ฟางเหยียนหัวเราะร่วน เงยหน้ายกดวงตาเย็นชามองไปที่ถังหงตรงๆ พลางว่า “ผมไม่สนใจเรื่องภายในของพวกคุณ ตอนนี้ผมคิดแค่จะช่วยชีวิตคุณท่าน คุณท่านยังไม่ตายเลยนะ คุณกลับมาทำเรื่องวุ่นวายไปหมดอย่างนี้ สมควรที่ไหน?”
“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย แกเป็นตัวอะไร เรื่องตระกูลถังของเราแกไม่มีสิทธิ์มาสอด!” ถังหงตะคอกฟางเหยียนอย่างโกรธจัด
ถังยู่ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยหันไปมองถังหงว่า “ลุงใหญ่ หนูว่าฟางเหยียนพูดถูก ตอนนี้ช่วยคุณปู่ก่อนเถอะ! คุณฟางบอกว่าสามารถช่วยคุณปู่ได้ ให้เขาลองหน่อยก็ดี อีกอย่าง คุณฟางพึ่งช่วยบ้านเรา ตอนนี้ลุงมาทำแบบนี้กับเขา ดูไม่สมควรเท่าไหร่นะคะ?!”
“เราจะรู้อะไรล่ะ? เราน่ะยังเป็นเด็ก ไม่รู้อะไรเลย! อย่ามาพูดจาเลื่อนเปื้อน” ถังหงหันไปตะคอกถังยู่เสียงแข็ง
เห็นได้ชัดว่า เขาคิดจะรวบอำนาจเป็นของตน ถ้าได้จริง เขาแทบอยากให้คุณปู่ตายซะเดี๋ยวนี้เลย
หลินถงโบกมือพลางว่า “ลุงใหญ่ ไม่ว่าลุงจะคิดยังไง รอเจ้าตระกูลฟื้นก่อนค่อยว่ากันเถอะ! ตอนนี้เจ้าตระกูลยังสลบบนพื้นอยู่เลยนะ เพื่อเจ้าตระกูลแล้ว คงได้แต่ลำบากคุณแล้วล่ะ”
“ลุงเห้อ ลุงให้คนพาคุณชายใหญ่ออกไปเถอะ! จะได้ไม่ทำให้อาการบาดเจ็บคุณท่านต้องล่าช้าออกไป ถึงเวลานั้นใครคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่” หลินถงมองหน้าลุงเห้อ เหมือนออกคำสั่ง!
ลุงเห้อเงียบไปอึดใจพลางว่า “ใช่ คุณนายน้อยพูดถูก! ช่วยคุณท่านก่อนถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ถังหังยังตะโกนไม่หยุดว่าใครกล้าแตะต้องเขา เขาก็โดนแบกออกไปแล้ว
ฉากนี้ทำให้คนตระกูลถังหน้าเขียวหน้าแดงไปตามๆกัน
หลินถงพูดกับคนตระกูลถังทั้งหมดว่า “ฉันรู้ว่าทุกคนไม่พอใจฉัน แต่ตอนนี้ช่วยเจ้าตระกูลก่อนแล้วค่อยว่ากัน รอจนเจ้าตระกูลฟื้นแล้ว ฉันจะอธิบายทุกอย่างกับเขาเอง ถึงเวลานั้นฉันยินดีรับการตัดสินจากเจ้าตระกูล ถ้ามีใครไม่พอใจฉัน ก็สามารถแจ้งต่อเจ้าตระกูลหลังจากเขาฟื้นได้เลย ฉันยินดีรับการตัดสินจากเจ้าตระกูล”
พวกคนตระกูลถังพากันปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก
พูดจบ หลินถงหันไปบอกฟางเหยียนว่า “เทพหมอฟาง บ้านเราเป็นแบบนี้ เราทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าคุณซะแล้ว”
ฟางเหยียนโบกมือบอก “ไม่เป็นไรครับ!”
“งั้น อาการป่วยคุณท่านรบกวนคุณแล้วนะคะ!”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร!
ถังยู่มองหลินถงหนึ่งที และเบนสายตาไปมองหน้าฟางเหยียน เธอกลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนถาม “คุณจะรักษาอาการคุณปู่ฉันได้จริงใช่ไหม?”
ฟางเหยียนพยักหน้าบอก “ผมบอกแล้วว่าเขาแค่ได้รับบาดเจ็บถากๆ ไม่เป็นไรมากหรอก”
ระหว่างพูด ฟางเหยียนหยิบขวดสีแดงขนาดใหญ่กว่านิ้วหัวแม่มือเล็กน้อยหนึ่งขวดออกมาในกระเป๋าเสื้อ เขาเปิดฝาเทผงยาสีชมพูเล็กน้อยออกมา จากนั้นเทลงไปบนขาข้างนั้นที่กลายเป็นสีเขียวช้ำของถังเสี่ยนจง จากนั้นเขาก็สกัดจุดบนขาถังเสี่ยนจงอีก รออยู่หลายนาที เขาลุกขึ้นจากพื้น พูดว่า “เอาล่ะ คุณพาท่านถังเข้าไปพักผ่อนเถอะ! เขาจะฟื้นในอีกหนึ่งชม.ให้หลัง แต่ขาจะไม่มีความรู้สึก อย่างมากคืนนี้ขาเขาจะกลับมารู้สึกได้อีกครั้ง อีกสามวันเขาจะลงเดินได้ละ พวกคุณไม่ต้องกังวล”
ฟางเหยียนพูดอย่างมั่นใจ คนตระกูลถังทั้งหมดมองเขาอย่างตะลึง สายตาบอกชัดว่าไม่เชื่อ
เขาพูดออกมาง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง นี่เป็นเจ้าตระกูลถังนะ เจ้าตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา เขารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ!
อย่าพึ่งพูดถึงปัญหาเจ้าตระกูลอันดับหนึ่งของหนานหลิงเลย คนธรรมดาได้รับบาดเจ็บ มีแผลแบบนี้ใครไม่เปิดแผล ฆ่าเชื้อปากแผล ให้ยาลดอาการบวม ทำการตรวจบาดแผลกัน จากนั้นก็ไปพักที่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งเดือน เขาบอกสามวันก็ลงเดินได้แล้ว คิดว่ายาตัวเองเป็นยาเทวดาหรือไงกัน? ถ้าดีขนาดนั้น โลกนี้จะต้องการโรงพยาบาลทำไมอีก? เกิดอะไรขึ้นหาเขาคนเดียวก็พอแล้วนี่นา?
ถังยู่อ้าปากก่อนชะงัก และถามว่า “งั้น ลูกกระสุนด้านในล่ะ?”
“ปล่อยไว้นั่นแหละ ไม่เป็นไรหรอก!” ฟางเหยียนพูดหน้านิ่ง
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ลูกกระสุนเข้าไปในร่างกายมนุษย์ ต้องเอาออกมาอยู่แล้ว ไม่งั้จะทำให้เนื้อส่วนนั้นค่อยๆเละ แต่นี่เขากลับพูดแบบนี้
“อะไรนะ?” ถังยู่อึ้งกิมกี่ คิดว่าตัวเองหูฝาดไป
ฟางเหยียนอธิบายมาประโยคหนึ่งให้ถังยู่ “ลูกกระสุนนี้มีวาสนากับท่านถัง ให้มันอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่มีปัญหากับชีวิตหรอก”
“ไม่ได้สิ!” ถังยู่ไม่กล้าเชื่อเลยว่าหมอนี่เป็นหมอ แถมยังเทพหมออีก
ฟางเหยียนไม่สนอาการตะลึงของถังยู่ ลุกขึ้นเก็บข้าวของ เตรียมจากไป
“ขอบคุณคุณฟางมากค่ะ!” หลินถงโค้งคำนับฟางเหยียนอย่างนอบน้อม เธอไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ให้ฟางเหยียนรักษาหมดคนเดียว เธอเชื่อมั่นในตัวฟางเหยียนอย่างน่าประหลาด ใครให้เขาใช้วิชาฝังเข็มประตูผีสิบสามเท่ารักษาเธอล่ะ ในสายตาเธอแล้ว ฟางเหยียนเป็นยอดฝีมือระดับโลกเลย สมเป็นยอดฝีมือขวัญใจเธอยิ่งนัก
ฟางเหยียนบอก “ไม่เป็นไร ผมสมควรทำอยู่แล้ว”
พูดจบ ฟางเหยียนไม่พูดอะไรอีก ก้าวเท้าออกจากห้องโถงตระกูลถังทันที
หลินถงหันไปมองเจ้าตระกูล สั่งการลงไปว่า “ ฟังการสั่งการของคุณฟาง ส่งเจ้าตระกูลไปพักผ่อนในห้อง”
“ไม่ใช่ หลินถง นี่จะไม่พาเจ้าตระกูลไปโรงพยาบาลจริงหรอ?” ผู้หญิงคนหนึ่งในตระกูลถังพูดขึ้นมา
พอผู้หญิงคนนั้นพูดเสร็จ คนอื่นๆก็พากันเฮโลพูดตาม
“นั่นสิ คุณฟางน่ะมั่วเห็นๆ ทำอะไรอย่างนั้นอย่างนี้ไปเยอะแยะ ขนาดลูกกระสุนยังไม่เอาออกมาเลย แถมพูดเรื่องมีวาสนาต่อกันก็ให้เหลือทิ้งไว้ มันสมควรแล้วหรือไง?”
“ใช่ มีใครเขารักษาคนกันแบบนี้ โดนยิงได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่เอากระสุนออกบอกว่ามีวาสนาต่อกัน ถ้าพูดแบบนี้ พวกคนที่โดนยิงตายนั่นก็มีวาสนากับลูกกระสุนกันหมดสิ พ่ออายุมากแล้ว เชื่อใจคนผิดได้ง่าย ทำไมเธอก็เชื่อผิดคนด้วยล่ะ!”
ถังยู่อยากพูดแทนฟางเหยียนซักสองสามคำ แต่วินาทีนี้เธอเองก็พูดไม่ออก ได้แต่มองคุณปู่หน้างงๆ หวังว่าจะเหมือนที่ฟางเหยียนพูดว่า อีกหนึ่งชม.คุณปู่จะฟื้น คืนนี้ขาจะกลับมามีความรู้สึก อีกสามวันจะลงเดินได้
เผชิญหน้าคำถามของทุกคน หลินถิงมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถามขึ้น “ก่อนคุณปู่จะสลบไปพูดคำสุดท้ายไว้ว่ายังไง? พวกคุณยังจำได้ไหม?”
เกิดเหตุการณ์ชุลมุนของพี่ใหญ่เมื่อกี้ ทุกคนจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ถังยู่จำได้แม่นยำง
เธอรีบพูดขึ้น “เมื่อกี้คุณปู่บอกว่า รบกวนด้วยนะคุณฟาง จากนั้นก็โดนฟางเหยียนฟาดฝ่ามือสลบลงไป”
หลินถงยิ้มน้อยๆว่า “ใช่ไง คุณปู่ยังบอกเลยว่า รบกวนคุณฟางแล้วนะ นี่แสดงว่าเขาเชื่อใจเทพหมอฟางมาก ในเมื่อคุณปู่ยังเชื่อเทพหมอฟาง งั้นทำไมทุกคนกลับไม่เชื่อเทพหมอฟางล่ะ? พวกคุณสงสัยคุณปู่หรอ? คุณปู่อยู่มาจนปูนนี้แล้วจะตัดสินเรื่องแค่นี้ผิดพลาดหรือยังไงกัน? ถ้าพวกคุณคิดว่าตัวเองโอเค งั้นก็ลองพาคุณปู่ไปโรงพยาบาล ถึงตอนนั้นเกิดผลตรงกันข้ามขึ้น ฉันจะดูสิว่าใครจะรับผิดชอบไหว!”