ถ้าไม่ให้เทียนขุยขยับฝีเท้าและใช้กำปั้น เขาก็ไม่อาจใช้หมัดแปดทิศได้ ใช้หมัดแปดทิศออกมาไม่ได้ เขาก็ไม่อาจโจมตีชายชราตรงหน้าให้พ่ายแพ้ได้! ไม่ต้องสงสัยเลย ต้องเป็นเขาแน่ เป็นชายชราตรงหน้านี่ที่ทำ
“นาย นายทำอะไรกับฉัน? นายเป็นใครกันแน่?” เทียนขุยกัดฟันถาม ในแววตามีความตื่นตระหนกเพิ่มขึ้นมา นี่เป็นการแสดงออกที่หายากบนใบหน้าของเทียนขุย เพราะว่าเขาเป็นคนประเภทที่แม้ตายก็ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
เทียนขุยนั้นไม่ได้กลัวตาย เพียงแค่ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกคนมัดร่างกายอยู่เช่นนี้ ตอนนี้ ถึงจะมีคนที่ไม่มีความสำคัญเล็กๆคนหนึ่งที่ถือมีดแทงคนมาแทงเขา เขาก็ไม่มีกำลังที่จะตอบโต้กลับแม้แต่น้อย ความรู้สึกประเภทที่ว่าถูกมัดไว้แล้วฆ่าตายนี้ สำหรับวีรบุรุษแล้วคือการเหยียดหยาม วีรบุรุษ ตายได้แค่ในสนามรบเท่านั้น ตายได้แค่ในสงครามเท่านั้น จะมาถูกคนบีบคั้นจนตายอย่างน่าคับแค้นใจเช่นนี้ได้อย่างไร!
ชายชราหัวเราะเหอะๆเสียงเย็น เอ่ยว่า “ฉันบอกแล้ว นายไม่คู่ควรกับมีดของฉัน! มีดของฉันขายให้กับเขาเท่านั้น เพียงแค่เขาซื้อมีดของฉัน พวกนายก็ไปได้แล้ว!”
เขายกมือขึ้นมาชี้ไปที่ฟางเหยียน สีหน้าอ่อนโยน มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเขาลงมือ
คนที่เดินผ่านทางอะไรก็มองไม่ออก ก็เห็นแค่เทียนขุยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ก็เหมือนกับยามตัวใหญ่คนหนึ่ง
เทียนขุยกัดฟัน เอียงสายตาเอ่ยกับฟางเหยียนว่า “จอมพลโผ้จวิน ฉันขยับไม่ได้แล้ว เจ้าหมอนี่ใช้คาถาได้ ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรมาผูกมัดฉันไว้! ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันไม่ใช่ของตัวเองแล้ว”
ฟางเหยียนจ้องมองชายชราแปลกประหลาดคนนี้ สามารถใช้พลังเช่นนี้ได้ ทำให้ยอดฝีมือระดับสูงอย่างเทียนขุยไม่อาจขยับตัวได้ แสดงให้เห็นว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน!
ด้วยสภาพร่างกายของตนเองในตอนนี้ ก็อาจจะไม่มีทางทำได้ แต่เขาทำได้แล้ว!
เจตนาการมาของเขาคืออะไร?
เขาคือคนขององค์กรนั้นหรือ?
เป็นองค์กรนั้นส่งเขามาหรือ?
การคาดเดานับไม่ถ้วนวนอยู่ในสมองของฟางเหยียนรอบหนึ่ง สุดท้ายแล้วสายตาของฟางเหยียนก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าเขามีเจตนาอะไร ก็ทำได้แค่รอดูการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น! ถ้าเกิดว่าเขาลงมือ เช่นนั้นตนเองก็ไม่ถือสาที่จะฆ่าเขา!
ดังนั้นฟางเหยียนจึงเอ่ยอย่างสงบว่า “ฉันพูดไปแล้ว ฉันไม่ชอบใช้มีด”
ชายชราได้ฟังคำพูดนี้ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “ที่นายไม่ชอบก็คือมีดธรรมดาๆ แต่ว่ามีดเล่มนี้ของฉันไม่ธรรมดา! ฉันเตรียมไว้ให้นายเป็นการเฉพาะ นายไม่ลองสักหน่อยจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบหรือไม่ชอบกันล่ะ?”
ชายชราพูดอยู่ ก็ยกมือขึ้นมาเอามีดในมือยื่นไปให้ฟางเหยียน
ฟางเหยียนหัวเราะเหอะๆเอ่ยว่า “นายรู้จักฉัน?”
ชายชราส่ายหน้าเอ่ย “ไม่รู้จัก!”
“แม้แต่ฉันเป็นใครนายยังไม่รู้จัก งั้นนายยังบอกว่าเตรียมไว้เพื่อฉัน?” ฟางเหยียนถามกลับ
ชายชราเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ฉันบอกว่ามีดเล่มนี้เตรียมไว้เพื่อนาย เขาเตรียมไว้ให้นาย ไม่มีทางผิดพลาด! มีดของฉันสามารถค้นพบเจ้าของเองได้ นี่เป็นสิ่งที่มีดบอกฉัน เขาบอกว่าโลกนี้ มีแค่นายที่คู่ควรที่จะใช้มัน!”
มีดสามารถพูดได้? นี่จะหลอกใครกัน! ไม่ว่าใครฟังต่างก็รู้สึกว่าคำพูดนี้เหลวไหลถึงที่สุด
นี่ไม่ใช่เป็นแค่เพียงชายชราตาบอดคนหนึ่ง ยังเป็นชายชราบ้าอีกด้วย เขาบ้าไปแล้ว!
มองมีดที่สนิมเขรอะเล่มนั้น ฟางเหยียนก็มองชายชราตาบอดที่แปลกประหลาดอีกครั้ง สุดท้ายหันกลับไปมองเทียนขุยที่ยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย ถูกแรงมัดไว้อย่างแน่นหนา ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาถึงได้ยกมือขึ้นรับมีดเล่มนั้นมา
เพิ่งจะหยิบมีดมาไว้ในมือ ชายชราก็พูดว่า “ในเมื่อรับมีดนี้ของฉันไปแล้ว ก็รับพวงนี้ของฉันไปด้วย!”
พูดจบ ชายชราก็ควักเหรียญทองแดงเก่าๆเมื่อครู่นั้นออกมา
“รอก่อน!” ฟางเหยียนตะโกนบอก จากนั้นเอ่ยว่า “ฉันไม่ได้พูดว่าต้องการมีดเล่มนี้ของนาย มีดเล่มนี้ของนายฉันถือได้ไม่เหมาะมือ”
ฟางเหยียนไม่มีความเคยชินที่จะใช้มีด ถือมีดเล่มนี้นั้นไม่เหมาะมือจริงๆ มีดนี้ไม่หนัก และก็ไม่เบา ถ้าจะพูดว่าที่ตรงไหนที่พิเศษ ตนเองก็สัมผัสไม่ได้จริงๆ มองอย่างไรก็เป็นมีดสนิมเขรอะเล่มหนึ่ง
พูดอยู่ฟางเหยียนก็เอามีดขึ้นสนิมผุๆในมือยื่นให้ชายชรา สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยอย่างค่อนข้างโมโหว่า “ไม่! ไม่เคยมีใครบอกว่ามีดของฉันไม่เหมาะมือมาก่อน นายสัมผัสมันแล้ว มันก็เป็นของนาย”
นี่ไม่ใช่การกระทำไร้ยางอายอย่างโจ่งแจ้งหรือ? เจ้าหมอนี่เล่นลูกไม้จนขึ้นมาบนหัวของฟางเหยียนแล้ว
ฟางเหยียนเตรียมจะเอ่ยคำ เขียนขุยก็ตะโกนใส่ชายชรา “เจ้าแก่ นี่นายกำลังทำพฤติกรรมผิดกฎหมายรู้หรือไม่? เบิกตาสุนัขของนายให้กว้างแล้วมองให้ดี นี่คือพลตรีของประเทศหวา นายตายแน่!”
ชายชราขยับคอเล็กน้อยอย่างไม่สนใจ จากนั้นเหอะออกมาเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า “พูดมากจริง!”
เพิ่งเอ่ยคำจบ เทียนขุยก็ส่งเสียงอือๆออกมา ฟังไปแล้วทรมานอย่างมาก ฟางเหยียนหันหน้าไปมอง ลำคอของเทียนขุยราวกับถูกคนจับไว้อย่างแน่นหนาเช่นนั้น แม้แต่คำพูดเดียวเขาก็พูดไม่ออก
เมื่อครู่เทียนขุยก็ไร้หนทางแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าหมดหนทาง ลำคอขณะนี้ก็เหมือนกับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเอาไว้ บีบจนตนเองแม้แต่คำพูดก็เอ่ยออกมาไม่ได้ นี่คือครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวัง! สิ้นหวังคือมีคนโอหังอวดดี แต่ตนเองถึงกับทำอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดว่าคนผู้นี้ลงมือไปฆ่าจอมพลโผ้จวิน เขาก็ไม่อาจยื่นมือช่วยเหลือ นี่เป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุดสำหรับผู้ชายที่ดุดันคนหนึ่ง
เห็นเทียนขุยที่เจ็บปวดอย่างที่สุดแล้ว ฟางเหยียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “มีดนี้ ฉันไม่ซื้อ!”
แต่ไรมาก็ไม่มีใครกล้าบีบบังคับฟางเหยียนให้ทำในเรื่องที่เขาไม่ชอบ ถึงแม้ว่าความสามารถของชายชราคนนี้จะแข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถ!
พูดอยู่ เขาก็เอามีดในมือยื่นไปตรงหน้าของชายชราตาบอด แต่ชายชรากลับใช้มือแห้งเหี่ยวคว้ามือของเขาเอาไว้ เอ่ยว่า “เขาเป็นของนายแล้ว!”
ฟางเหยียนพูดอีกครั้ง “ฉันบอกแล้ว ไม่เอา!”
พูดจบ ฟางเหยียนใช้แรงดันไปทางตำแหน่งของเขาอย่างหนัก แต่ว่าก็ถูกเขาดันกลับมาอีกครั้ง อย่าได้มองว่าชายชรานี้ผอมแห้ง แต่ว่าแรงจากฝ่ามือเขากลับแข็งแกร่งจนน่าอัศจรรย์
ภายใต้แรงกดดันรุนแรงของทั้งสองคน กลางฝ่ามือเริ่มปล่อยประกายไฟแปลกประหลาดสายหนึ่งออกมา เป็นกำลังภายใน! ไม่ต้องสงสัยเลย ว่านี่คือพลังภายในที่ชายชราปลดปล่อยออกมา ฟางเหยียนก็ไม่ยอมน้อยหน้า ก็ปล่อยพลังของตนเองออกมาเช่นกัน
ภายใต้การขับเคลื่อนด้วยพลังภายใน ทันใดนั้นด้านหลังของชายชราก็ปรากฏเสือดุร้ายตัวหนึ่งขึ้นมา อ้าปากกว้างใหญ่ดุจอ่างโลหิต คำรามใส่ฟางเหยียนเสียงหนึ่ง พร้อมด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างออกมา ส่วนด้านหลังของฟางเหยียน ก็ปรากฏมังกรดุร้ายที่หลับสนิทตัวหนึ่งออกมา ดวงตาทั้งคู่ของมังกรดุร้ายปิดสนิท แต่ว่าเพิ่งจะปรากฏตัวไม่กี่วินาที ถึงกับไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ก็ควบคุมเสือร้ายเอาไว้ได้!
ภายใต้การรวมตัวกันของพลังทั้งสองสายนี้ มีดเล่มนั้นเริ่มที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา ตัวมีดเกิดเสียงหึ่งๆๆดังขึ้น
คนอื่นมองไม่เห็น แต่ว่าเทียนขุยเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าแก่นั่นถึงกับกำลังประลองพลังภายในกับจอมพลโผ้จวิน ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาถึงกับสามารถเรียกเสื้อดุร้ายออกมาได้ ความสามารถของจอมพลโผ้จวินเขานั้นชัดเจนดี ฝีมือไม่ธรรมดา แต่ว่าชายชราสามารถทัดเทียมได้ อีกทั้งยังไม่ตกเป็นรอง เจียงตูนี้นับว่าเป็นเสือซุ่มมังกรซ่อนจริงๆ