“ฟางไห่ถาง ฉันขอถามอะไรแกหน่อย แกคุ้นเคยกับธุรกิจในประเทศทั้งหมดหรือยัง?”
ฟางไห่ถางผงะไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ยังไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ช่วงนี้ผมเริ่มติดต่อคบค้า กำลังทำความเข้าใจ!”
“ถ้าอย่างงั้นแกรู้จักหุ้นส่วนทางธุรกิจในประเทศของเรากี่คน?”
“เอ่อ!” ฟางไห่ถางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “แปดคน ไม่สิ สิบห้าคน!”
“อืม! แปดคน สิบห้าคน! ไม่ว่าจะแปดหรือสิบห้าคน! ที่แกรู้จักทั้งหมดมันคือนายทุนใหญ่ๆ เป็นพวกคนแข็งแกร่งในตลาดธุรกิจ แต่แกไม่รู้จักหุ้นส่วนคู่ค้าระดับกลางและล่างเลย ตระกูลฟางของพวกเรามีหุ้นส่วนคู่ค้าเป็นหมื่นๆราย แกรู้จักแค่นั้น แกคิดว่าฉันจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้แกไหม?”
ฟางไห่ถางก้มหน้าลงด้วยความละอายแล้วกล่าวว่า “คุณพ่อ ไม่ใช่ว่าผมกำลังทำความเข้าใจหรือ?”
แรงจูงใจของตำแหน่งผู้นำตระกูลฟางนี่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ไม่มีใครไม่อยากนั่งตำแหน่งนี้ ดูเหมือนตระกูลที่สงบสุข ทว่าความจริงแล้วมันเต็มไปด้วยปัญหา สถานการณ์วุ่นวายได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะช่วงนี้สุขภาพของชายชราไม่ค่อยสู้ดีนัก พวกเขาไม่กี่คน ไม่ว่าใครได้นั่งตำแหน่งผู้นำตระกูล นั่นเทียบเท่ากับการได้รับการยอมรับจากประเทศหวา มีสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมด สำหรับพวกเขา อำนาจสำคัญที่สุด
“พอแล้ว เรื่องนี้อย่าให้มีใครแย้งขึ้นมาอีก ตำแหน่งผู้นำตระกูลจะเป็นของฟางเหยียน! เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่ตำแหน่งผู้นำตระกูล สถานะของเขาทรงอิทธิพลมากที่สุดจนพวกแกไม่มีใครเทียบได้ ถ้าเขาเต็มใจที่จะรับช่วงต่อตระกูลฟางของฉัน แบบนั้นตระกูลฟางของเราต้องยิ่งใหญ่ต่อไปไม่ต่ำกว่าสองร้อยปีแน่นอน!” ฟางจินหยวนเปล่าประกาศด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
ในเวลาเดียวกัน มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตู มีร่องรอยความตื่นตระหนกฉายอยู่บนใบหน้าของชายชรา “คุณท่าน แย่แล้ว!”
นี่คือเหล่าโจวผู้ดูแลบ้านตระกูลฟาง ฟางจินหยวนเหลือบมองเหล่าโจว เหล่าโจวเองรู้กฎของบ้านนี้เป็นอย่างดี คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาขณะที่ประชุมอยู่ เว้นแต่จะมีเรื่องฉุกเฉิน ดังนั้นฟางจินหยวนจึงเอ่ยถาม “มีอะไร?”
เหล่าโจวพูดเสียงสั่น “คุณท่าน นายน้อยพาคุณหนูกลับมาแล้ว บอกว่าต้องการพบคุณท่าน! ที่ห้องโถงใหญ่ตอนนี้”
“ว่าไงนะ?” ฟางจินหยวนรีบลุกขึ้นยืน หลังจากอึ้งอยู่ห้าวินาที เขาก็ถามด้วยเสียงสั่นๆว่า “เป็นเสี่ยวเหยียนเหรอ?”
เหล่าโจวรีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ นายน้อยฟางเหยียน!”
“ดี ดี ดี ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ขณะที่กำลังพูด เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและรีบเดินออกนอกประตูไปด้วยท่าทางร่าเริง ความอึดอัดทั้งหมดที่มีเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา
หลังจากที่ชายชราออกจากห้องประชุม ถึงได้ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ฟางไห่ถางและฟางไห่เซิงแลกเปลี่ยนสายตากันครู่หนึ่งแล้วทั้งสองก็หลบสายตากันอย่างจนใจ ฟางไห่เซิงมองไปทางหลี่เยว่ภรรยาของตัวเองแล้วพูดว่า “ฉันว่านะ เธอน่ะ ล้วนถูกเธอที่ทำลายไปแล้ว ผู้หญิงอย่างเธอก็ทำได้แต่ทำลายเรื่องดีๆของฉัน!”
“เอ้! ตอนนี้มาโทษฉันแล้วเหรอ? ตาแก่นั่นก็แค่จับผิด นี่คุณยังไม่เข้าใจความหมายของเขาอีกหรือไง เขาไม่อยากให้คุณนั่งตำแหน่งผู้นำตระกูล คุณมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยแต่ก็แผ่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด” หลี่เยว่เถียงขึ้นมาข้างๆคูๆ
ฟางไห่เซิงถอนหายใจแล้วก็กล่าวว่า “ตอนนี้คิดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราออกไปดูกันดีกว่า ตาแก่จะทำยังไงตอนมันกลับมา มันจะมาไม้ไหน ถ้าจะให้ฉันพูด ปากของเจ้านั่นก็คงบอกว่าไม่ตอบรับตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่ความจริงคงยอมรับตั้งนานแล้ว”
ทั้งสองคนคุยกันขณะที่กำลังเดินออกไป !
ทุกคนในห้องประชุมรีบเดินออกกันหมด ทิ้งผู้มาใหม่อย่างฟางเหมี่ยวและตงฟางหยุนเอ๋อร์ไว้ที่เดิม เดิมทีวันนี้คือวันแต่งงานของทั้งสองคน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแบบนี้ ทั้งสองคนถูกทิ้งให้เป็นเหมือนอากาศอยู่ที่นี่
หัวใจของฟางเหมี่ยวไม่สบอารมณ์อย่างหนัก เขาหันไปมองตงฟางหยุนเอ๋อร์ด้วยสายตาหงุดหงิดแล้วกล่าวว่า “หยุนเอ๋อร์ ขอโทษนะ คุณปู่ท่านก็เป็นอย่างนี้แหละ อำนาจสำคัญกับเขามากกว่าสิ่งใด คนที่เขามาอยู่ในตระกูลล้วนถูกเขากด ในตอนแรกที่คุณแม่ของฉันเข้ามาอยู่ในตระกูลก็ถูกคุณปู่พูดใส่แบบนี้แหละ ดังนั้นเธออย่าถือสาเลย”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ส่งเสียงฮึออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ฉันไม่ได้หงุดหงิดเรื่องนี้ ตระกูลใหญ่ทำแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันชื่นชมวิธีการของคุณปู่ อย่างน้อยก็ทำให้คนเห็นรู้สึกสบายใจ หยิ่งผยองมีอำนาจ! ฉันแค่กำลังคิด ว่าทำไมคุณพ่อและคุณอาของเธอถึงมีความคิดแบบนี้ ทำไมคุณถึงไม่ออกความเห็น หรือว่าคุณไม่ได้อยากเป็นผู้นำตระกูลฟางหรือ? ”
ฟางเหมี่ยวถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก แล้วตอบว่า “อยาก แน่นอนว่าฉันอยาก แต่พูดอะไรไปตอนนี้รังแต่จะทำให้คุณปู่เกลียดฉัน สุขภาพของคุณปู่ไม่ค่อยดี เขาอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าถึงเวลาแล้วน้องเหยียนยังไม่ตอบตกลงเป็นผู้นำตระกูล เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็จะมีโอกาสขึ้นไปอยู่ตำแหน่งนั้นเอง”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ทำไมถึงจะไม่เต็มใจเป็น ตำแหน่งผู้นำตระกูลฟางเป็นที่ดึงดูดใจใครตั้งหลายคน ใครจะไม่สนกัน? ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีคนหวั่นไหวกับตำแหน่งนี้ น้องเหยียนของคุณคนนั้นฉลาดจะตายไป!”
ฟางเหมี่ยวหัวเราะเหอะๆ จากนั้นก็พูดด้วยสายตาเย็นชา “แม้ว่าเขาจะอยาก นั่นก็ต้องมีความสามารถที่จะทำได้!”
ณ ห้องโถงใหญ่
ฟางเหยียนยืนอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เงยศีรษะขึ้นมองตัวอักษรฟางตัวใหญ่ที่อยู่ในห้องโถง เขาไพล่มือไว้ด้านหลัง พร้อมกับกำหมัดแน่น หน้าผากเย็นเฉียบ
ฟางไห่อิงยืนอยู่ด้านหลังเขา ท่าทางประหม่า สายตาของเธอมองไปมาทุกที่ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด ดังนั้นเธอจึงตรงไปพูดกับฟางเหยียนด้วยความระมัดระวัง “เสี่ยวเหยียน! เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันกลับมาถึงบ้านแล้ว”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอก็จะรั้งฟางเหยียนไว้ ที่นี่อย่างไรก็คือบ้านของฟางเหยียน แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว เพราะฟางเหยียนมาเพื่อหาเรื่อง รออีกสักพักเขาต้อง“ถามหาความผิด”กับชายชราอย่างแน่นอน เธอกลัวว่าชายชราจะรับไม่ไหว
“ไม่เป็นไร นอกจากพาป้ากลับมาบ้าน ผมยังมีเรื่องที่อยากเตือนพวกเขา” ฟางเหยียนพูดอย่างเฉยเมย
ฟางไห่อิงพูดด้วยความประหม่า “เสี่ยวเหยียน ฉันรู้ว่าเธอดีกับอา แต่เดี๋ยวตอนที่เธอพูดกับคุณปู่อย่าโมโหเขา เข้าใจไหม? ” ฟางเหยียนไม่ตอบ ทำเพียงแค่มองห้องโถงด้วยสายตาเย็นชา
ขณะเดียวกัน ชายชราก็เดินจากห้องประชุมมาถึงห้องโถงใหญ่ เขาเห็นฟางเหยียนมาจากระยะไกล ท่าทางที่ทองทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่เอาสิ่งใดมาไว้ในสายตา ชั่วขณะนั้นก็ทำให้ชายชราไม่อาจก้าวเท้าอย่างมั่นคง
สายตาของเขาวางอยู่บนร่างของฟางเหยียน จากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน มองฟางเหยียนซ้ำไปซ้ำมา ชั่วพริบตาเดียวความทรงจำนับไม่ถ้วนของเขาก็ผุดขึ้นมา ทำไมถึงได้คุ้นเคยกับฉากนี้แบบนี้ นี่มันเกิดขึ้นมาตั้งกี่ปีแล้ว เหมือน เหมือนมาก เหมือนกับลูกชายของเขาไม่มีผิด
ฟางไห่เฟิงเป็นลูกชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฟางจินหยวน อีกทั้งยังเป็นความหวังของตระกูล! ถ้าฟางไห่เฟิงยังมีชีวิตอยู่ ชายชราคงเกษียณตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้วไปใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขตั้งนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ในใจเขาตลอดมา
เมื่อก่อน ฟางไห่เฟิงก็เอามือไพล่หลังไว้เหมือนกับฟางเหยียน ยืนมองตัวอักษรคำว่าฟางในห้องโถงใหญ่ นิสัยนี้สืบทอดมาจากฟางจินหยวน และเกือบจะเป็นความสามารถโดยกำเนิดของผู้นำตระกูลฟางทุกคน ฟางไห่เซิง ฟางไห่ถางและฟางเหมี่ยวทำไม่ได้ มีเพียงฟางไห่เฟิงและฟางเหยียนเท่านั้น!
ฟางเหยียนไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน แต่เขากลับแสดงออกมาได้อย่างดี! เขาเป็นอนาคตของตระกูลฟาง เป็นความหวังของตระกูลฟาง