆที่กดขี่เขา
เขาไม่กล้าสบตาของคนนี้ตรงๆ เขากลัวว่าจะต้องรับควาทรู้สึกกดขี่นั่นอีก พูดอย่างไม่เกินจริงว่า การกดขี่เมื่อกี๊นี้ บังคับจิตใต้สำนึกของคนๆหนึ่งได้อย่างเต็มๆ และบีบให้คนเป็นๆต้องตายได้เลยล่ะ
ฟางเหยียนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้กับกาวหรง แล้วกล่าว “เซ็นซะ แล้วเอาไปส่งที่ตระกูลฟางด้วยตัวเอง!”
กาวหรงชะงัก จากนั้นก็ยกมือสั่นๆไปรับกระดาษนั้นมา เมื่อเห็นสัญญาหย่าที่เขียนไว้บนหัวกระดาษ ตาก็แทบจะถลนออกมา เขาค่อยๆได้สติกลับมา ไอ้นี่มันสวมเขาให้กับเขา แล้วตอนนี้ยังบีบให้เขาหย่ากับภรรยาของตัวเองอีก? สิ่งสำคัญที่สุดคือ แม้สัญญาหย่าก็เอาติดมาแล้วด้วย
“ทำไม? ไม่อยากเซ็น?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา
กาวหรงเงยหน้าขึ้นอย่างแรง แล้วกล่าว “แกๆๆรังแกคนมากเกินไปแล้วนะ แกนอนกับเมียของฉันแล้ว ยังจะเอาสัญญาหย่ามาข่มขู่ฉันอีก ฉันรู้ว่าแกเก่งกาจ แต่ๆต้องมีเหตุผลดิ แกไม่ใช่เหตุผลแบบนี้ ไม่ให้เกียรติฉันเกินไปแล้วนะ!”
ฟางเหยียนหันไปมองเทียนขุย เทียนขุยพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินออกไป ออกไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เดินกลับเข้ามา ในมือของเขาถือกระจกไว้บานหนึ่ง ไม่นาน เขาได้ยื่นกระจกที่อยู่ในมือให้ฟางเหยียน ฟางเหยียนเอากระจกไปวางไว้ตรงหน้าของกาวหรง จากนั้นได้กล่าวอย่างนิ่งสงบว่า “แกดูดีๆนะ ตอนนี้ฉันใช้คุยด้วยเหตุผลกับแกอย่างสงบแล้ว”
กาวหรงมองตัวเองในกระจก แล้วถามอย่างงงงวยว่า “หมายความว่าไง?”
ฟางเหยียนกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ดูสารรูปของแกให้ดีๆ แกคิดว่าตัวเองคู่ควรกับน้าของฉันมั้ย?”
กาวหรงรู้ว่าลับหลังมีคนจำนวนมากที่พูดแบบนั้น แต่ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้ต่อหน้าเขามาก่อนเลย นึกไม่ถึงว่าไอ้นี่จะพูดแบบนั้นต่อหน้าเขา นี่มันเป็นการเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่เขามีทางไหนให้เลือกอีก ชนะเขาไม่ได้ ทำได้เพียงยอมเท่านั้น!
เขาก้มหน้าก้มตา กลืนน้ำลายลงไป ด้วยความจำใจสุดๆ!
ฟางเหยียนนั่งยองๆ ลงไปดูกาวหรง แล้วกล่าวอย่างเน้นย้ำว่า “ถ้ารู้แล้วก็เซ็นชื่อซะ จากนั้นก็เอาไปส่งที่ตระกูลฟาง ไม่งั้นฉันจะทำให้ตระกูลกาวของแกล้มละลายเดี๋ยวนี้!” เมื่อได้ยินล้มละลายสามคำนี้ กาวหรงก็ตัวสั่น ถ้าให้คนอื่นพูดว่าจะทำให้ตระกูลกาวล้มละลาย เขาจะให้คนนั้นลองทำดู ตระกูลกาวระดับไหน ทำเหมืองแร่มาเป็นรุ่นต่อรุ่น กิจการอยู่ทั่วทั้งประเทศหวาไปแล้ว ทรัพย์สินของกาวหรงสูงถึงหลายแสนล้าน แต่พอไอ้นี่พูดออกมา เขากลับเกิดความกลัวขึ้น ไม่กล้าพูดให้เขาลองไปทำดู เพราะคนนี้ดูเหมือนจะมั่นใจมากที่จะทำให้ตนล้มละลายได้ จากคำพูดของเขา ก็ดูออกถึงความมั่นใจของเขา
กาวหรงกลืนน้ำลายลงไป แล้วถาม “แก แกเป็นใครกันแน่?”
“แกไม่ต้องสนเรื่องนี้! เซ็นชื่อก็พอแล้ว เวลาของแกมีไม่มากแล้ว เซ็นชื่อแล้วฉันจะไป” เสียงของฟางเหยียนเย็นขา เลือดเย็นมาก
กาวหรงมองไปรอบๆ คิดในใจเมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากต้องยอมถอย เซ็นชื่อต่อหน้าเขาก็ได้แล้ว แต่ถ้าจะให้เขาเอาไปส่งที่ตระกูลฟาง เขาทำไม่ได้ ถ้าไปส่ง นั่นหมายถึงตัวเองตัดขาดกับตระกูลฟางอย่างเด็ดขาดแล้ว ต่อให้ตระกูลของตัวเองก็แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ยังคงต้องพึ่งพาตระกูลฟางอยู่ดี
กาวหรงรับกระดาษนั้นมาอย่างตัวสั่น หมอบลงกับพื้นแล้วเซ็นชื่อตัวเองอย่างเร็ว จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองฟางเหยียนแล้วถาม “ไง? ตอนนี้ โอเคแล้วยัง?”
ฟางเหยียนเงียบไปสักพัก แล้วพูดคำพูดที่ทำให้กาวหรงสิ้นหวังว่า “ถ้าพรุ่งนี้แกไม่ได้เอาเอกสารนี้ไปส่งที่ตระกูลฟาง สิ่งที่รอแกอยู่คือข่าวการล้มละลายของตระกูลแก อย่าคิดว่าฉันล้อเล่นกับแก ถ้าไม่เชื่อแกลองดูได้นะ!”
เมื่อพูดจบ ฟางเหยียนหันหลังแล้วจากไป เทียนขุยก็ตามหลังไปติดๆ!
กาวหรงมองพวกเขาเดินจากไป ด้วยใจเต้นตึกๆ แต่เขาไม่มีทางทำตามคำสั่ง ในเมื่อต่อสู้ไม่ชนะไอ้นี่ งั้นก็สั่งให้คนไปจับเขามา ด้วยสถานะของตนที่เมืองเจียงตู มีวิธีมากมายที่จะจัดการเขา
เมื่อนึกถึงจุดนี้ กาวหรงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก ตอนที่กำลังรอปลายสายรับสายอยู่นั้น กาวหรงก็คิดขึ้นมาว่าหรือเขาคือคุณชายของตระกูลฟางจริงๆกันนะ? คุณชายที่ออกจากตระกูลฟางเมื่อนานมาแล้วคนนั้น
ไม่ๆๆ ตนจะเชื่อคำพูดไร้สาระแบบนี้ได้อย่างไรกัน นี่ก็เป็นแค่เรื่องที่ฟางไห่อิงแต่งขึ้นมาเพื่อจะนอกใจเขาก็เท่านั้น ในขณะที่เธอจะนอกใจ จู่ๆก็มีหลานชายโผล่ขึ้นมาอย่างงงๆ ใครจะไปเชื่อ?
เมื่อปีที่แล้ว สองปีที่แล้ว หลายปีที่แล้วทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัว ดันต้องมาปรากฏตัวเอาตอนนี้!
บ้าบอคอแตก ตัวเองจะบ้าไปกับเธอทำไมกัน! ให้ตายยังไงกาวหรงก็ไม่มีทางเชื่อว่าไอ้นี่คือคุณชายของตระกูลฟาง เขาคิดไว้อย่างแน่วแน่แล้วว่านี่คือคนรักของฟางไห่อิง
ปลายสายรับสาย แล้วส่งเสียงออกมา “เหล่ากาว มีธุระอะไรมั้ย?”
“พี่ซู ผมมีปัญหา พี่ช่วยผมหน่อยได้มั้ย? มีคนมาที่บ้านผมแล้วทำร้ายคนของผม เมื่อกี๊ตอนอยู่ข้างนอกก็ทำร้ายผมมาแล้ว มันๆๆยังพูดอีกว่าจะปิดกิจการเหมืองแร่ของผม!” เสียงของกาวหรงมีเสียงร้องไห้และทำอะไรไม่ได้ผสมอยู่ คนนี้เหมือนเป็นคนช่วยชีวิตจริงๆของเขาก็มิปราณ
ปลายสายนิ่งเงียบไป ไม่พูดอะไร เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ กาวหรงรอให้เขาพูด แต่ผ่านไปสิบวินาทีแล้ว สามสิบวินาทีก็แล้ว หนึ่งนาทีผ่านไปก็แล้ว ปลายสายก็ยังคงไม่พูดอะไร
กาวหรงใจไม่ดี ทำไมผ่านไปตั้งนานแล้วยังไม่พูดอะไรอีกนะ? เมื่อนึกได้ดังนี้ เขาจึงได้ถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ซู เป็นอะไรไป? พี่พูดอะไรหน่อยสิ!”
กาวหรงเคารพพี่ซูคนนี้มาก เพราะเค้าเป็นคนด้านนั้น
“เฮ้อ!” จู่ๆปลายสายก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เหล่ากาว ครั้งนี้แกยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วแล้วล่ะ ฉันว่าทำไมแปลกๆ เมื่อกี๊เพิ่งได้รับคำสั่งแปลกๆ ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามช่วยแกทั้งนั้น ถ้าช่วยแก เตรียมตัวตายได้เลย ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะ”
กาวหรงแข็งทื่อไป เขาถามอย่างตกใจว่า “ท่าน ท่านหมายความว่าเบื้องบนสั่งท่านมาว่าอย่ายุ่งเรื่องผม?”
ปลายสายตอบอย่างไม่คิดว่า “ใช่ไง ครั้งนี้แกยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วแล้วล่ะ ระวังตัวหน่อยแล้วกัน!”
เมื่อพูดจบปลายสายก็วางไป กาวหรงงงเข้าไปใหญ่ เบื้องบนสั่งการพี่ซู คนที่สามารถสั่งพี่ซูได้มีน้อยนัก ตนก็ไม่ได้ทำผิดต่อใครนะ นอกจากไอ้นั่น แล้วยังมีใครอีก?
หรือไอนั้นมันค้ำฟ้าจริงๆ…
เมื่อนึกถึงจุดนี้ กาวหรงก็ขนลุกซู่ขึ้นมา!