ตอนนี้เหลียงเจิ้งกำลังโกรธอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดขอบเทียนขุย ทำให้เขาโกรธมากขึ้น เขาชี้หน้าเทียนขุยและด่า:“ขวางทางคุณเหรอ คุณรู้หรือเปล่าว่าถนนเส้นนี้ชื่ออะไร?ถนนเส้นนี้ชื่อถนนท่านชาย มันเป็นที่ของฉัน พูดว่าขวางทางคุณ คำพูดของคุณมันตลกสิ้นดี”
“หุบปาก!”ถังยู่จ้องหน้าเหลียงเจิ้ง จากนั้นก็มองไปที่เทียนขุยและพูด:“เฮ้ ไอ้ตัวใหญ่ ฉันชอบนายมากๆ!”
คำพูดนี้ทำให้เทียนขุยอึ้งไปชั่วครู่ เขาขมวดคิ้วจนหน้าผากมีรอยย่น
เหลียงเจิ้งและคนในแก๊งท่านชายก็ตะลึงเหมือนกัน คุณหนูกำลังพูดล้อเล่นใช่ไหม?บอกว่าชอบเขามากๆ?
“เสี่ยวยู่ คุณกำลังพูดอะไรอยู่?”เหลียงเจิ้งถามอย่างหงุดหงิด
ถังยู่พูดว่า:“คุณไม่ต้องมายุ่ง ไอ้ตัวใหญ่ จากนี้ไปคุณมาเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน!จอมพลโผ้จวินให้เงินคุณเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้คุณมากกว่าเขาสองเท่า ไม่สิ ฉันจะจ่ายให้คุณมากกว่าเขาสิบเท่า!”
เมื่อเห็นการแต่งตัวของผู้ชายคนนั้น ก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยมีเงินแน่นอน ถ้าเป็นคนมีเงินก็คงไม่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ ดังนั้นเธอจึงยอมจ่ายมากว่าสิบเท่า เงินจำนวนนี้ถังยู่จ่ายได้อย่างแน่นอน
ขณะพูด เธอยังจงใจจ้องมองฟางเหยียนที่อยู่ในรถยนต์ เธอยังใช้สายตายั่วยุเขาด้วย
คุณเย่อหยิ่งมากไม่ใช่เหรอ?คุณเห็นหรือยัง คนของคุณกำลังถูกฉันซื้อตัวอยู่
“เธออยากให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดนี่เอง ฉันก็นึกว่าคุณชอบเขาจริงๆเสี่ยวยู่ คุณทำให้ฉันตกใจมากๆ ”เหลียงเจิ้งพูดไปด้วยและลูบหน้าอกของตัวเองไปด้วย
“เธอโอหังมากเกินไปแล้ว!”เทียนขุยตะโกนใส่ถังยู่ด้วยความโกรธ จากนั้นก็พูด:“คุณคิดว่าที่ฉันอยู่กับจอมพลโผ้จวินเพราะเรื่องเงินเหรอ?การที่ฉันสามารถติดตามจอมพลโผ้จวิน มันเป็นความโชคดีของฉัน พวกเด็กที่ยังไม่โตอย่างพวกคุณ กล้าดียังไงมาดูถูกจอมพลโผ้จวิน?!”
คำด่าของเขา ทำให้ถังยู่ไม่รู้จะทำตัวยังไง
เงิน!ต้องเป็นเพราะเงินไม่พอแน่ๆ เธอพูดอีกครั้ง:“ยี่สิบเท่า!ฉันจะให้เงินมากกว่าเขายี่สิบเท่า”
“ไสหัวไปซะ”เทียนขุยตะคอกออกมาด้วยความโกรธ เธอใช้เงินมาดูถูกความจงรักภักดีที่เขามีต่อจอมพลโผ้จวิน
“คุณ!”ถังยู่ชี้หน้าเทียนขุยและด่า:“คุณเป็นคนที่มองข้ามความหวังดีของผู้อื่น”
“ฮึ!”เทียนขุยไม่ตอบถังยู่อีก แต่มองคนที่ล้อมรอบๆตัวเองและพูด:“พวกคุณไม่คิดจะหลีกทางใช่ไหม?”
คำพูดนี้ มีความไม่พอใจและอยากทะเลาะวิวาทอยู่ ไอ้เสือและคนอื่นๆไม่กลัวเรื่องชกต่อยอยู่แล้ว พวกเขาทั้งหมดเดินไปข้างหน้าหลายๆก้าวพร้อมกัน อาวุธที่ติดตัวมาก็หยิบออกมาทันที ตอนนี้พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้ทันที
ไอ้เสือเป็นชายที่มีรอยสักเต็มแขน แม้กระทั่งที่คอของเขาก็มีรอยสักด้วย
เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพูด:“คุณชนรถสปอร์ตของคุณชายเหลียง คุณคิดจะจากไปง่ายๆแบบนี้?มันคงจะไม่เหมาะ?อย่าน้อยคุณก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายก่อน?”
“คุณจะให้ฉันชดใช้ยังไง?”เทียนขุยจ้องหน้าไอ้เสือและถาม
“เอาขาสองข้างของคุณมาชดใช้ มันไม่เกินไปใช่ไหม?”เหลียงเจิ้งพูดอย่างเฉียบขาดและตรงประเด็น
“งั้นก็ต้องดูว่าพวกคุณมีความมีความสามารถหักขาของฉันได้หรือเปล่า”
เทียนขุยจ้องมองไอ้เสือเพื่อกดดันเขา
ไอ้เสือกอดอก พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า:“ตอนนี้คุณยังคิดว่าพวกเราไม่สามารถหักขาทั้งสองข้างของคุณได้เหรอ?”
เขามองพรรคพวกที่อยู่รอบๆตัวเอง หนึ่งต่อสามสิบกว่าคน เขาจะสู้พวกเราไหวเหรอ?คนที่นั่งอยู่ในรถคงกลัวจนไม่กล้าลงมา ก็เลยไม่นับเขาเข้ามาด้วย
ถังยู่ยืนกอดอกและเปล่งเสียงออกมาทางจมูก มองคนอวดดีอย่างพวกเขาสองคน ตอนนี้คงจะได้ลิ้มรสแห่งความเจ็บปวด แน่นอน?
ผ่านไปสักครู่ คนอวดดีเย่อหยิ่งอย่างพวกเขาสองคนต้องขอให้ตัวเองช่วยอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเธอจะจัดการพวกเขายังไงก็ได้ แค่คิดว่าคนอวดดีเย่อหยิ่งอย่างพวกเขาสองคนต้องขอให้เธอช่วยเหลือ ถังยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจ
“ฉันเคยพูดกับพวกคุณตั้งแต่แรกแล้ว อย่าอวดดีเย่อหยิ่งเกินไป เพราะคนของแก๊งท่านชายทุกคนเป็นคนที่ไม่ควรล่วงเกินหรือยั่วยุ ถ้าพวกคุณทำร้ายคนของแก๊งท่านชาย พวกคุณก็จะมีปัญหากับผู้มีอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดของหนานหลิง พวกคุณสองคนต้องตายแน่ๆ!”
ถังยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะตอนนี้เธอดีใจสุดๆ
“แก๊งท่านชาย?แก๊งบ้าบออะไร?”เทียนขุยใช้คำพูดแดกดันอีกครั้ง
“แม่งเหี้ย ถ้าฉันไม่สั่งสอนคุณ คุณก็คงจะไม่รู้สึก!”ไอ้เสือหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ศีรษะของเทียนขุย
แม้แต่ปืนก็ถูกหยิบออกมา เขากำลังจะฆ่าพวกเขาสองคน
เหลียงเจิ้งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ตอนนี้ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าแก๊งท่านชายเป็นยังไง?ฉันจะบอกให้คุณทราบ พวกเราเป็นราชาในหนานหลิง วันนี้ถ้าพวกเราใช้ปืนยิงคุณตาย ก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้”
“รอแป๊บ!”ถังยู่กังวลมากๆ เธอแค่อยากสั่งสอนพวกเขาสองคน ลดความฮึกเหิมในตัวพวกเขา เธอไม่คาดคิดเลยว่าเหลียงเจิ้งจะบอกให้ไอ้เสือพกปืนมาด้วย
เหลียงเจิ้งมองไปที่ถังยู่และพูด:“เสี่ยวยู่ คุณวางใจได้ ไม่มีใครกล้ารังแกคุณแน่นอน!คนที่กล้ารังแกคุณ มันต้องตาย!”
“เหลียงเจิ้ง ไม่ใช่อย่างนั้น!”เธอมองเข้าไปในรถยนต์ที่ฟางเหยียนนั่งอยู่ แต่กลับไม่เห็นเขา
ผู้ชายคนนั้นเป็นคนโง่หรือเปล่า?ทำไมไม่ขอให้เธอช่วย?เขาอยากเห็นบอดี้การ์ดของตัวเองตายต่อหน้าเขาจริงๆเหรอ!
กลัวจนหัวหด เขากลัวจนหัวหดแน่ๆ
เหลียงเจิ้งอยากจะกำจัดคนพวกนี้มานานแล้ว เขาตะโกนด้วยความโกรธ:“ไอ้เสือ คุณรออะไรอยู่ แม่งเอ๊ย ถ้าคุณไม่กำจัดมัน จากนี้ไปฉันจะไม่ปรากฏตัวบนถนนสายนี้อีก”
ในขณะที่ไอ้เสือกำลังจะลงมือ ถังยู่รีบตะโกนขึ้นมาทันที:“รอก่อน!”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ไอ้เสือก็อึ้งไปชั่วครู่ เหลียงเจิ้งรีบพูดขึ้นมาทันที:“เสี่ยวยู่ คุณวางใจได้ ผู้ชายสองคนนี้ไม่มีทางรอดชีวิตไปจากตรงนี้อย่างแน่นอน พวกเราจัดการชายร่างใหญ่คนนี้ก่อน แล้วค่อยไปจัดการผู้ชายที่อยู่ในรถยนต์!”
ถังยู่เดินไปที่กระจกรถยนต์และพูดกับฟางเหยียนที่นั่งอยู่ในรถยนต์ว่า:“เฮ้ย คุณไม่กล้าลงมาจากรถหรือเปล่า?เมื่อสักครู่คุณอวดเก่งมากๆไม่ใช่เหรอ?ทำไม?ตอนนี้กลัวจนหัวหดและไม่กล้าลงจากรถยนต์ใช่ไหม?ถ้าคุณยังไม่ลงมาจากรถยนต์อีก บอดี้การ์ดของคุณจะถูกเขายิงตายจริงๆ!”
เหลียงเจิ้งมองเขาที่นั่งอยู่ในรถยนต์ด้วยสายตาดูถูกและด่า:“แม่งเหี้ย!ไม่คาดคิดเลยว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้ มันน่าผิดหวังจริงๆ”
“เห้อๆ!”เทียนขุยยิ้มอย่างทะนงตน จากนั้นกล้ามเนื้อของเขาก็ขยับไปมาและพูดว่า:“รับมือเศษสวะอย่างพวกคุณ จอมพลโผ้จวินไม่จำเป็นต้องลงมือเอง?มีฉันเพียงคนเดียว ก็พอแล้ว!”
ถังยู่คิดอยู่ในใจ บอดี้การ์ดคนนี้เข้มแข็งจริงๆ โดนปืนชี้หน้า ยังกล้าอวดดีอีก เขาไม่กลัวตายจริงๆเหรอ!
เธอไม่คาดคิดเลยว่าสองคนนี้ช่างแตกต่างกันมากๆ คนนี้โดนปืนชี้หน้าแต่ไม่กลัว ส่วนอีกคนกลัวจนหัวหดและไม่กล้าลงจากรถยนต์ เธอไม่คาดคิดเลยว่าคนๆนี้จะขี้ขลาดมากๆ ทั้งๆที่เขาหลบอยู่ในรถยนต์ ยังทำตัวเย่อหยิ่งจองหอง คนประเภทนี้ไร้ทางเยียวยาจริงๆ ถังยู่โบกมือด้วยความรำคาญและพูด:“พวกคุณจะอยู่หรือตาย ฉันจะไม่สนใจแล้ว”
ในเวลานี้ฟางเหยียนเหลือบมองเธอ เขายิ้มออกมาและพูด:“เขาเคยพูดแล้วไง?จัดการเศษสวะอย่างพวกเขา ฉันไม่จำเป็นต้องลงมือ คุณไม่ต้องกังวล”
น้ำเสียงของฟางเหยียนไม่ได้ดังมาก แต่ทุกคนได้ยิน
ถังยู่ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาอีก ผู้ชายคนนี้ไม่รู้จักปืนเหรอ?ไม่กล้าลงจากรถยนต์พูดตรงๆก็ได้ ยังกล้าพูดประโยคนั้นออกมาอีก โอเค งั้นจัดการบอดี้การ์ดของคุณก่อน ดูสิว่าคุณยังกล้าอวดดีอีกไหม