หัวหน้าหลงในใจนึกบ่น ใจคิดว่าชายหนุ่มสองคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้มีความมั่นใจนัก ดังนั้นเขามองประธานอู๋แวบหนึ่ง ประธานอู๋กำลังจ้องมองคนทั้งสอง ดวงตาหรี่ลงกลายเป็นเส้นตรง
เห็นได้ว่า ตัวของประธานอู๋เอง ก็เริ่มคาดเดาถึงฐานะของทั้งสองคนนี้แล้ว
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ประธานอู๋ถึงได้พ่นคำออกมาประโยคหนึ่ง “เป็นการคุยโวโอ้อวดอย่างหน้าไม่อายโดยแท้!”
“คุยโวโอ้อวดอย่างหน้าไม่อาย!” เทียนขุยก้าวขึ้นไปด้านข้างก้าวหนึ่ง ใช้เสียงที่หยาบกระด้างเอ่ยว่า “คนที่คุยโวโอ้อวดอย่างหน้าไม่อายนั่นคือนายมั้ง นายรู้หรือเปล่าว่าใช้ปืนจ่อจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา ทำผิดอาชญากรรมอะไร?!”
ได้ยินคำเรียกขานว่าจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา ทุกคนต่างก็โง่งมกันไปแล้ว หัวคิ้วของหัวหน้าหลงขมวดจนยุ่งเหยิง เขามองไปที่ประธานอู๋แล้วเอ่ยถามว่า “ประธานอู๋ จอมพลโผ้จวินของประเทศหวานี่คือตำแหน่งอะไร? ประเทศหวาของพวกเรามีตำแหน่งนี้หรือ?”
ประธานอู๋ส่ายหน้าเอ่ยตอบ “ฉันไม่เคยได้ยินตำแหน่งแบบนี้มาก่อน!”
ด้วยฐานะและตำแหน่งของพวกเขา แน่นอนว่าไม่เคยได้ยินจอมพลโผ้จวินของประเทศหวาตำแหน่งนี้มาก่อน ทั้งเขตซีหนาน ก็มีแค่คนของตระกูลใหญ่ไม่กี่คนนั้นและซ่งฉาวอู่ของระดับภูมิภาคเคยได้ยินเรื่องนี้ คนอื่นๆตำแหน่งต่ำเกินไป พวกเขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้
“เหอๆ” หัวหน้าหลงได้ยินว่าประธานอู๋ที่ยศตำแหน่งสูงส่งก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็ถอนหายใจยาว จึงวางใจยิ้มออกมาอย่าใจกล้า เขาพูดกับทั้งสองคนว่า “นายกำลังล้อฉันเล่นหรือไง? ขอโทษที ตำแหน่งนี้ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน! แต่ว่าตอนเล่นเกม ฉันรู้ว่ามีอาวุธที่ติดตั้งอันหนึ่งชื่อจอมพลโผ้จวิน”
ได้ยินหัวหน้าหลงเอ่ยล้อเล่นขึ้นมา คนที่มุงดูเหล่านั้นก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไรมาก
หลงซิ่วซิ่วยังคิดว่าชายหนุ่มสองคนนี้มีอะไรที่น่าทึ่งเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นฐานะที่ปลอมแปลงขึ้นมา ปลอมแปลงก็ไม่ปลอมเป็นชื่อที่น่าเชื่อถือ ถึงกับปลอมเป็นชื่อเรียกที่ดูแล้วเลอะเลือนถึงที่สุด พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง
เธอรีบร้อนเอ่ยว่า “คุณพ่อ พูดกับเขามากมายขนาดนี้ไปทำไม? ลั่นไกฆ่าพวกเขาไปเลยเถอะ ฉันดูแล้วนี่ก็เป็นแค่แผนยืดเวลาของพวกเขา! ฉันจะบอกคุณพ่อให้ สองคนนี้ต่อสู้โหดร้ายมาก ตอนนี้ถ้าคุณพ่อไม่ฆ่าพวกเขา รออีกหน่อยก็ฆ่าไม่ได้แล้ว”
พูดเช่นนี้กับหัวหน้าหลงเสร็จ เธอก็พูดกับฟางเหยียนและเทียนขุยอย่างเยียบเย็นว่า “พวกนายสองคน รอความตายเถอะ! เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเก่งนักหรือ พวกนายเก่งอีกสักรอบดูสิ!”
“หุบปาก!” เทียนขุยระเบิดเสียงครั้งหนึ่ง เอ่ยอย่างโมโห “จอมพลโผ้จวินสนทนา ขยะอย่างเธอไม่คู่ควรมาสอดปาก!”
ในสายตาของเทียนขุย หลงซิ่วซิ่วก็คือขยะก้อนหนึ่ง
หลงซิ่วซิ่วถูกเทียนขุยต่อว่าเช่นนี้ ทั้งตัวคนตอนแรกชะงักไป จากนั้นก็เหอะออกมาเสียงหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่สนใจเขาว่า “นายคิดว่านายตอนนี้มีความสามารถมากนักหรือ? รู้หรือเปล่าว่าพวกนายตอนนี้กำลังถูกปืนสามสิบกว่ากระบอกจ่ออยู่ ขอเพียงแค่คำสั่งเดียวของคุณพ่อฉันสั่งลงไป เขาก็สามารถยิงพวกนายจนเป็นตะแกรงได้!”
พูดไปแล้วว่าสุนัขอาศัยบารมีนายมาอวดเบ่ง ตอนนี้หลงซิ่วซิ่วก็ไม่กลัวการข่มขู่ของเทียนขุยอีกแล้ว คุณพ่อของเธออยู่ พวกเขาถูกคนมากมายใช้ปืนจ่ออยู่ ถึงจะเป็นผู้หญิง ก็ไม่มีทางกลัวชายตัวใหญ่คนนั้น
เขาจะร้ายกาจยังไง จะร้ายกาจได้มากกว่าลูกกระสุนหรือ?
พูดใส่ชายร่างใหญ่จบ เธอก็ทำหน้าตาไม่ได้รับความเป็นธรรมมองไปที่พ่อของตัวเอง เอ่ยอย่างน่าสงสารว่า “คุณพ่อ คุณพ่อได้ยินแล้วใช่ไหม? เขายังต่อว่าฉัน! ต่อว่าฉันต่อหน้าคุณพ่อ ตอนเขาตัดขาของปีเตอร์แล้วก็เคยต่อว่าฉันแล้ว ตอนนี้คิดไม่ถึงว่ายังด่าฉัน คุณพ่อรีบสั่งให้ลั่นไกฆ่าพวกเขาเถอะ!”
หัวหน้าหลงกำลังเตรียมจะพูดอะไร แต่ว่าถูกประธานอู๋ขัดจังหวะแล้ว “น้องชายท่านนี้ ฉันอยากถามนายสักเรื่องหนึ่ง ฉันอยากถามว่า จอมพลโผ้จวินของประเทศหวาของคุณ นั้นหมายถึงอะไร?”
หลังจากประธานอู๋ได้ยินชื่อเรียกนี้แล้ว ไม่เหมือนกับหัวหน้าหลงที่ไม่มีสมองคนนั้นที่ไม่คิดวิเคราะห์ ถึงกับสามารถพูดตำแหน่งเช่นนี้ออกมาได้ แล้วยังสามารถเผชิญหน้าอย่างสงบนิ่งต่อปืนสามสิบกว่ากระบอกได้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่อ่อนข้อ นี่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก ร้ายกาจมาก
“นาย ไม่คู่ควรที่จะรู้!” ดวงตาทั้งคู่ของเทียนขุยจ้องเขม็งที่ประธานอู๋ ท่าทีหยิ่งผยองเอ่ยตอบ
คำพูดนี้ทำให้ประธานอู๋เสียเปรียบแล้ว เขาส่งเสียงเหอะเสียงหนึ่ง ยิ้มเอ่ย “นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันนั้นคือประธานสมาคมชาวต่างชาติ นายพูดว่าฉันไม่คู่ควรที่จะรู้ ฉันว่านายกำลังแต่งเรื่องเรื่อยเปื่อยสินะ? พวกนายสองคนลงมือตีคนก็แล้วไปเถอะ ถึงกับกล้าปลอมแปลงฐานะ สวมรอยเป็นบุคลากรที่สำคัญของประเทศหวา พวกนายกำลังดูถูกกฎหมายของประเทศ!”
“ดูถูกกฎหมายของประเทศ!” ฟางเหยียนพูดกับตัวเองเอ่ยว่า “คนดูถูกกฎหมายของประเทศก็คือนายมั้ง? นายไม่แยกแยะถูกผิดก็จะยิงปืนฆ่าคนกลางถนนแล้ว นี่เป็นใครกันที่ให้อำนาจนี้กับนาย? ก็แค่คำพูดไม่กี่คำของสุนัขไม่กี่ตัวพวกนี้หรือ?”
“เฮ้ยๆๆ!” หนึ่งในคนต่างชาติคนหนึ่งตะโกนไปทางฟางเหยียนว่า “คำพูดนี้ของนายหมายความว่ายังไง? นายพูดว่าใครเป็นสุนัข?”
“หุบปากเหม็นๆของนายซะ นายยังไม่มีสิทธิ์มาพูดกับจอมพลโผ้จวิน!” เทียนขุยยกมือใหญ่ขึ้นมาชี้ไปที่ชาวต่างชาติคนที่พูด ประโยคเดียว พร้อมด้วยรูปแบบที่กล้าหาญ ทำเอาชาวต่างชาติคนนั้นตกใจจนสั่นสะท้าน
นี่คือแม่ทัพที่เคยสังหารเพื่อนร่วมชาตินับไม่ถ้วนของเขา ในสายตามีแววตาที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว ในสนามรบ เทียนขุยทำให้เขากลายเป็นศพได้นานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคำพูดเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามของจอมพลโผ้จวินประโยคนั้น เขาก็คร้านจะอดทน
ชายชาวต่างชาติคนนั้นตกใจจนไม่กล้าหายใจแรง ถึงขั้นแม้แต่ความกล้าที่จะสบตาคู่นั้นยังไม่มี ทำได้เพียงถอนสายตากลับมาด้วยความแค้นใจ ชายคนนั้นทำให้คนเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าปล่อยพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาได้
สีหน้าของประธานอู๋เปลี่ยนไปมา เขากัดฟันเอ่ยว่า “พวกนายแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?”
“ฉันพูดไปแล้ว ด้วยฐานะและตำแหน่งของนาย ยังไม่คู่ควรที่จะรู้!” ฟางเหยียนใช้น้ำเสียงที่เฉยเมยเอ่ย
มีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ หกสิบปีแล้ว ประธานอู๋ยังคงมีประสบการณ์อยู่บ้าง คนธรรมดาไม่กล้าทำเช่นนั้น พวกเขามีทุนหนักอยู่บ้างแน่! ไม่กล้าพูดว่าตำแหน่งสูงมากอำนาจ ก็ต้องเป็นวงศ์ตระกูลมีชื่อเสียงและอำนาจที่ยิ่งใหญ่!
ชาวต่างชาติที่ประคองชายผมทองเอ่ยว่า “ประธานอู๋ สถานการณ์ตอนนี้คุณก็เห็นแล้ว ชายสองคนนี้ไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย เขาพูดว่าพวกเราเป็นสุนัข เรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธมาก”
ประธานอู๋เอ่ยว่า “คุณผู้ชาย คุณวางใจ เรื่องนี้ผมจะต้องจัดการให้ดีแน่!”
ชายผมทองรีบร้อนจนรอไม่ได้แล้ว เขาส่ายหน้าเดินขึ้นมาเอ่ยว่า “ฉันว่านะประธานอู๋ คุณพูดไร้สาระกับเขามากขนาดนั้นทำไมกัน? หรือว่าคำพูดที่ฉันพูดเมื่อครู่ คุณไม่ได้ยินหรือ? ฆ่าเขาให้ฉัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ทันที!”
ชายหนวดวัยหกสิบก็ชะงัก เห็นสีหน้าของชายหนวดวัยหกสิบ ชายผมทองก็ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ พวกคุณชาวประเทศหวาจัดการเรื่องราวได้แย่จริงๆเลย! ก็ไม่ใช่แค่ฆ่าคนคนหนึ่งหรือ? หรือว่ามันยากขนาดนี้เลยหรือไง!”
กำลังพูดอยู่ เขาก็สะบัดชายชาวต่างชาติสองคนที่ประคองเขาอยู่ออกไป เดินไปทางหัวหน้าหลงทางด้านนั้น เดินกะโผลกกะเผลก มาถึงที่ด้านหน้าของหัวหน้าหลง เขาต่อมาออกมา “ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
ต่อว่าเสร็จ เขาก็ยกมือขึ้นมาแย่งปืนในมือของหัวหน้าหลงมาทันที ชี้ไปที่ฟางเหยียนพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เหอะ แกไม่ใช่ว่าโหดมากหรือ? ตอนนี้ฉันก็จะลั่นไกฆ่าแก!”
ร่างของเทียนขุยพลันเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย ปากพึมพำกับตัวเองว่า “ตามกฎของประเทศหวา คนต่างชาติป่าเถื่อนใช้ปืนจ่อจอมพลโผ้จวิน ต้องประหาร!” เทียนขุยก็เหมือนกับกำลังท่องข้อความเช่นนั้น
คำพูดเขายังไม่ทันพูดจบ ตอนพูดถึงต้องประหารคำนั้น สายตาของฟางเหยียนก็เปลี่ยนเป็นคมปลายมองไปทางชายผมทอง ต่อจากนั้น ร่างของเขาก็เหมือนกับแสงสายหนึ่งพุ่งออกไป เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เขาก็กลับไปถึงจุดเดิมที่เขาอยู่เมื่อครู่แล้ว!
แต่ว่า หลังจากเขากลับมา ชายผมทองคนนั้นก็ชะงักโง่งมไปโดยสิ้นเชิงแล้ว วินาทีต่อมา เขาก็คุกเข่าดังตึงลงบนพื้นไปเลย ปืนในมือก็ตกลงมา
เขากุมลำคอ เลือดจากด้านในก็พุ่งทะลักออกมา!