เขาตะโกนออกคำสั่งว่า “ลงมือ!”
แว็บเดียว ด้านในโรงงานเหล็กที่รกร้างมีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้ง ทหารกว่าสามพันนายที่สามคุณชายแห่งจินโจวพามาตายทั้งหมด
พ่ายแพ่ยับเยิน!
หลังจากที่พวกเขาจัดการศพทั้งหมดแล้ว จึงได้เดินไปข้างๆศพของอู๋เหยียน กำลังมองอู๋เหยียนที่นอนอยู่บนพื้นอันเยือกเย็น เทียนขุยยืนอยู่ด้านหน้าของเขา ยกมือขึ้นมาแล้วทำความเคารพแบบทหาร
แล้วตะโกนด้วยเสียงดังว่า “มีชีวิตเพื่อจอมพลโผ้จวิน ตายก็ยังปกป้องจอมพลโผ้จวิน! คุณคือความภูมิใจประเทศหวาของเราตลอดไป”
พูดจบ เขาถอดเหรียญตราอันสูงสุดของจนเองวางไว้ที่หน้าอกของอู๋เหยียน ตะโกน ต่อหน้าเหล่ากองทัพทหารกว่าพันนายที่อยู่ในโรงงานเหล็กว่า “ทุกคน ทำความเคารพ! ให้กับเกียรติยศของเหล่าฮีโร่อันสูงสุดของประเทศหวาของเรา”
เหล่าฮีโร่ของกองทัพยืนอกผ่ายไหลผึ่ง ทำความเคารพให้กับศพของอู๋เหยียนด้วยพิธีทหารอย่างสมเกียรติที่สุด
จากนั้น ทุกคนชูปืนสงครามในมือตัวเองขึ้นมา ยิงขึ้นไปบนฟ้าของโรงงานเหล็กรกร้างหลายนัด แว็บเดียว โรงงานเหล็กรกร้างนี้ได้มีเสียงเกียรติยศอันสูงส่งดังขึ้นอีกครั้ง
โรงงานเหล็ก เป็นพยานให้กับสิ่งที่ฮีโร่ประเทศหวาได้รับ!
——
ฟางเหยียนกำลังอุ้มเย่ชิงหยู่ แล้วกลับไปที่บ้านโดยตรง
เขาให้เย่ชิงหยู่กินยากล่อมประสาท เพื่อให้เธอปล่อยวางความหวาดกลัวกับสิ่งที่อยู่ภายในใจ เย่ชิงหยู่เป็นลมไปตอนที่หวาดกลัวขนถึงขีดสุด ดังนั้นหลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วจิตใจเธออาจจะแตกสลายถึงขั้นจมอยู่กับความกลัวนั้น
ฟางเหยียนกำลังมองไปยังเย่ชิงหยู่ที่นอนบนเตียง อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปปัดผมที่พาดมาบนหน้า ตอนที่มือลูบผ่านใบหน้าของเย่ชิงหยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะหยุดมือไว้บนใบหน้าของเธอ
นิ้วโป้งของเขาลูบผ่านแก้มเย่ชิงหยู่ไป นี่เป็นใบหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน หลังจากกำลังหลับใหลไปแล้วก็ดูสงบอย่างนั้นตลอดไป ฟางเหยียนนึกถึงตอนเป็นเด็ก ภาพความทรงจำที่แอบลูบแก้มของเย่ชิงหยู่ มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด
เขาหวังอย่างจริงจังว่าหญิงสาวคนนี้จะรักษาจิตใจที่ไร้ทุกข์ไร้กังวลแบบนี้ต่อไป ต่อให้มือทั้งสองข้างของตัวเองต้องแปดเปื้อนไปด้วยเลือด เขาก็ไม่อยากให้เพราะหญิงสาวได้รับบาดเจ็บแล้วเปลี่ยนไป
ในตอนที่ฟางเหยียนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ด้านนอกมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา นอกประตูมีเสียงอันร้อนใจไม่สงบของจางเจียวเจียวดังขึ้น “โธ่! แกว่าคนเราเนี่ยนะ ออกไปตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับมาอีก โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด คนก็ไม่รู้หายไปไหน ฉันไปแจ้งความ เค้าบอกว่าถ้ายังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ดำเนินคดีไม่ได้!”
“ฉันโทรหาฟางเหยียน แต่เด็กนั่นก็ไม่รับ ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนไปไหนกันแล้ว เฉิงฉู่ ปกติชิงหยู่ไม่เป็นแบบนี้นะ รบกวนแก รบกวนแกหาชิงหยู่ให้เจอให้ได้นะ”
เสียงของเฉิงฉู่ดังขึ้น “วางใจได้ คุณน้า ผมจะหาชิงหยู่ให้เจอให้ได้ เมืองจินโจวเล็กแค่นี้ เธอไม่มีทางเป็นอะไรหรอกครับ”
“อืม ฝากด้วยนะเฉิงฉู่” จางเจียวเจียงกล่าวอย่างซีเรียส
ขณะนี้ฟางเหยียนเดินออกมาจากห้อง แล้วเรียก “คุณน้าจาง!”
เสียงนี้เรียกจางเจียวเจียวจนชะงัก เธอรีบหันหน้ามา เมื่อมองก็เห็นฟางเหยียน ดวงตาทั้งคู่ของเธอเป็นประกาย เดินไปข้างๆฟางเหยียนแล้วกล่าว “ฟางเหยียน กลับมาแล้วเหรอ? แล้วชิงหยู่ล่ะ?”
“อยู่ในห้อง!” ฟางเหยียนกล่าวอย่างสงบ “เธอเหนื่อย ดังนั้นจึงพักผ่อน”
เมื่อจางเจียวเจียวได้ยิน ก็แข็งทื่อ จากนั้นได้ถามว่า “เหนื่อย? เมื่อคืนพวกแก…”
ฟางเหยียนมองเฉิงฉู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าว “เมื่อคืนพวกเราไปนอนข้างนอก เพื่อเป็นการไม่ถูกรบกวน ดังนั้นจึงปิดมือถือ พวกเราจึงไม่ได้ยินที่คุณน้าโทรเข้ามา”
จางเจียวเจียวได้ยินคำพูดนี้ก็หน้าแดงชั่วขณะ เธอได้ยินประโยคนี้จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อคืนฟางเหยียนเรียกเย่ชิงหยู่ออกไป ทั้งสองน่าจะไปเปิดห้องทำอะไรที่น่าระทึกกันแน่นอน คนวัยนี้ชอบสนุกกัน เธอไม่กล้ามองฟางเหยียน แล้วกล่าว “แกเนี่ยนะ ครั้งหน้าถ้าเป็นแบบนี้ โทรบอกฉันด้วยนะจำไว้ ปิดเครื่องจนฉันเป็นห่วงแทบแย่ นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะทำไง”
“พอล่ะ ฉันไปดูชิงหยู่หน่อย” พูดพลาง จางเจียวเจียวก็เดินเข้าไปในห้อง
คำพูดเมื่อกี๊พูดออกให้มาจางเจียวเจียวสบายใจ เพื่อไม่ให้เธอคิดมาก แต่เมื่อเฉิงฉู่ได้ยินกลับเป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง แน่นอน พวกเขาเป็นสามีภรรยา เฉิงฉู๋พูดอะไรมากไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แค่มองฟางเหยียน แล้วกล่าว “ในเมื่อชิงหยู่ไม่เป็นไร งั้นผมกลับก่อนก็แล้วกัน”
พูดพลางเขาก็เตรียมตัวจะออกไป แต่ฟางเหยียนเรียกเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน!”
เฉิงฉู่ได้ยินเสียงของฟางเหยียน จึงหยุดอยู่กับที่ หันหลังไปแล้วถาม “มีธุระอะไรมั้ย?”
ฟางเหยียนเดินเข้าไปใกล้ๆเฉิงฉู่ แล้วกล่าว “ถ้าตระกูลเฉิงของพวกคุณไม่อยากมีปัญหา ก็รีบๆตัดสัมพันธ์กับตระกูลเซียวเสีย”
เมื่อเฉิงฉู่ได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา มองฟางเหยียนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถาม “คุณหมายความว่าไง?”
ฟางเหยียนขยับปากแล้วยิ้ม กล่าว “เดินทางปลอดภัย ไม่ส่งนะ!”
เฉิงฉู่ชะงัก ยังอยากที่จะถาม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปาก แล้วเดินจากไป
ตอนที่มาถึงประตูของหมู่บ้าน เขาหยิบมือถือโทรหาเซียวห้าน แต่เสียงปลายทางกลับดังขึ้นว่าติดต่อไม่ได้ ตอนเช้า เซียวห้านโทรหาเขา บอกว่ามีอะไรจะเซอร์ไพรส์
แต่จนถึงตอนนี้ เซียวห้านยังไม่โทรหาตนแต่อย่างใด มาคิดเชื่อมโยงกับสิ่งที่ฟางเหยียนพูดเมื่อกี้ เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ฟางเหยียนคนนี้น่าสงสัยมาก
กล้าแสดงกิริยาที่ไร้มารยาทกับตัวเองขนาดนี้หลายครั้ง นี่ไม่ใช่แค่ทำกับตัวเองว่าเป็นศัตรูความรักอย่างเดียวแล้วเท่านั้น ราวกับมองว่าตัวเองเป็นศัตรู แล้วเตือนตัวเอง
คิดเชื่อมโยงไปกับครั้งที่แล้วในเรือนจำ เขาได้ฆ่าคนๆหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าวันที่สองก็ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว อำนาจแบบนี้ ต่อให้เป็นตระกูลเฉิงของเขาก็ทำไม่ได้ ฟางเหยียนนี่ ไม่ธรรมดา!
คนที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ แล้วเขาเฉิงฉู่จะไม่สืบตัวตนอย่างละเอียดได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงโทรหาเบอร์หนึ่ง แล้วกล่าว “ลุงรอง ผมอยากสืบข้อมูลของคนๆหนึ่งที่ชื่อฟางเหยียน คุณลุงเช็คให้ผมหน่อยได้มั้ย?”
“ฟางเหยียน?” ปลายทางส่งเสียงแม่เหล็ก เหมือนกับเสียงเทปแม่เหล็ก
“ใช่ครับ ลุงรอง!”
หลังจากที่ทั้งสองพูดกันไม่กี่ประโยค ปลายทางก็วางสายไป
เย่ชิงหยู่ที่อยู่ในบ้าน จางเจียวเจียวเห็นเย่ชิงหยู่สลบยังไม่ฟื้น ผมเผ้ารุงรัง ยิ่งรู้สึกร้อนรนเข้าไปใหญ่ เธอคิด ว่าสองคนนี้คงไม่เล่นอะไรเกินไปหรอกมั้ง ทำจนสลบไสลไม่ฟื้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหวาดผวาแทนเย่ชิงหยู่
ฟางเหยียนเพิ่งจะปลดทหารออกมา มีพลังจริง แต่จะใช้แบบนั้นก็ไม่ได้ อีกอย่าง เรื่องแบบนี้ใครจะรับไหว เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอจึงเดินออกมา เห็นฟางเหยียนกำลังปิดประตู จึงได้กล่าวว่า “ฟางเหยียน มานี่หน่อย”
ฟางเหยียนชะงัก แล้วมาข้างๆจางเจียวเจียว ถามว่า “ทำไมเหรอ? คุณน้าจาง”
จางเจียวเจียวลังเลสักพัก แล้วกล่าวอย่างรู้สึกไม่ค่อยดีว่า “มีบางเรื่อง ที่ฉันต้องคุยกับแกหน่อย”