บทที่ 42 ฟ้าของจินโจวจะเปลี่ยนแล้ว
“แล้วยังไงล่ะ?” หลิวเอ้อหลงพูด “หรือเขาคิดว่าตัวเองมีปัญหางัดข้อกับบ้านเซียวในจินโจวหรือไง?”
“แกจะรู้อะไรล่ะ? แกรู้ไหมว่านายเทียนขุยนั่นเป็นใคร? นั่นน่ะเคยฆ่าคนสู้รบในสงครามมาก่อน ขนาดหวงหยวนฉาวยังเคารพพะเน้าพะนอเขาเลย เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งเขาสูงมาก และเมื่อกี้เขากลับทำเหมือนตัวเองเป็นการ์ดของฟางเหยียนเท่านั้น พวกแกดูตำแหน่งฐานะของฟางเหยียนไม่ออกหรือไง? พวกแกคิดจริงหรอว่าเขาจะเป็นแค่ลูกเขยบ้านเย่ง่ายๆอย่างนั้น?”
คำพูดของหลิวจินหม่านเหมือนระเบิดพุ่งเข้ากลางใจทุกคน เขาพูดถูก ตำแหน่งของฟางเหยียนนี่ต้องสูงกว่ารองผู้นำกองทหารภาคตะวันตกเฉียงใต้แน่ ขนาดรองผู้นำกองทหารยังเป็นแค่การ์ด เห็นได้ชัดเลยว่าฐานะเขาสูงส่งกว่ามาก
หลิวซื่อหลงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก คิดถึงคำพูดของฟางเหยียนก่อนหน้านี้ที่โรงแรมนานาชาติเทียนเยว่
เขาพยักหน้าเบาๆพลางว่า “พ่อพูดถูก ตำแหน่งฟางเหยียนคนนี้ไม่ใช่อะไรที่พวกเราจะต่อกรได้แน่ เทียนขุยเป็นคนของกองทหาร แถมยังเป็นรองผู้นำกองทหารภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเรา งั้นฟางเหยียนต้องมาจากกองทหารเหมือนกัน และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นผู้นำด้วย! ช่วงก่อนหน้านี้ได้ยินคนจำนวนไม่น้อยพูดถึงคนใหญ่คนโตคนนั้น ผมเดาว่าคงเป็นเขานี่แหละ”
ฟางเหยียนเป็นคนใหญ่คนโต นี่มันฐานะที่ทำให้คนตกใจมากเลยนะ!
“เจ้าสี่พูดถูก! เขายอมมาทักทายเรา แสดงว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านเย่ทั้งหมดแล้ว! รู้ว่าเราไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องบ้านเย่ ถึงเตือนไม่ให้เราไปยุ่ง พวกที่มีส่วนเอี่ยวหนีไม่รอดกันหรอก! เขาเตรียมตัวมานะ” หลิวจินหม่านพยักหน้าน้อยๆ เขารู้สึกได้ว่า ท้องฟ้าเมืองจินโจวจะเปลี่ยนแล้วล่ะ
หลิวเหยาเหยาอึ้งตะลึงไปแล้ว เธอคิดยังไงก็ไม่ออกเลยว่า ฐานะของฟางเหยียนจะสูงถึงระดับนี้!
ฐานะของฟางเหยียนสูงขนาดนี้ ตัวเองยังไร้เดียงสาไปแย่งของของเมียเขา ไม่ใช่หาเรื่องตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?
บนรถ
“จอมพลโผ้จวิน ตอนนี้จะไปบ้านตู้ไหมครับ?”
ฟางเหยียนครุ่นคิดสักครู่พลางว่า “ไม่ต้อง นายโทรหาเขาก็ได้แล้ว”
“ครับ!” เทียนขุยรับคำ
ถึงเขาจะอยากถามว่ามาบ้านหลิวด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ ทำไมไม่ไปบ้านตู้ แต่คิดๆแล้วไม่ควรพูดมาก จอมพลโผ้จวินต้องมีการตัดสินใจของตัวเองแน่ เขาไม่ควรถามมากความ
ดึกมากแล้ว ฟางเหยียนถึงกลับถึงบ้าน
เย่ชิงหยู่นั่งบนโซฟาอย่างโมโห พอเห็นฟางเหยียนกลับมา ก็พูดประชดประชันว่า “ฉันนึกว่านายจะนอนด้านนอกซะอีก ทำไมยังจะกลับมาอีกล่ะ?”
ฟางเหยียนอึ้ง ถามว่า “ทำไมผมต้องนอนข้างนอกด้วยล่ะ?”
เย่ชิงหยู่แค่นเสียงหึ มองค้อนฟางเหยียนหนึ่งทีพลางว่า “ทำไม? นายไม่รู้ว่าทำไมงั้นหรอ?”
ฟางเหยียนยักไหล่ เป็นเชิงว่าตัวเองไม่รู้
“นายออกไปกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือไง? ออกไปตั้งนานจนดึกป่านนี้พึ่งกลับมา มีอะไรกับหล่อนหรือไง?” น้ำเสียงเย่ชิงหยู่ไม่ดูเป็นมิตรเลย สีหน้าก็ดูโมโหมาก
ฟางเหนียนอึ้ง เห็นท่าทางน่ารักของเย่ชิงหยู่ เลยถามว่า “คุณ หึงหรอ?”
ไม่รู้ว่าเพราะโดนฟางเหยียนพูดแทงใจดำหรือเปล่า สีหน้าเธอเปลี่ยนฉับพลัน พูดอย่างร้อนตัวว่า “เปล๊า ไม่มีซะหน่อย! ใครจะไปหึงนายล่ะ ยังไงก็ตามนายก็แต่งงานกับฉันแล้ว ฉันไม่ควรถามเลยหรือไง?”
ฟางเหยียนพยักหน้าเล็กน้อยพลางว่า “เขาแค่มาขอความช่วยเหลือผม พอเสร็จเรื่อง ผมเลยแวะไปทำเรื่องอื่นนิดหน่อย”
เย่ชิงหยู่ยังคงไม่สบอารมณ์อยู่ดี ที่จริงยัยต่งยู่นั่นสวยขนาดนั้น แถมยังมีออร่า!
“ใครจะรู้ว่านายไปทำอะไรกันแน่ นายจะทำอะไรฉันไม่สน แต่นายอย่ากลับมาดึกแบบนี้อีกเป็นใช้ได้” พูดจบ เธอกอดอกเดินเข้าห้องไปทันที
ตอนนี้เอง เทียนขุยโทรมาหาเขา
“โผ้จวิน ผมแจ้งตู้วี่หลินแล้วครับ แต่ว่าเขาดูเหมือนไม่คิดจะทำอย่างนั้น”
“ต้องการให้ผมจัดการบ้านตู้ไหมครับ?”
ฟางเหยียนตอบ “ไม่ต้อง บ้านตู้ต้องจัดการแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“โผ้จวิน ผมมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ “เทียนขุยถามมาตามสาย “ทำไมคุณมาบ้านหลิวด้วยตัวเอง แต่ไม่ไปบ้านตู้ล่ะครับ?”
ฟางเหยียนสูดลมหายใจเข้าปอด พลางว่า “เพราะบ้านตู้มีส่วนร่วมในการให้ร้ายบ้านเย่ บ้านหลิวไม่มี ถึงฉันจะเกลียดบ้านเซียวที่สุด แต่ฉันไม่ขี้เกียจที่จะขุดรากถอนโคนบ้านตู้ด้วย”
“ผมเข้าใจแล้วครับ!” เทียนขุยตอบ
————
วันต่อมา ฟางเหยียนมาถึงตึกว่านฉงแต่เช้า
พอเสร็จ เขาก็ไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากตึกว่านฉง
นี่เป็นสวนสาธารณะเหมาะให้คนแก่มาพักผ่อนหย่อนใจ มีคนแก่มากมายมาทำกิจกรรมที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว
ฟางเหยียนนั่งลงที่ม้านั่งตัวหนึ่ง มองพวกคนแก่เต้นรำ เล่นหมากรุก ในใจอดชื่นใจไม่ได้ นี่คือโลกที่เขาปกป้องคุ้มครอง
“พ่อหนุ่ม!” ทันใดนั้นมีเสียงคนแก่คนหนึ่งดังขึ้น
ฟางเหยียนมองไปตามเสียง เป็นคนแก่อายุราวเจ็ดสิบแปดสิบปี เขาหัวเราะแหะๆพลางว่า “พ่อหนุ่ม เช้าขนาดนี้ไม่ไปทำงาน มาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
ฟางเหยียนตอบง่ายๆ “แวะมาดูนิดหน่อย มีอะไรหรือ?”
ความเย็นชาของเขาแผ่ซ่านออกมาจากในกระดูก ดังนั้นไม่ว่ากับใคร เขาก็กระตือรือร้นไม่ขึ้น ตอนที่คนๆหนึ่งฆ่าคนมากเกินไป เลือดก็อาจจะเย็นแล้วก็ได้
คนแก่หัวเราะว่า “พ่อหนุ่มเอ้ย ไม่มีแฟนล่ะสิ?”
ฟางเหยียนขมวดคิ้ว ในใจคิดหรือว่าตาแก่นี่จะแนะนำผู้หญิงให้เขาอีกคน?
แต่เขายังไม่ทันตอบ คนแก่พูดขึ้นอีก “ฉันมองเธออยู่นานแล้ว เอาแต่จ้องมองคนอื่น แถมยังไม่ไปทำงาน หนุ่มน้อยแบบเธอนี่คงยังไม่มีแฟนล่ะสิ”
“พ่อหนุ่มเอ้ย อายุยังน้อย ขอเตือนไว้หน่อยละกัน สังคมในตอนนี้น่ะ ถ้าเธอไม่มีความสามารถ หาแฟนไม่ได้หรอก ความสามารถคืออะไร รู้ไหม? ก็คือเงิน ถ้าไม่มีเงินนะ ไม่มีเมียหรอก”
“อย่าดูเลย ไปทำงานเถอะ! โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ อย่างสาวสวยนะ อยากแต่งงานกับหล่อน อย่างน้อยต้องมีเงินซักหลายล้านแหน่ะถึงจะเลี้ยงไหว ลูกสะใภ้ฉันนะ ต้องจ่ายไปถึงแปดแสนน่ะ”
ในตอนที่คนแก่กำลังพูดอยู่ สาวสวยขายาวเดินเข้ามาหาฟางเหยียนทีละก้าว
เธอมายืนหยุดข้างฟางเหยียน และนั่งลงข้างเขาอย่างเปิดเผย สองมือคล้องแขนเขาไว้พลางว่า “ใครบอกว่าเขาไม่มีแฟนกัน ฉันนี่ไงคะ”
“คุณตา ฉันไม่เอาเงินสักบาท ยอมฟรีๆเลยเป็นไง?” เวินหลานถามคนแก่คนนั้น
ดวงตาคนแก่คนนั้นแทบถลนออกนอกเบ้า มองเวินหลานที่แต่งตัวทันสมัย และหันไปมองฟางเหยียน มีความรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เวินหลานแกล้งยกขาขึ้นพาดไปบนขาฟางเหยียน พลางถามว่า “คุณตา ลูกสะใภ้คุณตาน่ะสวยเท่าฉันไหม?”
คนแก่ลุกขึ้น สบถออกมาหนึ่งทีก่อนว่า “ให้ตายเถอะ สมัยนี้อายุยังน้อยไม่ตั้งใจเล่าเรียน กลับเกาะผู้หญิงกิน”
คนแก่เดินหนีไปพลางสบถไม่หยุด
“มีธุระ?” ฟางเหยียนถามอย่างเย็นชา เขาไม่เห็นใจอะไรเวินหลานหรอก
เวินหลานมองค้อนฟางเหยียนหนึ่งทีพลางว่า “นี่ เมื่อกี้ฉันช่วยคุณไว้แท้ๆนะ จะขอบคุณสักคำก็ไม่มีหรือไง?”
“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไร ฉันไปก่อนละ” พูดจบ ฟางเหยียนลุกขึ้นเตรียมตัวเดินจากไป
“นี่นี่นี่!” เวินหลานรีบรั้งแขนฟางเหยียนไว้ พลางว่า “คือว่า ทำไมคุณเย็นชาขนาดนี้เนี่ย ฉันสวยขนาดนี้ ให้ฟรีคุณยังไม่เอาหรือไง?”