บทที่ 64 สามวันต่อมาตระกูลตู้ถูกทำลาย
“อยากรู้อะไรพูดมาสิ” หลังจากที่เดินออกมาจากคอนโดของเย่ชิงหยู่ ฟางเหยียนจึงเอ่ยปากถามออกไปตรงๆ
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าถังยู่สวยจริงๆ นอกจากอกอึ๋ม รูปร่างของเธอยังสมส่วน เธอสวยและดูมีราศี
“คือว่าพ่อเป็นเป้าหมายที่ทำให้ฉันมุ่งมั่นมาตลอดชีวิต แต่ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อเลย ตอนเด็กๆ ฉันเคยฟังที่แม่เล่า เขาเป็นฮีโร่ของประเทศ ฉันอยากรู้ว่าพ่อทำอะไรในกองทัพ แล้วเขาตายยังไง” ถังยู่ถามฟางเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง
สองสามวันที่ผ่านมา คำพูดของฟางเหยียนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา เธอรู้ว่าพ่อเป็นฮีโร่ แต่เธอไม่เคยรู้เรื่องราวของพ่อเลย เธอรู้เพียงว่าพ่อเป็นผู้คุ้มครองประเทศที่อยู่ในกองทัพลึกลับของประเทศหวา
สิ่งที่ทำให้เธอสิ้นหวังที่สุดคือ เมื่อสองปีก่อนประเทศส่งกล่องใส่อัฐิของพ่อกับเหรียญกล้าหาญกลับมา
ฟางเหยียนหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงย้อนถามกลับไป “ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาถามฉันล่ะ”
ถังยู่มองฟางเหยียนอย่างจริงจัง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “เพราะนายรู้ว่าพ่อฉันทำอะไร”
ฟางเหยียนถามขึ้นว่า “เธอรู้ได้ยังไง”
ถังยู่ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เพราะนายคือคนที่ออกมาจากกองทัพลึกลับ! ฉันยังรู้อีกว่าชื่อกองทัพของนายคือ สำนักเจ็ดพิฆาต”
จู่ๆ สีหน้าของฟางเหยียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาจ้องถังยู่แล้วถามขึ้นว่า “เธอรู้ได้ยังไง เธอรู้ไหมว่านี่คือกองทัพลึกลับ คนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้”
ถังยู่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพราะฉันเป็นลูกสาวของถังชิงซาน ความสามารถด้านการสืบสวนที่พ่อมี ฉันก็มีเหมือนกัน!”
ถังชิงซานคือทหารที่มีฝีมือด้านการสืบสวนไม่เลวเลยทีเดียว เขาเป็นคนที่ทำงานมานาน เขาใช้ประสบการณ์เข้ามาทำงานในสำนักเจ็ดพิฆาตของฟางเหยียน แต่เมื่อเทียบชั้นกับเจ็ดเทียน ถังชิงซานยังห่างชั้นอยู่มาก
แต่ฟางเหยียนรู้จักสมาชิกในสำนักเจ็ดพิฆาต รู้จักนิสัยใจคอของทุกคนเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นว่าฟางเหยียนไม่พูดอะไร ถังยู่รู้ทันทีว่าเธอพูดถูกแล้ว เธอกลืนน้ำลายแล้วพูดต่อ “คนในกลุ่มของนาย เหมือนจะเป็นคนที่ลึกลับ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรไปสืบ แต่นั่นก็เป็นพ่อของฉัน ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อ และอยากรู้ว่าพ่อมีเรื่องราวที่กล้าหาญแบบไหนกันแน่!”
“ในเมื่อเธอรู้ว่าไม่ควรสืบ แต่เธอก็ยังไปสืบ ก็รู้อยู่ว่าผิดแต่ก็ยังทำ!”
น้ำเสียงของฟางเหยียนเกรี้ยวกราด ฟังแล้วเหมือนเขากำลังโกรธเป็นอย่างมาก
ถังยู่ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันรู้ แต่ฉันอยากรู้ว่าพ่อตายยังไง เขาเสียสละเพื่อประเทศยังไง เขาเป็นพ่อของฉัน ฉันไม่ได้อยากรู้แค่ว่าพ่อเป็นฮีโร่ของประเทศ ฉันอยากรู้ว่าพ่อผ่านอะไรมาบ้าง”
นี่เป็นความปรารถนาที่เด็กคนหนึ่งอยากรู้ถึงเรื่องราวของพ่อตัวเอง ตั้งแต่เด็กในหัวของถังยู่ก็มีพ่อเป็นแบบอย่างมาตลอด แต่เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าแบบอย่างของเธอทำอะไรมาบ้าง นี่ทำให้จิตใจของเธอไม่เป็นสุข
ฟางเหยียนชะงักฝีเท้าลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปวางบนไหล่ถังยู่ จากนั้นจึงพูดว่า “ตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เธอเอาเรื่องของฉันไปบอกใคร เรื่องที่พ่อเธอทำทั้งหมดถือเป็นความลับขั้นสุดยอดของประเทศ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เธอฟังแค่สิ่งที่ฉันพูดก็พอ พ่อของเธอเป็นหนึ่งในผู้ปกป้องที่แข็งแกร่งของประเทศหวา สำนักเจ็ดพิฆาตคือหน่วยป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศหวา การที่ให้เธอสืบจนรู้ถึงสำนักเจ็ดพิฆาต ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนชิ้นใหญ่ที่ฉันมีต่อพ่อของเธอ”
ถังยู่มองดวงตาแดงก่ำของฟางเหยียน เธอใจสั่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เธอไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาต้องเจออย่างแน่นอน
“พอเถอะ เธอกลับไปเถอะ เรื่องบางเรื่องเธอจะเข้าใจหลังจากนี้” ฟางเหยียนพูดเนิบๆ พูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับไป
“งั้น นายมีตำแหน่งอะไรในสำนักเจ็ดพิฆาต ทำไมนายถึงใช้กำลังภายในทำให้คนนั้นตายได้” ถังยู่อดถามขึ้นมาไม่ได้
ฟังเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงย้อนถามว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นกำลังภายใน”
ถังยู่ลังเลครู่หนึ่ง เธอพูดออกมาว่า “นอกจากกำลังภายใน ไม่มีใครสามารถทำให้เส้นลมปราณของคนๆ หนึ่งขาดจนตายได้ มันคือความหวาดกลัว หวาดกลัวจนถึงจุดสูงสุดและทำให้เส้นลมปราณในร่างกายขาด ฉันอยากรู้ว่านายมีตำแหน่งอะไรกันแน่”
ฟางเหยียนแสยะยิ้ม แล้วพูดออกมาว่า “เธอไม่ควรรู้ ทางที่ดีอย่าถามมาก เรื่องพวกนี้ไม่ดีกับตัวเธอเอง!”
พูดจบฟางเหยียนก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
ถังยู่ยืนมองแผ่นหลังของฟางเหยียนอยู่ที่เดิม ในใจของเธอขุ่นมัวไปหมด เธอไม่เหมือนกับเย่ชิงหยู่ เธอเป็นตำรวจ เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่คนธรรมดา ดูได้จากแววตาและการกระทำของเขา!
ฟางเหยียนเข้ามาในบ้านก็ได้รับข้อความ เป็นข้อความของเทียนขุย
เนื้อหาของข้อความคือ อีกสามวันจะเป็นงานเลี้ยงของตระกูลตู้
ฟางเหยียนรีบส่งข้อความกลับไปว่า: อีกสามวันตระกูลตู้ต้องถูกทำลาย!
ช่วงค่ำ
เย่ชิงหยู่นอนอยู่บนเตียง เธอนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ เธอสงสัยในตัวของฟางเหยียน
แต่เมื่อเห็นฟางเหยียนนอนหลับสนิทอยู่บนพื้น เธอก็คิดว่าตัวเองคิดมากไป ถ้าฟางหยียนเป็นขุนพลจริงๆ เขาจำเป็นต้องมานอนข้างเธอ แถมยังนอนข้างล่างเตียงอีกด้วย
ขอถามหน่อยเถอะ มีขุนพลที่ไหนจะไม่ยโสโอหังบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นขุนพลที่ยังหนุ่มอย่างฟางเหยียนอีก
ถ้าเขาเป็นขุนพลจริงๆ จากนิสัยของเขาแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านเขาต้องคุยไปทั่วจนทำให้คนทั้งเมืองจินโจวรู้
อย่าว่าแต่อยู่ห้องเล็กๆ แบบนี้เลย ขนาดคฤหาสน์หนานเจียวเขาคงเข้าไปอยู่ตั้งนานแล้ว
เฮ้อ ยุคสมัยที่สงบไม่มีสงคราม จะมีขุนพล จะมีสนามรบได้อย่างไรกัน
ยิ่งไปกว่านั้นคนหนุ่มอย่างฟางเหยียน จะผ่านสงครามที่ขุนพลในสมัยก่อนผ่านมาได้อย่างไรกัน