จางเจียวเจียวขี้เกียจเกิดกว่าจะสนใจคำพูดของเธอ เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับจางซื่อข่ายยังมีจางซื่อตงและจางฉี่เหาว่า: “แน่นอนว่าหนูก็รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ตั้งแต่เล็กจนโต หนูไม่กล้าไม่เชื่อคำพูดของพ่อ ไม่ว่าพ่อจะพูดอะไร หนูก็เชื่อยอมทำตาม ไม่มีการต่อต้าน แม้ว่าหนูจะแต่งงานไปที่ตระกูลเย่ ก็ไม่เคยไม่เชื่อฟังพ่อแม้แต่เรื่องเดียว แต่วันนี้ หนูไม่สามารถที่จะเชื่อฟังคำพูดของพ่อได้อีกแล้ว พ่อจะทำยังไงกับหนูก็ได้ แต่ว่าไม่สามารถที่จะใส่ร้ายลูกสาวของหนูได้ และลูกสาวของหนูก็จะคุกเข่าลงโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้”
เย่ชิงหยู่อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จางเจียวเจียว แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง นี่เป็นแม่ของเธอเหรอ? นี่เป็นแม่ที่เกลี้ยกล่อมเธอไม่ให้ถือสาคนของตระกูลจางมาโดยตลอดเหรอ?
การเปลี่ยนแปลงของจางเจียวเจียว ทำให้เย่ชิงหยู่ก็ยิ่งมั่นคงในการตัดสินใจของตัวเอง ใช่แล้ว เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องก้มหน้ายอมรับผิด เธอต้องเงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดนี้ บางครั้งก้มหน้าก็ทำให้ตัวเองแยกแยะความผิดถูกได้ยากเท่านั้น
จางฉี่เหามองดูทั้งครอบครัวของจางเจียวเจียว ก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า: “เติบโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้ว จางเจียวเจียว ตอนนี้ฉันควบคุมแกไม่ได้แล้วใช่มั้ย? แกจำได้มั้ยว่าฉันเป็นพ่อของแก!”
ด้วยการตะคอกนี้ ทำให้จางเจียวเจียวอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า: “หนูรู้ว่าพ่อเป็นพ่อของหนู!”
จางซื่อตงพูดอย่างรวดเร็วว่า: “แกยังรู้ว่านี่เป็นพ่อของพวกเรา เมื่อกี้นี้ที่แกทำยังไม่ชัดเจนเหรอ? เทียบเท่ากับว่าไม่เข้าใจเหตุผล ทำไมตระกูลจางของพวกเราถึงได้มีคนแบบแก พ่อเลี้ยงดูพวกเราจนโตด้วยความยากลำบาก หรือว่าแม้แต่สิทธิ์ที่จะว่าให้แกก็ไม่มีเหรอ? พ่อ พ่อเห็นแล้วใช่มั้ย? นี่ก็เป็นท่าทีของพวกเขา ชนหลานชายของพ่อแล้วไม่ยอมรับก็ช่าง ยังกล้าเถียงกับพ่อ กฎตระกูลจางของพวกเรา เธอลืมไปหมดแล้ว”
อยู่ในตระกูลจาง สถานะของจางฉี่เหาสูงส่งที่สุด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาพูดคำไหนก็คำนั้น แต่วันนี้ กลับโดนลูกสาวโกรธไม่พอใจขนาดนี้ ความโกรธของจางฉี่เหาอยู่ในใจ แต่ว่ากลับมีความหวาดกลัว หวาดกลัวฟางเหยียนคนนี้ที่ยืนอยู่ข้างกายของสองแม่ลูกตระกูลเย่
จางเจียวเจียวมองไปที่จางซื่อตงแล้วพูดว่า: “พี่ใหญ่ พูดจาก็นึกถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วย ทำไมอ้าปากพูดก็หาว่าชิงหยู่เป็นคนชน? หรือว่าพี่เห็นเหรอ? จับมือใครดมไม่ได้ พี่ได้โปรดอย่าใส่ร้ายชิงหยู่ของครอบครัวพวกเรา บาปนี้ ชิงหยู่รับไว้ไม่ได้”
จางฉี่เหาหรี่ตา ถามอย่างหน้าเขียวว่า: “ความหมายของแกคือ ฉันกล่าวหาพวกแกงั้นเหรอ?”
จางเจียวเจียวพูดด้วยเหตุผลที่ถูกต้องว่า: “ใช่! พ่อใส่ร้ายชิงหยู่ พวกเราไม่ได้ชนไห่เฟิง ก็ไม่รู้ว่าพวกคุณไปได้ข่าวมาจากไหนว่าพวกเราเป็นคนชนเขา พ่อ พ่อก็รู้อยู่ ในบ้านหลังนี้ จางไห่เฟิงเป็นคนที่บีบคั้นชิงหยู่ที่สุด ดังนั้นเกิดเรื่องขึ้น เขาก็คิดว่าชิงหยู่เป็นคนทำอย่างแน่นอน แต่ว่า ชิงหยู่ก็เป็นหลานสาวแท้ๆของพ่อเช่นกัน หรือว่าพ่อก็ไม่เชื่อหลานสาวแท้ๆของพ่อเหรอ? หลานสาวของพ่อเป็นหญิงสาวที่ใจดำอำมหิตแบบนั้นเหรอ?”
“ไม่!” จางเจียวเจียวส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “พ่อ หลานสาวของพ่อก็เหมือนกับลูกสาวของพ่อ ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ พวกเราก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ เลือดเนื้อเชื้อไขบนร่างกายของชิงหยู่ก็เป็นของพ่อ แต่ทำไมพ่อไม่เปิดใจดูว่าชิงหยู่ทำอะไรเพื่อตระกูลนี้บ้าง? ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงที่ตระกูลจาง ชิงหยู่ทำอะไรบ้าง พ่อน่าจะรู้ดีกว่าหนู?”
“เพี๊ยะ!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฝ่ามือก็กระทบลงไปบนใบหน้าของเธอ การตบนี้ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือทั้งห้าไว้บนใบหน้าของจางเจียวเจียว ตบจนหน้าของจางเจียวเจียวหันไปตามแรง ผมก็กระจายอยู่บนใบหน้า
“แม่!” เย่ชิงหยู่ก้าวไปพยุงแขนของจางเจียวเจียวไว้อย่างรวดเร็ว เธอคิดไม่ถึงว่าจางฉี่เหาจะลงมือตบเธอ
จางฉี่เหาตะคอกด้วยความโกรธเป็นอย่างมากว่า: “จางเจียวเจียว แกเป็นลูกสาวของฉัน ถึงตาแกมาสอนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? คำพูดนี้ของแกหมายความว่าฉันลำเอียงเข้าข้างไห่เฟิงเหรอ?”
เมื่อตอนที่ได้ยินลูกสาวของตัวเองต่อต้านตัวเอง จางฉี่เหาก็รู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองสั่นคลอน
ภาพลักษณ์ของเขาอยู่ในจิตใจของลูกๆเหล่านี้ ไม่เคยละอายขนาดนี้มาก่อน
ตอนที่สบตากับฟางเหยียน เขาก็สูญเสียความน่าเกรงขามของตัวเองไปแล้ว จางเจียวเจียวว่าตัวเอง ก็สามารถหาตำแหน่งกลับคืนมาได้ การตบนี้ เขาตบเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมา
เขาชี้ไปที่จางเจียวเจียว โกรธจนพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วพูดว่า: “นี่ก็เป็นการวางตัวเป็นแบบอย่างของแกให้กับลูกสาวแกเหรอ? เถียงกับพ่อของแก นี่ก็เป็นการวางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของแกเหรอ ฉันเลี้ยงดูแกเติบโตกลายเป็นคนด้วยความยากลำบาก นี่เป็นสิ่งที่แกตอบแทนฉันเหรอ? หรือว่า พวกแกคิดว่าตัวเองสามารถเป็นผู้นำของตระกูลจางของฉันได้จริงๆเหรอ? ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ในตระกูลจาง ฉันก็เป็นผู้นำของตระกูลจางไปตลอด”
“พ่อ หนูไม่เคยบอกว่าตัวเองจะเป็นผู้นำของตระกูลจาง และไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นผู้นำของตระกูลจาง” จางเจียวเจียวกุมหน้าไว้ พูดด้วยความน้อยใจ
จางฉี่เหากัดฟัน แล้วพูดอย่างรุนแรงว่า: “แกยังจะกล้าเถียงอีก!”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและกำลังจะสะบัดลงไปอีกครั้ง แต่ว่าจู่ๆก็มีมืออันทรงพลังขนาดใหญ่คว้ามือข้างที่ของเขาจะสะบัดลงไปไว้อย่างแน่นหนา
เดิมทีจางเจียวเจียวเตรียมพร้อมกับการโดนตบแล้ว ก็หลับตาลงแล้ว แต่ว่าผ่านไปไม่กี่นาทีไม่เห็นมือตบลงบนใบหน้าของเธอ เธอก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นมือของฟางเหยียนคว้าแขนของจางฉี่เหาไว้
การกระทำนี้ทำให้จางซื่อข่ายและจางซื่อตงที่ยืนอยู่ข้างหลังของจางฉี่เหาพุ่งขึ้นมา ชี้ไปที่ฟางเหยียนแล้วพูดว่า: “แกหมายความว่าอย่างไร? นี่คือจะลงมือกับพ่อของฉันเหรอ?”
“ฟางเหยียน ทางที่ดีแกปล่อยเดี๋ยวนี้ ถ้าพ่อของฉันเป็นอะไรไป ถึงแม้จะเอาชีวิตของแก ก็ชดใช้คืนไม่ได้”
“พ่อ พ่อเห็นเองแล้วใช่มั้ย? ไอ้หมอนี่จะลงมือกับพ่อแล้ว” แม่ของจางไห่เฟิงโวยวาย
ฟางเหยียนมองไปที่ทั้งสองคน แล้วพูดว่า: “คุณท่านเป็นคุณตาของภรรยาฉัน ก็ย่อมเป็นคุณตาของฉัน ฉันไม่มีทางลงมือกับเขา เพียงแต่เป็นคนอย่าได้มากเกินไป!”
จางซื่อตงชี้ไปที่ฟางเหยียนแล้วพูดอย่างโกรธเคือง: “แกคิดว่าตัวเองเป็นใครหา? กลับกล้าลงมือกับพ่อของฉัน”
“ฮ่าๆ!” ฟางเหยียนหัวเราะเยาะเย้ย: “ถ้าฉันลงมือขึ้นมาจริงๆ คุณคิดว่าคุณท่านยังมีชีวิตอยู่มั้ย?”
จางซื่อข่ายและจางซื่อตงก็ตกตะลึง รวมทั้งจางเจียวเจียวและเย่ชิงหยู่ก็นิ่งอึ้งกับคำพูดนี้ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฟางเหยียนจะพูดคำพูดที่เนรคุณมากขนาดนี้ออกมา
ลงมือขึ้นมา คุณท่านยังมีชีวิตอยู่มั้ย? ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่า ต้องการจะฆ่าพวกคุณ ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!
เย่ชิงหยู่รีบเรียกด้วยความกังวลว่า: “ฟางเหยียน นายรีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้ นายอย่าสุ่มสี่สุ่มห้า”
ฟางเหยียนพูดว่า: “วางใจเถอะ ฉันไม่ทำอะไรหรอก ตอนนี้คุณตาสบายดีมาก!”
จางซื่อตงและจางซื่อข่ายมองดูฟางเหยียนที่จับแขนของจางฉี่เหาไว้ กลับไม่กล้าเดินหน้า เพียงแค่พูดด้วยปากที่แข็งว่า: “แกมีความกล้าหาญมากนัก มากเกินไปแล้วจริงๆ พ่อ ผมจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาดูเรื่องดีๆที่ฟางเหยียนทำ!”
จางฉี่เหายกมือขึ้นมาทำท่าทางห้ามไว้ออกมา จางซื่อตงนิ่งไปครู่หนึ่ง ถามว่า: “พ่อ หมายความว่าอะไร?”
จางฉี่เหามองไปที่ฟางเหยียนแล้วพูดว่า: “จางเจียวเจียวเป็นลูกสาวของฉัน แกจะควบคุมที่ฉันสั่งสอนลูกสาวเหรอ?”