เมื่ออานเยว่เห็นโทรศัพท์ของตัวเอง โดนโยนลงพื้นจนแตกกระจาย ก็พูดขึ้นมาทันที:“คุณชายเหลียง นั้นมันเป็นโทรศัพท์ของฉัน!”
เหลียงเจิ้งจ้องมองอานเยว่และตะโกน:“โทรศัพท์ของคุณแล้วยังไง?เดียวฉันซื้ออันใหม่ชดเชยให้คุณ!มันก็แค่โทรศัพท์เครื่องเดียว?”
อานเยว่ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่พูด เพราะเวลาที่เหลียงเจิ้งโกรธมากๆ ถ้าใครพูดจาไม่เข้าหูเขา ก็จะโดนเขาด่าจนเละเทะ ถึงแม้บ้านของเขาจะมีเงิน แต่ก็สู้เหลียงเจิ้งไม่ไหว
“ขึ้นรถ ฉันจะไปฆ่าผู้ชายคนนั้น” เหลียงเจิ้งขึ้นรถอีกครั้งด้วยความโกรธ
ด้านในรถเบนซ์ ถังยู่ยังไม่เห็นคนของเหลียงเจิ้งปรากฏตัว เธอมองไปข้างหลัง ก็ไม่เห็นรถสปอร์ตของเหลียงเจิ้งตามมา เธอคิดในใจว่าเหลียงเจิ้งกลัวจนหัวหดไม่กล้าตามมาหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเขตหนานซาโจว ถ้าผ่านตรงนี้ไป ก็ไม่มีโอกาสจัดการคนพวกนี้แล้ว
“เหลียงเจิ้งคุณเป็นคนไร้ประโยชน์!”ถังยู่อดไม่ไหวก็เลยด่าออกมา
ฟางเหยียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอีกครั้ง เขาพบว่าถังยู่เป็นคนที่น่าเบื่อจริงๆ
“คุณยิ้มทำไม?”ถังยู่พบว่าฟางเหยียนกำลังยิ้ม ตอนนี้เธอกำลังโกรธมากๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ
ฟางเหยียนหยักไหล่และพูด:“ฉันยิ้มไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ใช่ คุณไม่มีอะไรแล้วยิ้มทำไม?รถคันนี้ก็ไม่ใช่คุณเป็นคนขับ คนที่ควรภูมิใจก็ไม่ควรเป็นคุณ”ถังยู่เหมือนจับจุดอ่อนบางอย่างของฟางเหยียนได้ เธอก็ไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆแน่นอน
เทียนขุยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขารู้สึกผิดหวังและไม่อยากพูดกับผู้หญิงคนนี้
ถังยู่สังเกตเห็นรอยยิ้มของเทียนขุยอย่างรวดเร็ว เธอขมวดคิ้วและพูด:“คุณยิ้มทำไม?”
เทียนขุยพูดว่า:“เมื่อสักครู่ฉันเป็นคนขับรถคันนี้เอง ฉันยิ้มไม่ได้เหรอ?”
“คุณยิ้มไม่ได้อยู่แล้ว คุณขับรถอันตรายมาก ถ้ารถชนกันแล้วเกิดเรื่องไม่ดีกับฉัน คุณคิดว่าคุณสามารถรับผิดชอบได้เหรอ?คุณต้องรู้ไว้นะ คุณปู่ของฉันคือถังเสี่ยนจง ถ้าเขารู้ว่าฉันโดนชนจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณต้องรับผลลัพธ์ที่ตามมา!”ถังยู่นั่งกอดอกด้วยความโกรธและพูด
เทียนขุยถาม:“ผู้ชายสองคนนั้นเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม?”
ถังยู่ทำปากมุ่ยและพูด:“ใช่ แต่พวกคุณอย่าคิดว่าพวกเขาจะยอมปล่อยพวกคุณไปง่ายๆ ฉันจะบอกพวกคุณ เขาไม่ทางปล่อยพวกคุณไปแน่นอน ภายในสามนาที พวกเขาก็จะไล่ตามมาทัน ปิดล้อมพวกคุณทั้งหน้าและหลัง ถึงเวลานั้นฉันจะดูว่าพวกคุณยังยิ้มได้อีกไหม ฉันเคยเตือนพวกคุณหลายรอบแล้ว พวกเขาเป็นคนมีเงินและอำนาจ พวกคุณสู้เขาไม่ได้หรอก”
“ใช่เหรอ?งั้นเธอก็ดูให้ชัดๆว่าพวกเรามีความสามารถนั้นหรือเปล่า”รอยยิ้มแปลกๆปรากฏบนใบหน้าของเทียนขุย
ฟางเหยียนขยับปากและยิ้ม วันนี้เขายิ้มหลายรอบเพราะความตลกของผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ และเป็นผู้หญิงตลก ไม่แปลกใจเลยที่มีคนเคยพูดว่าการหัวเราะทำให้มีความสุข และถังยู่คนนี้สามารถสร้างเสียงหัวเราะได้
“ฮึ!”ถังยู่ทำปากมุ่ยและพูด:“ฉันจะบอกพวกคุณ เคยมีคนยั่วยุแก๊งท่านชาย พวกคุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้น?”
ทั้งสองคนเงียบ ถังยู่ก็พูดต่ออีกว่า:“ชายคนนั้นพยายามต่อสู้กับแก๊งท่านชาย และเขายังเป็นคนที่มีตำแหน่งด้วย สุดท้ายเขาก็โดนแก๊งท่านชายชนจนเสียชีวิต รถยนต์ทั้งหมดสามสิบคันชนเข้ากับรถยนต์ของเขา เขาเสียชีวิตในเหตุการณ์เลย เรื่องนี้รู้ไปถึงหูผู้ใหญ่ แต่เรื่องนี้ก็ถูกระงับภายในสองวัน รู้ไหมว่าพวกเขาทำให้เรื่องเงียบได้ยังไง ?เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำด้วยคนๆเดียว แต่เป็นแก๊งท่านชายสามสิบคนทำด้วยกัน พวกเขารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยกัน และครอบครัวของทุกคนก็เป็นคนมีอำนาจและชื่อเสียงในหนานหลิง ตอนนี้พวกคุณสองคนน่าจะรู้ว่าแก๊งท่านชายน่ากลัวและแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“แข็งแกร่ง?”ฟางเหยียนเหลือบมองเธอ ส่ายหัวและพูด:“พวกเขามันก็แค่เศษสวะ พวกเขาแข็งแกร่งตรงไหน!”
“คุณ!”ถังยู่บ่นและพูดด้วยความโกรธ:“เมื่อสักครู่ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในรถยนต์ พวกคุณคิดว่าตัวเองจะรอดมาได้เหรอ?บางที ตอนนี้พวกคุณอาจจะกลายเป็นศพแล้วก็ได้!”
“เห้อๆ!”ฟางเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม:“กลายเป็นศพ?ในเมื่อคุณพูดว่าคนพวกนี้แตะต้องไม่ได้ งั้นฉันจะจัดการพวกเขาเอง และฟื้นฟูระเบียบจราจรในหนานหลิง!”
“ขี้โม้!”ถังยู่กำหมัดและทำท่าจะชกต่อยฟางเหยียน เธอดูน่ารักและไร้เดียงสา
เห็นได้ชัดเจน เธอเลือกที่จะอยู่ข้างแก๊งท่านชาย เพราะเธอก็เป็นคนมีเงินเหมือนกัน
ถังยู่กอดอกและพูด:“ถ้าพวกคุณยังแสร้งทำตัวอวดเก่งอยู่ อาจจะกลายเป็นศพก็ได้!”
เทียนขุยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“กลายเป็นศพเหรอ พวกมันก็แค่เศษสวะ พวกมันมีความสามารถขนาดนั้นเหรอ!”
เมื่อเห็นใบหน้าของทั้งสองคนมีแต่รอยยิ้มที่ดูถูก ถังยู่กัดฟันตัวเองและโกรธมากๆ เธอรีบโทรศัพท์ไปหาเหลียงเจิ้ง แต่มันก็เหมือนเดิมเพราะมือถือของเหลียงเจิ้งติดต่อไม่ได้ เหลียงเจิ้งกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงไม่ยอมรับสายสักที!
ผู้ชายสองคนนี้อวดเก่งมากๆ ถ้าไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย พวกเขาคงคิดว่าในโลกใบนี้คงไม่มีใครจัดการพวกเขาได้ และคงคิดว่าเรื่องที่เธอพูดไปเมื่อสักครู่เป็นเรื่องขี้โม้แน่นอน
แม่งเอ๊ย!ทั้งหมดต้องโทษไอ้สวะอย่างเหลียงเจิ้ง จนถึงตอนนี้ยังเพิกเฉยอยู่
ถังยู่รู้สึกกระสับกระส่ายทุกวินาทีที่เธอนั่งอยู่ในรถยนต์ เธอทนไม่ไหวอยากจะมีคนช่วยสั่งสอนผู้ชายสองคนนี้
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ในที่สุด สิ่งที่ถังยู่คาดไว้ก็เกิดขึ้น
ด้านหน้ามีรถสปอร์ตเรียงกันมาเป็นขบวน มีเฟอร์รารี่ มีปอเช่ร์ และรถสปอร์ตเกือบทุกประเภท เรียงกันห้าหกแถว อย่างน้อยมีรถสปอร์ตหลายสิบคัน และขวางทางถนนทั้งเส้นไว้
ข้างๆรถสปอร์ตพวกนั้น มีผู้ชายย้อมสีผมหลายๆคนยืนอยู่ ทุกคนใส่เสื้อผ้าของรถแข่ง และสีหน้าของพวกเขาดูไม่พอใจมากๆ คนพวกนี้จองหองอวดดี แค่มองก็รู้ว่าพวกเขาเป็นคนของแก๊งท่านชายในหนานหลิง
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ถังยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ในที่สุดเหลียงเจิ้งก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง ดูสิว่าคนเย่อหยิ่งอย่างพวกเขาสองคน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
เธอดีใจและมองไปยังด้านหลัง ด้านหลังมีรถสปอร์ตที่โดนชนจนเสียหายตามมา คนที่ตามมาคือเหลียงเจิ้งกับอานเยว่
เทียนขุยนิ่งไปชั่วครู่และถาม:“จอมพลโผ้จวิน พวกเราพุ่งไปข้างหน้าไหม?”
พุ่งไปข้างหน้า?ถังยู่เริ่มกังวล ถ้าพวกเขาพุ่งไปข้างหน้า ต้องมีคนเสียชีวิตแน่ๆ พวกเขาไม่กลัวตาย แต่ตัวเธอยังตายไม่ได้ เธอยังมีแฟนหนุ่มที่ชื่อเย่เฟย ทำไมเธอต้องตายอยู่ที่นี่ ไม่มีทาง เธอไม่ยอมแน่ๆ
ดังนั้นเธอจึงรีบพูดออกมา:“พวกคุณอย่าทำเรื่องบ้าๆนะ ถ้าพุ่งชนรถที่อยู่ข้างหน้าต้องมีคนเสียชีวิตแน่ๆ”
เทียนขุยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ใครบอกว่าฉันจะพุ่งชน?”
ถ้าไม่พุ่งชนรถที่อยู่ข้างหน้า?คุณจะทะยานบินข้ามไปเหรอ?คุณกำลังพูดเรื่องตลกใช่ไหม ตรงนี้เป็นถนนที่เรียบและไม่มีเนิน มันเป็นไปไม่ได้ที่รถจะทะยานบินข้ามไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น รถเบนซ์ที่คุณขับอยู่มันหนักมากๆ มันจะทะยานบินข้ามไปได้ยังไง ถึงแม้ว่ามันจะสามารถทะยานได้แต่ก็บินไม่ได้อยู่แล้ว เพราะขนาดรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะและสมดุลที่ดีขนาดนั้นยังทะยานบินไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับรถที่สมดุลไม่ดีอย่างรถเบนซ์ล่ะ!
แต่เทียนขุยเร่งความเร็วอย่างเห็นได้ชัด ความเร็วของรถในตอนนี้อยู่ที่ร้อยแปดสิบ ถังยู่ตกใจมากๆและกำมือจับในรถไว้แน่นและตะโกน:“คุณมันบ้า หยุดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลงจากรถ”