“อะไรนะ?” สีหน้าของโจวเจิ้งนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจ้องเขม็งพร้อมกับถามว่า“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
หวังชิงชิงอ้าปากค้างพร้อมกับพูดว่า “ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว นายไปเถอะ!”
เธอไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าทำแค่นี้ก็สามารถที่จะไล่คนอย่างโจวเจิ้งได้ โจวเจิ้งนั้นหัวเราะออกมา พร้อมกับพูดว่า “พี่สาว อย่ามาล้อเล่นแบบนี้ เพื่อที่จะไล่ฉันไป ก็คงสรรหาคำอะไรมาพูดก็ได้ งั้นเธอพูดมา ว่าเธอชอบใคร?”
หวังชิงชิงจ้องมองไปที่โจวเจิ้ง ดวงตานั้นสั่นไหวพร้อมกับพูดว่า “ฉันชอบ…”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ โจวเจิ้งก็พุ่งตรงไปจูบที่หวังชิงชิงทันที หวังชิงชิงดิ้นรนพร้อมกับผลักโจวเจิ้งออกไป ตะโกนร้องออกมาด้วยความโกรธเคือง “นายๆๆ นายทำอะไรน่ะ?”
โจวเจิ้งเยาะเย้ยพร้อมกับพูดว่า “ทำอะไร?นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ?ฉันบอกไปแล้วว่าฉันน่ะโตมากพอแล้วที่จะทำอะไรบางอย่างได้ ในเมื่อเธอไม่ตกลงที่จะกลับไปกับฉัน ฉันก็จะทำมันในที่สำนักงานของเธอนี่แหละ!”
ขณะที่พูด เขาก็ปลดเสื้อผ้าของเขาออก มองไปที่หวังชิงชิงด้วยท่าทางที่ชั่วร้าย
โจวเจิ้งที่อยู่ตรงหน้านั้นราวกับปีศาจ หวังชิงชิงได้แต่ขดตัวและถอยหนีด้วยความกลัว “ไม่ ไม่ได้ ที่นี่เป็นบริษัทนะ ถ้าโดนคนพบเข้า นายตายแน่”
โจวเจิ้งหัวเราะและพูดว่า “เธอวางใจได้ ไม่มีใครรู้หรอก ถึงรู้แล้วจะทำไมล่ะ ยังไงซะพวกเขารู้จักแค่เธอ ไม่ได้รู้จักฉันสักหน่อย”
หลังจากพูดจบ โจวเจิ้งก็กระโดดขึ้นไปและกอดหวังชิงชิงอย่างแนบแน่น
หวังชิงชิงตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง “ช่วยด้วย!”
“อย่าพยายามไปเลย มันไร้ประโยชน์!”โจวเจิ้งหัวเราะอย่าบ้าคลั่ง
หวังชิงชิงรู้ดีว่ามันไร้ประโยชน์ คนคนนี้นั้นดุร้ายและไม่สนใจใครอื่นเลย อะไรก็ตามที่เขาต้องการ เขาจะต้องได้มันก่อนถึงจะยอมเลิกรา ไม่งั้นตนอย่างที่จะอยู่ในสำนักงานนี้อย่างงั้นเหรอ?
ไม่ มันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน!เธอพยายามแก้ปัญหาตะโกนออกมา แต่เสื้อผ้าของเธอนั้นกลับถูกถอดออกอย่างไม่มีชิ้นดี
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีเสียงเย็นเยียบดังมาจากด้านหลังโจวเจิ้ง “นายเป็นใคร?”
เสียงนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนชะงักลง!
หวังชิงชิงมองไปและเห็นฟางเหยียนยืนอยู่ที่ประตูของสำนักงาน จ้องมองชายแปลกหน้าด้วยความว่างเปล่า
เมื่อเห็นฟางเหยียน หวังชิงชิงก็พูดขึ้นทันทีว่า “ท่านชาย ทำไมท่าน…”
เธอผลักโจวเจิ้งออกไป พร้อมกับหยิบเสื้อผ้าของเธออย่างรวดเร็ว พูดด้วยความตื่นตระหนก“ขอโทษค่ะท่านชาย!เดี๋ยวฉันจะจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ ให้เวลาฉันสักสองสามนาทีนะคะ”
เธอเองก็ไม่คิดว่าฟางเหยียนจะมาที่สำนักงานในเวลานี้
ดวงตาของโจวเจิ้งนั้นสบตากับหวางเยียน พร้อมกับพูดพึมพำว่า “ท่านชาย?”
“พี่สาว เธอคงไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม?”โจวเจิ้งชี้ไปที่ฟางเหยียนพร้อมกับถาม คำพูดนี้ทำให้หัวใจของหวังชิงชิงนั้นตื่นเต้นเลยทีเดียว เธอหายใจหอบหนักก่อนจะมีเวลาจะตอบ
ฟางเหยียนถามขึ้นอีกครั้ง “นายเป็นใคร?เป็นนายหรือเปล่าที่ทำร้ายยามด้านนอกน่ะ?”
โจวเจิ้งพูดอย่างเย็นชา “ใช่ ก็ฉันมาหาภรรยาของฉัน พวกเขาห้าม ฉันก็เลยต้องสู้!ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปแล้ว ถ้าไม่อยากสร้างปัญหา ก็ไสหัวไปซะ!”
โจวเจิ้งพูดอย่างหนักแน่นโดยที่ไม่ได้สนใจฟางเหยียนแม้แต่น้อย
ขณะที่พูด เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งโอบหวังชิงชิงอย่างแน่น จ้องไปที่ฟางเหยียนด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเฉียบแหลม เขาอยากจะฆ่าชายหนุ่มที่ป่วยตรงหน้าในไม่กี่วินาทีนี้ แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นกลับไม่มีความรู้สึกใดๆเลยสักนิด
คนปกติเมื่อโดนจ้องด้วยสายตาแบบนี้ก็แทบจะทรุดลงแล้ว เขาไม่กลัวงั้นเหรอ?
เขาคิดว่าด้วยคำพูดและสายตานี้จะทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นกลัวขึ้นมาได้ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคนๆนี้นั้นกลับไม่ไหวติง มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง อย่างแรกเลยคือเป็นคนโง่ อย่างที่สองคือคนๆนี้นั้นเป็นยอดฝีมือ
กำจัดข้อที่สองออกไป เขาเต็มใจที่จะเชื่อว่าชายคนนี้นั้นคือคนโง่
หวังชิงชิงดิ้นรน พูดกับฟางเหยียนเบาๆว่า “ท่านชาย ฉันไม่ได้เป็นภรรยาของเขา”
ไม่รู้ว่าทำไม การที่หวังชิงชิงได้พูดแบบนี้ออกมา มันเหมือนกับว่าเป็นการอธิบายให้ฟางเหยียนฟัง กลัวว่าฟางเหยียนจะเข้าใจผิด โจวเจิ้งนั้นเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจึงขมวดคิ้วทันที มองไปที่ฟางเหยียนอย่างตะลึงพร้อมกับถามว่า “งั้นที่เธอบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว คือเขางั้นเหรอ?”
แก้มของหวังชิงชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอสำลักและพูดว่า “โจวเจิ้ง นี่คือท่านชายของตระกูลฟาง นายอย่ามายุ่ง!”
โจวเจิ้งกัดฟันและพูดว่า “ท่านชายของตระกูลฟางแล้วยังไง?เธอคิดว่าฉันกลัวตระกูลฟางหรือไงกัน?”
“แซ่ฟาง ถ้าไม่อยากตาย ก็ไสหัวไป!”โจวเจิ้งกัดฟันอย่างเกลียดชังและเตือนฟางเหยียน
นี่เป็นครั้งที่สองแต่เป็นคนเดียวกันที่สั่งให้เขาไสหัวออกไป ในจีน ใครที่กล้าพูดแบบนี้กับฟางเหยียนล้วนตายไปแล้วทั้งนั้น
ฟางเหยียนจ้องมองไปที่โจวเจิ้งด้วยสายตาที่คุกคาม ท่าทางของอีกฝ่ายนั้นยังดูหยิ่งผยอง ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะสู้กับตน ฟางเหยียนมองไปที่หวังชิงชิง แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีกับหวังชิงชิง แต่ว่าเธอก็เป็นคนที่ทำงานให้เขา
เขาเลยพูดอย่างช้าๆออกไปว่า “เธอเพิ่งพูดว่าไม่ใช่ภรรยาของนาย คิดว่าจะมาเอาคนของฉันออกไปจากถิ่นฉัน นายคิดว่าได้งั้นเหรอ?”
โจวเจิ้งเยาะเย้ยด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาปล่อยหวังชิงชิงและถามว่า “แกพูดอะไร?คนของแก?”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองไปที่โจวเจิ้งด้วยสายตาที่ข่มขู่
โจวเจิ้งไม่ได้สนใจ เขาพ่นลมหายใจและกล่าวว่า “บอกว่าเป็นคนของแกใช่ไหม ดี งั้นฉันจะฆ่าแกก่อน แล้วค่อยพาเธอไป”
เมื่อพูดจบ โจวเจิ้งก็ยกมือขึ้นมา พร้อมกับพุ่งไปที่ฟางเหยียน การเคลื่อนไหวนั้นเร็วราวกับสายฟ้า คนอื่นยังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเขานั้นได้เริ่มลงมือแล้ว
หวังชิงชิงที่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เธอรู้ทักษะของโจวเจิ้งและรู้ว่าด้วยเขาเป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหน หากลงมือแล้วนั่นหมายถึงการฆ่าให้ตาย ในทางกลับกัน ท่านชายนั้นดูป่วยเล็กน้อย จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของโจวเจิ้งได้อย่างไรกัน ถ้าลงมือแล้ว โจวเจิ้งฆ่าท่านชายไปล่ะ เธอจะไปอธิบายกับตระกูลฟางยังไง ฉันจะคู่ควรกับท่านชายได้ยังไงกัน
เมื่อคิดถึงตอนนี้ จิตใจของเธอก็สับสนไปหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
ได้แต่ตะโกนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “อย่านะ!”
เสียงนี้ไม่ว่าจะตะโกนเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยไม่ได้อย่างสิ้นเชิง!
โจวเจิ้งง้างฝ่ามือไปที่ฟางเหยียน มันเหมือนกับมีดคมที่กำลังจะเข้าไปเฉือนร่างของฟางเหยียน ตัวละครนี้ ขยับแค่ครั้งเดียวก็ตายได้เลย ไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้แต่อย่างใด ในสายตาของโจวเจิ้งนั้น ฟางเหยียนก็เป็นแค่ท่านชายที่ไร้ประโยชน์!
แต่ในขณะที่ฝ่ามือที่เป็นมีดคมของโจวเจิ้งกำลังประชิดตัวฟางเหยียนนั้น รูม่านตาของเขาก็ได้ขยายออกเล็กน้อย
เกิดอะไรขึ้น?
คนล่ะ?
ขณะที่เขากำลังจะฆ่าฟางเหยียนที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่เห็นใครแล้ว คนคนนี้หายไปต่อหน้าต่อตาเขาเลยจริงๆ
“ป๊าบ!”เขารู้สึกได้เพียงแค่แรงตบเบาๆ จากนั้นหัวของเขาก็สั่น มันเป็นฝ่ามือของฟางเหยียนที่ตกลงมาบนใบหน้าและตบเข้าไปที่บ้องหูเขาอย่างแรง
โจวเจิ้งมองไปที่ฟางเหยียนด้วยความตะลึง ขมวดคิ้วจนอย่าไงพอใจ นี่มันบ้าอะไรกัน เขาหลบการโจมตีแล้วย้อนกลับมาตบได้อย่างไรกัน เขาประเมินศัตรูต่ำไป ที่แท้ตรงหน้าของเขาก็คือนักฆ่าที่แข็งแกร่งดีๆนี่เอง
ขณะที่เขากำลังเดาอยู่นั้น ก็มีแรงตบขึ้นมาอีกด้านหนึ่งเข้ามาที่บ้องหูของเขา
โจวเจิ้งมองไปที่ฟางเหยียนอย่างดุเดือด พร้อมกับพูดว่า “แกเป็นใครกันแน่?แกรู้หรือไม่ว่าไม่เคยมีใครที่จะมาตบหน้าของฉันได้ถึงสองครั้งขนาดนี้ ขนาดพ่อของฉันยังไม่ทำเลย แซ่ฟาง แกซวยแน่”